จบอย่างไม่เป็นทางการ ! และแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2022/23 ได้แก่... แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - OPINION

Everton FC v Manchester City - Premier League
Everton FC v Manchester City - Premier League / Michael Regan/GettyImages
facebooktwitterreddit

ให้เดาใจสาวกปืนใหญ่ ที่จริงพวกเขาคงแอบหวังว่า สุดสัปดาห์ที่เพิ่งผ่านมานี้ จะเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" อีกครั้งของการคั่วแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2022/23 เช่นว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะไม่ชนะ เอฟเวอร์ตัน แล้ว อาร์เซน่อล เช็คบิล ไบรท์ตัน เพื่อเด้งแซงขึ้นไปนำจ่าฝูงอีกหน

แต่เมื่อเรื่องจริงไม่ได้เป็นอย่างฝัน และเลวร้ายกว่าฝันร้ายหลายเท่า

อาร์เซน่อล ก็คงต้องยอมยกธงแต่โดยดี ยอมรับว่าพี่เรือใบสีฟ้า แมนฯ ซิตี้ เขากำลังจะเป็นแชมป์ 3 ปีซ้อน...

ไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับปืนโต

คงต้องย้อนไปว่ากันถึงสถานการณ์ก่อนเกมล่าสุดกันอีกครั้ง ว่าแม้ แมนฯ ซิตี้ จะถือไพ่ได้เปรียบอยู่ก็จริง แต่ภาพก็คล้ายๆ ว่า อาร์เซน่อล กำลังจ้องตาเขม็งจะยกไม้หน้าสามฟาดหัวเรือให้จั๋งหนับ หากพบว่าอีกฝ่ายเกิดสะดุดเอียงกะเท่เร่ขึ้นมา

เพราะการบุกเตะที่ กูดิสัน พาร์ค ของ เอฟเวอร์ตัน มันเกิดขึ้นภายหลังศึกหนักของ แมนฯ ซิตี้ ในการไปเยือน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว แค่ 5 วัน ไหนเลยว่าพวกเขาก็ยังมีคิวเตะตัดสินกับ เรอัล มาดริด เลกสอง รออยู่แบบขนาบข้างด้วยในอีกเพียง 3 วันให้หลังจากแมตช์นี้

การที่ แมนฯ ซิตี้ นำหน้า อาร์เซน่อล อยู่แค่แต้มเดียว จึงมีสิทธิ์จะพลิกสลับกลับกลายเป็น อาร์เซน่อล ขยับขึ้นแซงนำได้อีกครั้ง หากว่าเรือเกิดสะดุดขึ้นมาในคู่เร็ววันอาทิตย์ แล้วปืนได้เฮในการเปิดรังรับมือ ไบรท์ตัน เป็นคู่หลัง

ถ้าออกรูปนี้ อาร์เซน่อล จะคืนสู่จ่าฝูงอีกหนด้วยการมี 84 แต้ม ส่วน แมนฯ ซิตี้ มี 83 ถ้าเสมอ หรือหยุดนิ่งที่ 82 ถ้าแพ้

เพียงแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็โรคจิตมากพอจะ "แทบไม่โรเตชั่น" อะไรสักเท่าไหร่ ตัวที่ได้พักมีแค่ เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แจ๊ค กรีลิช และ จอห์น สโตนส์ เท่านั้น นอกนั้นอีก 7 ตำแหน่ง คงเดิมไว้จากเกมเสมอ เรอัล มาดริด 1-1 ที่สเปน

เท่ากับที่แฟนๆ ทอฟฟี่ แอบหวังว่าจะไม่ต้องรับมืออาวุธหนักอย่าง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ เป็นอันฝันค้างตั้งแต่เห็นไลน์อัพ

และสำคัญคือ ฝั่ง "โปร-อาร์เซน่อล" คงไม่ได้ทันนึกถึงว่า เอฟเวอร์ตัน ชั่วโมงนี้... มันพึ่งพาบ่ดั้ย!

อาจฮึดขึ้นในเกมบุกทะลวง ไบรท์ตัน แบบสุดเซอร์ไพรส์ 5-1 วีกก่อน แต่นั่นเป็นเพียงชัยชนะแรกที่เกิดขึ้นหลังการไม่ชนะใคร 7 เกมติดต่อกัน (เสมอ 4 แพ้ 3) และโดยเฉพาะว่า เอฟเวอร์ตัน ได้แรงส่งจากการเจาะประตูเจ้านกนางนวลเข้าตั้งแต่เกมเริ่มไปไม่กี่สิบวินาที แถมครึ่งแรกก็ฉีกกระจายแล้ว 3-0 เรียกว่า ไบรท์ตัน สติสตังหลุดกันไปเองมากกว่า ก็น่าจะได้

พอมาต้องเจอของจริง ของแข็ง ของโหดสุดๆ ไปเลยจ้าอย่าง แมนฯ ซิตี้ แล้ว ก็พังพาบแบบไม่ต้องลุ้นอะไรทั้งสิ้น -- ตามหลัง 2-0 ก่อนหมดครึ่งแรกจากลูกซันแบ็กเหนือชั้นของ อิลคาย กุนโดกัน และลูกโขกของ ฮาแลนด์ (เม็ดที่ 52) ก่อนต้นครึ่งหลัง น.51 ก็ปิดเกมเบ็ดเสร็จจากฟรีคิกงามๆ ของ กุนโดกัน คนเดิม

แมนฯ ซิตี้ สะสมแต้มเข้ากระเป๋าเพิ่มเป็น 85 คะแนน แล้วถ่ายโอนความกดดันในการ "ไล่ตาม" ให้เป็นของ อาร์เซน่อล แทน

Josep 'Pep' Guardiola, Erling Haaland
Everton FC v Manchester City - Premier League / James Gill - Danehouse/GettyImages

อาร์เซน่อล ซองแตกเองอีก

สำคัญกว่าชัยชนะของ แมนฯ ซิตี้ ก็คือ อาร์เซน่อล ดันสะดุดล้มหน้าทิ่มคา เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ไปเองด้วย

90 นาทีล่าสุดที่รังปืน คือภาพที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนอย่างแท้จริง

เพราะอาจใช่ที่ ไบรท์ตัน ก็แข็งแกร่งมิใช่เบา แต่พวกเขาเพิ่งปีกหักแพ้มา 1-5 และเวลาเดียวกัน อาร์เซน่อล ดูกำลังฟื้นความแข็งแกร่งกลับมาได้แล้ว (หลังจากออกลูกแกว่งในเดือนเมษายน) ด้วยการกำชัย 2 เกมหลัง เหนือ เชลซี 3-1 และ นิวคาสเซิ่ล 2-0

สำหรับภาพในครึ่งแรก อาร์เซน่อล ก็ดูกระตือรือร้น ดุดันอันตรายดีไม่น้อย น่าออกนำจากจังหวะตะบันของ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่เช็ดคานบนออกหลัง เช่นเดียวกับจังหวะตวัดของ บูกาโย่ ซาก้า ที่เฉี่ยวเสาแรกไปแค่คืบ

แต่ปรากฏว่าครึ่งหลัง...

0-1 ฮูลิโอ เอ็นซิโช่ สบโอกาสโหม่งโล่งๆ เมื่อ ยาคุบ กิวิออร์ ก้มลงหาเศษเหรียญพอดี น.51

0-2 เดนิซ อุนดาฟ ฉวยโอกาสที่บอลเปิดเกมจาก ทรอสซาร์ เด้งกลับเข้าหา (แบบไม่ล้ำ) ตักข้าม อารอน แรมส์เดล น.86

0-3 เปร์วิส เอสตูปินยาน ซ้ำดาบสองโล่งๆ น.90+6

0-3 คาบ้าน อาจเป็นความพ่ายแพ้เกมเหย้าแค่นัดที่ 2 ของซีซั่น แต่ก็ร้ายแรงมากพอจะทำให้แชมป์พรีเมียร์ลีก "หลุดมือ" อาร์เซน่อล ไปเรียบร้อย

เมื่อภาพตอนนี้คือ

อันดับ

เตะ

แต้ม

1. แมนฯ ซิตี้

35

85

2. อาร์เซน่อล

36

81

แต้มน้อยกว่าไม่พอ ยังแข่งมากนัดกว่าอีก แบบนี้ก็ตายสนิทอย่างเดียว!

Arsenal FC v Brighton & Hove Albion - Premier League
Arsenal FC v Brighton & Hove Albion - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

ไม่ต้องรอถึงนัดปิดซีซั่น

ด้วยผลของเกมล่าสุดนี้ ทำให้จากเดิมที่กะเก็งกันว่า แชมป์พรีเมียร์ลีกอาจต้องลุ้นกันถึงนกหวีดสุดท้าย และมีแฟนปืนโตจำนวนมากที่ยอมจ่ายหนักเพื่อจองตั๋วเกมนัดปิดซีซั่นกับ วูล์ฟส์ (28 พ.ค.) เผื่อจะได้ดูซีนชูถ้วยฉลองแชมป์กลาง เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

เสียงจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กระซิบบอก... "โทษที สุดสัปดาห์นี้ก็จบแล้วจ่ะ"

นี่คือโปรเกรมสุดสัปดาห์นี้ : เสาร์ 5 ทุ่มครึ่ง ฟอเรสต์ - อาร์เซน่อล / อาทิตย์ 4 ทุ่ม แมนฯ ซิตี้ - เชลซี

เพราะด้วยช่องห่าง 4 แต้ม กับ 2 เกมสุดท้ายของ อาร์เซน่อล นั้น ต่อให้ปืนใหญ่จะกราดยิง ฟอเรสต์ สัก 10-0 หรือ 20-0 ก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งสิ้น หากว่ารุ่งขึ้น แมนฯ ซิตี้ เช็คบิล เชลซี ได้อย่างไม่พลาด

ถ้าต่างฝ่ายต่างชนะเกมสุดสัปดาห์นี้ ภาพของตารางจะกลายเป็น

อันดับ

เตะ

แต้ม

1. แมนฯ ซิตี้

36

88

2. อาร์เซน่อล

37

84

4 แต้มกับ 1 เกมสุดท้ายที่ยังเหลือของ อาร์เซน่อล เป็นอันจบทั้งในทางทฤษฎีและปฏิบัติ

หรือกระทั่งว่า แมนฯ ซิตี้ จะได้แค่ผลเสมอจาก เชลซี มันก็จะเป็น 86:84 และเด็กๆ ของ เป๊ป ก็ยังจะไปการันตีแชมป์ได้อยู่ดีในเกมตกค้างกับ ไบรท์ตัน พุธ 24 พ.ค. ไม่ต้องรอถึงเกมปิดซีซั่น โดยขออีกแค่แต้มเดียวก็เป็นอันจบเรื่อง -- 87:84 พร้อมผลต่างที่ได้เปรียบอยู่ 20 ลูก (ตอนนี้ +61 กับ +41)

เพราะฉะนั้น เงื่อนไขเดียวที่ อาร์เซน่อล ยังจะเป็นแชมป์ได้ ก็คือหวังให้

1) อาร์เซน่อล ต้องชนะ ฟอเรสต์ เท่านั้นในวันเสาร์

และ 2) เชลซี พลิกชนะ แมนฯ ซิตี้ เท่านั้นในวันอาทิตย์

Kai Havertz, de Moraes Ederson, Manuel Akanji
Chelsea FC v Manchester City - Premier League / Visionhaus/GettyImages

3 ปีซ้อนและหนที่ 5 จาก 6 ปีหลัง

แต่ก็อีกนั่นแหละ มองจากดวงจันทร์ลงมาก็เห็น ว่า อาร์เซน่อล แทบไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้วในทางปฏิบัติ

เพราะนี่คือ แมนฯ ซิตี้ 2022/23


  • - ชนะในลีกมาแล้ว 11 เกมติดต่อกัน

    - ไม่แพ้ใคร 22 นัดติดต่อกันในทุกรายการ

    - แพ้หนสุดท้าย แพ้ สเปอร์ส 0-1 เมื่อ 5 ก.พ.

    - บุกชนะ เชลซี ถึงลอนดอนมาแล้ว 1-0 เมื่อ 5 ม.ค.

มาดีขนาดนี้ แค่เอาชนะ เชลซี ที่สะเงาะสะแงะจัดๆ ในยุค แฟร้งค์ แลมพาร์ด 2.0 (ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 6) อีกแค่เกมเดียว เป็นอันจบ

แมนฯ ซิตี้ จะยอมพลาดได้ไง

หรืออย่าว่าแต่ แมนฯ ซิตี้ เลย เอาแค่ว่า อาร์เซน่อล จะบุกชนะ ฟอเรสต์ ได้แน่ๆ จริงไหมในวันเสาร์นี้ ก็ยังไม่มีการันตีด้วยซ้ำไป

เพราะฉะนั้น ก็คงสรุปได้แล้วว่า การช่วงชิงแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2022/23 จบลงแล้วอย่างไม่เป็นทางการ

และแชมป์ก็ได้แก่มหาอำนาจหน้าเก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นเอง...

Fernandinho
Manchester City v Aston Villa - Premier League / Stu Forster/GettyImages

ทำเนียบแชมป์ พรีเมียร์ลีก 10 ปีหลัง แบบไม่ต้องรอ กกต. นับคะแนน

ซีซั่น

แชมป์

รองแชมป์

2013/14

แมนฯ ซิตี้

ลิเวอร์พูล

2014/15

เชลซี

แมนฯ ซิตี้

2015/16

เลสเตอร์

อาร์เซน่อล

2016/17

เชลซี

สเปอร์ส

2017/18

แมนฯ ซิตี้

แมนยู

2018/19

แมนฯ ซิตี้

ลิเวอร์พูล

2019/20

ลิเวอร์พูล

แมนฯ ซิตี้

2020/21

แมนฯ ซิตี้

แมนยู

2021/22

แมนฯ ซิตี้

ลิเวอร์พูล

2022/23

แมนฯ ซิตี้

อาร์เซน่อล