นิโคลัส แจ็คสัน กับ เชลซี ล้มเหลว หรือ เพิ่งเริ่มต้น ? - OPINION

  • นิโคลัส แจ็คสัน ถูกวิจารณ์ถึงฟอร์มการเล่นมาตลอดทั้งฤดูกาล
  • ดาวเตะเซเนกัลมีปัญหาเรื่องความเฉียบขาด แต่สถิติการเล่นออกมาในทิศทางที่ดี
  • ฤดูกาลหน้าอาจต้องปรับตำแหน่งการเล่น เพื่อความสมดุลของทีม
Chelsea FC v Tottenham Hotspur - Premier League
Chelsea FC v Tottenham Hotspur - Premier League / Ryan Pierse/GettyImages
facebooktwitterreddit

ในเวลานี้คงไม่มีแฟนบอลคนไหนไม่เคยได้ยินชื่อของ นิโคลัส แจ็คสัน ดาวเตะวัย 22 ปีผู้ดำรงตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าให้กับ เชลซี มาตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมา โดยชื่อของ แจ็คสัน ถูกพูดถึงอย่างบ่อยครั้งตลอดทั้งซีซันจากฟอร์มการเล่นที่ขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์ รวมถึงบุคลิกภาพส่วนตัวที่ถูกมองว่าเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด ส่งผลเสียต่อทีมมากกว่าผลดี จนหลายคนมองว่า แจ็คสัน คืออีกหนึ่งดีลที่ล้มเหลวของทัพสิงโตน้ำเงินคราม

อย่างไรก็ตาม เมื่อนำสถิติผลงานส่วนตัวของ แจ็คสัน ในฤดูกาลปัจจุบันมาเปิดดูกลับพบว่าผลงานของดาวเตะชาวเซเนกัลผู้นี้ไม่ได้แย่อย่างที่หลายคนคิด ในทางกลับกัน ตัวเลขกลับบ่งชี้ไปในทิศทางที่ดีด้วยซ้ำไป

Nicolas Jackson, Christopher Nkunku
Chelsea FC v West Ham United - Premier League / Catherine Ivill - AMA/GettyImages

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา นิโคลัส แจ็คสัน ถูก เชลซี ดึงตัวมาจากสโมสร บียาร์เรอัล ใน ลาลีกาสเปน ด้วยราคาค่าตัว 32 ล้านปอนด์ โดยเขาถูกวางบทบาทให้เป็นกองหน้าหมายเลขสองของทีม ซึ่งในเวลานั้นทัพสิงห์บลูมีกองหน้าป้ายแดงหมายเลขหนึ่งอยู่แล้วคือ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู และการเซ็น แจ็คสัน เข้ามาเพิ่มในบัญชีรายชื่อกองหน้าของสโมสร คือการวางให้เขาประสานงานกับ เอ็นคุนคู ในบทบาทกองหน้าคู่ หรือเป็นผู้เล่นตัวโรเตชั่นเมื่อ เอ็นคุนคู จำเป็นจะต้องพักในบางแมตช์

แต่แล้วเรื่องราวกลับพลิกผันอันเป็นโชคร้ายของ เชลซี เมื่อ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปแบบชนิดหาความฟิตไม่เจอทั้งฤดูกาล แจ็คสัน ผู้ซึ่งถูกวางมาให้เป็นกองหน้าตัวสำรองก็จำเป็นจะต้องขึ้นมาทำหน้าที่เป็นหัวหอกตัวจริงของทีมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งจนถึงปัจจุบันดาวเตะวัย 22 ปีผู้นี้ลงเล่นไป 42 เกม ยิง 17 ประตูและทำไปอีก 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นทุกรายการ มองจากตัวเลขอย่างเดียวถือว่าไม่แย่ แต่หลายคนก็มองว่าจำนวนประตูที่เขาทำได้ควรจะมากกว่านี้หากนับรวมกับโอกาสทองที่เขาพลาดไปหลายครั้งหลายหน

พูดถึง 17 ประตูที่แจ็คสันส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย ทำให้เขาถูกนำไปเทียบกับศูนย์หน้าระดับตำนาน พรีเมียร์ลีก อย่าง ดิดิเย่ห์ ดร็อกบา ซึ่งในฤดูกาลแรกของ ดร็อกบา กับ เชลซี เขายิงไปทั้งสิ้น 16 ประตูในทุกรายการ เทียบกับ แจ็คสัน แล้วน้อยกว่า 1 ประตู และถ้านับเฉพาะเจาะจงไปที่จำนวนประตูใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลแรกของแจ็คสัน ทำไปได้ถึง 14 ประตู ซึ่งก็มากกว่าฤดูกาลแรกของ ดร็อกบา กับเชลซีที่ยิงไป 10 ประตู ที่สำคัญคือยังเหลืออีกสองเกมให้ แจ็คสัน ลงเล่นเพื่อเพิ่มจำนวนประตูอีกด้วย

Didier Drogba
Chelsea v Sunderland - Premier League / Mike Hewitt/GettyImages

นอกเหนือจากเรื่องการทำประตู นิโคลัส แจ็คสัน ถือเป็นผู้เล่นที่มีความหลากหลายและความคิดสร้างสรรค์ในการเล่นเกมรุกไม่น้อย ด้วยทักษะการไปกับบอลได้อย่างคล่องแคล่วและมีความเร็ว ทำให้ แจ็คสัน เป็นศูนย์หน้าที่ทำได้มากกว่าการรอจบสกอร์ในกรอบเขตโทษ ในหลาย ๆ ครั้งเขาสามารถลงต่ำมาเชื่อมเกมหรือฉีกตัวไปด้านข้างเพื่อเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมทะลุขึ้นไปทำประตูได้ด้วย รวมถึงในแมตช์ใหญ่ ๆ ที่ต้องฟาดแข้งกับเหล่าบรรดาทีมบิ๊ก 6 แจ็คสัน ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวเก็บบอลในแดนบนเมื่อเพื่อนร่วมทีมคนอื่นต้องช่วยกันประคองเกมรับ และหลายครั้งความกล้าเล่นกล้าเลี้ยงของเขาคนเดียวก็แปรเปลี่ยนบอลจากแดนตัวเองไปสู่หน้าปากประตูคู่แข่งได้สำเร็จ เพียงแต่ตัวเขาและเพื่อนร่วมทีมมักจะเปลี่ยนโอกาสยิงเป็นประตูไม่สำเร็จเท่านั้นเอง ซึ่งก็เป็นปัญหาที่เหล่าบรรดาแนวรุกและโค้ชต้องช่วยกันรับผิดชอบ

จากบรรดาข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา ต้องอย่าลืมว่านี่คือฟุตบอลอาชีพฤดูกาลที่สองบนลึคสูงสุดของ แจ็คสัน เพียงเท่านั้น และดาวเตะผู้นี้อายุเพียง 22 ปี ดังนั้นอาจจะเป็นการใจร้ายไปเสียหน่อยหากจะมองว่านักเตะคนนึงล้มเหลวตั้งแต่กระดูกการฟาดแข้งของเขายังไม่เติบโตเต็มวัย แน่นอนว่าจุดบกพร่องมีให้เห็น ที่สำคัญคือเขาจะปรับแก้มันได้มากน้อยแค่ไหนในช่วงเวลาที่เขาเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆบนเวทีลีกสูงสุด

Nicolas Jackson
Nottingham Forest v Chelsea FC - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

สิ่งที่น่าสนใจคือในฤดูกาลหน้าหาก คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู กลับมาฟิตพร้อมลงสนามเต็มร้อย รวมถึงแนวโน้มที่บอร์ดเชลซีจะเซ็นกองหน้าคนใหม่เข้ามาร่วมทีมอีกหนึ่งราย และยังมี โรเมลู ลูกากู ที่แม้จะน้อยนิดแต่ก็มีโอกาสที่จะกลับจากการยืมตัวมารับใช้ต้นสังกัดอย่าง เชลซี ตำแหน่งของ แจ็คสัน จะไปลงเอยที่ตรงไหน แน่นอนว่าเขาคงไม่ใช่ตัวเลือกกองหน้าอันดับหนึ่งอีกต่อไป แต่อาจจะได้ลงเล่นเป็นกองหน้าตัวต่ำในแผนกองหน้าคู่เพื่อลงมาเชื่อมเกมแบบที่เขาทำได้ดีมาตลอดในฤดูกาลนี้ หรืออาจจะโดนปรับไปเล่นตัวริมเส้นฝั่งซ้ายซึ่งตอนนี้ยังไม่มีนักเตะคนไหนของ เชลซี จับจองอย่างเป็นทางการ

ที่แน่ๆคือ นิโคลัส แจ็คสัน ยังคงมีเวลาพิสูจน์ตนเองอีกพอสมควร ซึ่งเขาก็คงรู้ตัวดีว่าข้อบกพร่องของเขาอยู่ตรงไหน และเมื่อถึงเวลาอันสมควร ฟอร์มการเล่นจะเป็นตัวตัดสินเองว่าตัวเขา รอด หรือ ร่วง บนเวที พรีเมียร์ลีก


อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม เชลซี ได้ที่นี่