เงินเท่านั้นที่ Knock Everthing : เหตุผลสำคัญสุดในการไปยัง ซาอุฯ ของ คูลิบาลี่, ก็องเต้, เนเวส และอื่น ๆ - OPINION
ภายใต้การตัดสินใจของหลายดาวดัง พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะจาก เชลซี ที่เลือกตบเท้าย้ายไปยัง โปรลีก ซาอุดีอาระเบีย อาจมีคำถามว่า "เพราะอะไร" พวกเขาจึงจิ้มเลือกทางนี้ เพื่อความท้าทายใหม่? หาโอกาสเล่นสม่ำเสมอ? เปิดประสบการณ์ฟุตบอลตะวันออกกลาง? ลุ้นความสำเร็จช่วงบั้นปลาย?
อย่าเลย ไม่ใช่อะไรที่สลับซับซ้อนขนาดนั้นหรอก เพราะเหตุผลสำคัญสุดก็มีแค่ "เรื่องเดียว" เท่านั้นเอง...
26/06 คอนเฟิร์มดีลไหนบ้างแล้ว
นอกจากที่ปิดดีลไปเรียบร้อยและทราบกันดีอยู่แล้วอย่าง คาริม เบนเซม่า กับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (อัล-อิตติฮัด ทั้งคู่) ช่วงไม่กี่วันหลัง โปรลีก ซาอุฯ ก็ยังได้เปิดประตูรับซุปตาร์เพิ่มเติมขึ้นอีกเล็กน้อย ประมาณนี้...
- เอดูอาร์ เมนดี้ : เชลซี ไป อัล-อาห์ลี
แม้ยังรอการยืนยันเป็นทางการ แต่นายทวารผู้มีเส้นทางการผจญภัยเหมือนหนังดีๆ เรื่องหนึ่ง (ภาคหนึ่ง : โดนปล่อยจาก แชร์กบูร์ก > ตกงาน เริ่มหางานทำ (ที่ไม่ใช่นักบอล) ตอนอายุ 22 > เซ็นสัญญากับ มาร์กเซย > แจ้งเกิดกับ แรนส์ > ย้ายไป เชลซี > ครองแชมป์ ชปล. / ภาคสอง : หลุดเป็นสำรอง > ไร้อนาคตกับ เชลซี > ไปเริ่มต้นใหม่ที่ ซาอุฯ) ก็เป็นข่าวจากทุกสำนักว่าสามารถตกลงกับ อัล-อาห์ลี หนึ่งใน 4 น้องใหม่ของโปรลีก ได้แล้ว ซึ่งนายประตูเซเนกัลวัย 31 ก็นับเป็นซูเปอร์สตาร์รายแรกของ อัล-อาห์ลี ด้วย
- ฮาคิม ซีเย็ค : เชลซี ไป อัล-นาสเซอร์
จะออกจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ ตั้งแต่ตลาดหน้าหนาวต้นปีที่ผ่านมาแล้ว แต่โชคชะตาก็เล่นตลกแบบนี้ จากท็อปทีมเกรดพรีเมี่ยมอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ถึงตอนนี้ ฮาคิม ซีเย็ค กำลังจะเซ็นสัญญากับ อัล-นาสเซอร์ แทน เอาเป็นว่า ถึงไม่ได้เล่นเคียงข้าง เมสซี่ ก็จะมีเพื่อนใหม่เป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้วกัน!
- รูเบน เนเวส : วูล์ฟแฮมป์ตัน ไป อัล-ฮิลาล
แถลงดีลเป็นทางการแล้ว สำหรับการที่แชมป์โปรลีก 18 สมัย อัล-ฮิลาล ตกลงจ่าย 47 ล้านปอนด์ (60 ล้านดอลล่าร์ฯ / 55 ล้านยูโร) ให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เพื่อคว้ามิดฟิลด์ทีมชาติโปรตุเกสไปเป็น "ซุปตาร์เรือธง" แห่งลีกซาอุฯ
ด้วยวัยเพียง 26 เนเวส สามารถย้ายไปยังท็อปทีมที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะ บาร์เซโลน่า ที่อยากได้ รวมถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เป็นข่าวมานาน แต่ก็ชัดเจนว่า อัล-ฮิลาล เป็นผู้ "ชนะประมูล" ด้วยการยอมจ่ายหนัก 47 ล้านปอนด์ แลกนักเตะที่เหลือสัญญากับ วูล์ฟส์ อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น -- ณ ตอนนี้ เท่ากับ เนเวส เป็นนักเตะค่าตัวแพงสุดของ โปรลีก ด้วย
- คาลิดู คูลิบาลี่ : เชลซี ไป อัล-ฮิลาล
ไม่ได้นานเกินฟื้นความทรงจำ ว่าในสมัยพีคๆ คาลิดู คูลิบาลี่ เจ๋งเป้งในระดับ "กองหลังเบอร์ 1 เซเรีย อา" การันตีด้วยการติดทีมแห่งปีลีกเลี่ยนถึง 4 รอบ 2015/16, 2016/17, 2017/18 และ 2018/19 ยิ่งกว่านั้นยังผงาดรางวัล Serie A Best Defender 2018/19 ด้วย ซึ่งอะไรเหล่านี้คือจุดที่ทำให้ ออเรลิโอ เด เลาเรนติส บิ๊กบอส นาโปลี โก่งราคาค่าตัวของ คูลิบาลี่ ไปจนถึงหลัก 100 ล้านยูโร หรือทะลุร้อยไปอีก และแน่นอน แมนฯ ยูไนเต็ด หรือใครที่หมายปอง ล้วนแต่สู้ราคาไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม การเลือกเก็บ คูลิบาลี่ เอาไว้จน "เลยจุดพีค" ก็กลายเป็นหนามที่ย้อนมาทิ่มแทง นาโปลี เอง ว่าในที่สุดต้องปล่อยขายให้กับ เชลซี ในราคาแค่ 33 ล้านปอนด์ ตอนที่นักเตะเข้าสู่ระยะสัญญาปีสุดท้าย ซัมเมอร์ที่แล้ว
จากร้อยมาเหลือ 33 และก็เหลือแค่ราวๆ 20 ล้านปอนด์เท่านั้นในการย้ายออกจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปซบตัก อัล-ฮิลาล (ที่เดียวกับ รูเบน เนเวส) ในสัญญายาว 3 ปี หลังจากสวมเครื่องแบบตราสิงห์ได้แค่ปีเดียวถ้วน
แต่อย่างไรเสีย ก็ควรถือเป็นการ "กำขี้ดีกว่ากำตด" ของ เชลซี อยู่เหมือนกัน เมื่อ คูลิบาลี่ สูงวัยถึง 32 ขวบแล้ว ถ้าไม่ขายตอนนี้ ก็มีแต่จะราคาร่วงลงไปทุกปี ดีไม่ดีถ้า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เข้ามาแล้วไม่ใช้ จะขายไม่ออกเอาด้วย
'เงิน' เท่านั้นที่ Knock Everthing!
ไม่ต้องบอกหรอกว่า ย้ายไปเพื่อหาความท้าทายใหม่, ไปหาโอกาสลงเล่นสม่ำเสมอ, เพื่อเปิดประสบการณ์ฟุตบอลตะวันออกกลาง หรือไปลุ้นความสำเร็จในบั้นปลายอาชีพ
เพราะใครก็มองออก ว่าสาเหตุสำคัญสุดของการมายัง โปรลีก ซาอุฯ คือเรื่อง "เงิน" เท่านั้น
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (อัล-นาสเซอร์) : ปีละ 177 ล้านปอนด์ ในสัญญา 2 ปีครึ่ง : เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3.4 ล้านปอนด์
คาริม เบนเซม่า (อัล-อิตติฮัด) : ปีละ 172 ล้านปอนด์ ในสัญญา 3 ปี : เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3.3 ล้านปอนด์
คาลิดู คูลิบาลี่ (อัล-ฮิลาล) : ปีละ 25 ล้านปอนด์ ในสัญญา 3 ปี : เฉลี่ยสัปดาห์ละ 4.8 แสนปอนด์
ฮาคิม ซีเย็ค (อัล-นาสเซอร์) : ปีละ 25 ล้านปอนด์ ในสัญญา 3 ปี : เฉลี่ยสัปดาห์ละ 4.8 แสนปอนด์
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (อัล-อิตติฮัด) : ปีละ 21.5 ล้านปอนด์ ในสัญญา 4 ปี : เฉลี่ยสัปดาห์ละ 4.2 แสนปอนด์
รูเบน เนเวส (อัล-ฮิลาล) : ปีละ 16 ล้านปอนด์ ในสัญญา 3 ปี : เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 แสนปอนด์
เลิกพูดถึงตัวเลข "สัปดาห์ละ 1 ล้านปอนด์" ไปได้เลย เมื่อลีกซาอุฯ อัดเงินจ้าง โรนัลโด้ กับ เบนเซม่า ในหลัก 3 ล้านปอนด์อัพต่อ 7 วัน เรียกว่าหายใจเข้าหนึ่งฟอด หายใจออกหนึ่งฟืด ทั้งสองคนก็มีเงินเข้าบัญชีแล้ว
3 ล้านปอนด์ เงินจำนวนนี้มากพอจะลงทุนเทกโอเวอร์สโมสรเล็กๆ บางรายในลีกอังกฤษได้ หรือถ้าจะเก็บเงินสักเดือน (15 ล้านปอนด์) ก็เข้าเป็นหุ้นส่วนทีมระดับ อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ได้เลย
และถ้ายึดตามชาร์จข้างต้น (ซึ่งเป็นตัวเลขประมาณการณ์โดยสื่อ ไม่ใช่ที่เปิดเผยจริงจากสโมสร) ซูเปอร์สตาร์รายใหม่แห่งลีกซาอุฯ ที่ได้เงินต่ำที่สุดอย่าง รูเบน เนเวส ก็ยังฟันเน้นๆ 3 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ (บางแหล่งยังบอกว่า ไม่ต้องเสียภาษีอีกต่างหาก) คนละเรื่องกับที่รับ 5 หมื่นปอนด์จาก วูล์ฟส์
เพราะแม้ทุกนักเตะจะมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ มีสถานะ "ร่ำรวย" อยู่แล้ว แต่การมารับเงินก้อนตู้มๆ ที่ซาอุฯ คืออะไรที่พวกเขาไม่อาจหาได้จากที่ไหน และมันดีพอจะทำให้ชีวิตอยู่สุขสบายไปตลอด (ถ้าไม่หลงระเริง ติดพนัน ติดเหล้า) จนส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานได้แบบชิลๆ
การย้ายไปยังซาอุฯ อาจจะทำให้พวกเขาต้องคิดถึงฟุตบอลระดับหัวแถว ลีกเบอร์ 1 โลกอย่าง พรีเมียร์ลีก หรือรายการระดับสุดยอดอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเลยสักนิดที่พวกเขาจะเลือกเดินทางนี้
เพราะอย่างไรเสีย พ่อค้าแข้งก็ต้องกินต้องใช้ ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปเพื่อผลตอบแทน และเมื่อโอกาสเปิดให้แล้ว เรื่องอะไรจะต้องตอบปฏิเสธ
ยืนยันจากปาก 'รุ่นพี่' หลายราย
แม้บทเรียนจาก ซูเปอร์ลีก ประเทศจีน จะมีให้เห็น กับการ "ฟองสบู่แตก" ความยั่งยืนไม่มีเมื่อเวลาผ่านไป และหลายๆ ดีลก็ออกจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้ทำให้ คาร์ลอส เตเวซ, ฮัล์ค, ออสการ์, รามิเรส, มารูยาน เฟลไลนี่, มาเร็ค ฮัมซิค หรือใครต่อใครต้องเสียดาย ก็คือจำนวนเงินที่ถูกโอนเข้าบัญชีในทุกเดือนนั่นเอง -- การมา "พักร้อนที่เมืองจีน" ของ เตเวซ แม้ไม่ถูกจดจำในแง่ของฟุตบอล แต่ค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 6 แสนปอนด์ ก็ดีพอจะทำให้ "มองบัญชีตอนไหนก็ชื่นใจ" เมื่อนั้น
"ตอนที่ผมแลนดิ้งเมืองจีน ผมก็นึกในใจทันทีว่าผมอยากกลับ โบคา วันนั้นเลย" อดีตดาวยิง แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อยู่กับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ช่วงสั้นๆ 1 ปี ว่าไว้แบบทีเล่นทีจริง "ผมไปที่นั่นเพื่อพักร้อน 7 เดือน นี่แหละเหตุผลที่ผมเซ็นสัญญากับจีน ซึ่งผมก็ได้ใส่เงื่อนไขย้ายกลับ โบคา เอาไว้ด้วย เพราะผมมีความรู้สึกแต่แรกว่า วันหนึ่งผมจะกลับไป"
"นักฟุตบอลอย่างเรา ลงเล่นก็เพื่อเงินกันทั้งนั้น" จอมพเนจร เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ก็เอ่ยไว้ในครั้งหนึ่ง "ผมมาจากแอฟริกา และผมมีหน้าที่ต้องตอบแทนบางอย่างคืนสู่บ้านเกิด ซึ่งผมก็จะทำมันไปจนกว่าจะเลิกเล่น แต่เงินจำนวนนี้เป็นเรื่องที่สโมสรจะต้องดูแลน่ะนะ"
"การเงิน เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญ แน่นอนที่สุด" ลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ก็บอกเช่นกันในตอนที่รับคุม เชลซี เมื่อปี 2008 เพื่อรับค่าจ้าง 5 ล้านปอนด์ต่อปี "ผมอายุ 59 และกำลังจะ 60 (หมายถึงในตอนนั้น) ผมอยากทำงานอีกแค่ 5-6 ปีแล้ววางมือไป ผมพูดมาตลอดว่า โอกาสสำหรับคุณ มักมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าไม่รับก็ไม่มีวันได้มันอีก"
หรือแม้กระทั่ง ลิโอเนล เมสซี่ ที่ยืนยันว่าเขาไม่สนใจไปโกยเงินที่ซาอุฯ แต่เลือกไปยังทีมที่ "ถูกจับตาน้อยกว่า" และ "สนุกกับฟุตบอลได้มากกว่า" อย่าง อินเตอร์ ไมอามี่ ก็ไม่พ้นมีเรื่องการเงินเข้ามาเป็นปัจจัยเกี่ยวข้องอยู่ดี -- ถ้า อินเตอร์ ไมอามี่ ไม่กล้าเปย์ให้ เมสซี่ ที่ปีละ 50 กว่าล้านเหรียญ (40 กว่าล้านปอนด์ / เฉลี่ยสัปดาห์ละ 8 แสนปอนด์) ก็คงไม่มีทางเหมือนกันที่ดีลจะเกิดขึ้น
เพราะนักฟุตบอลก็ไม่ต่างกับคนทำงานอย่างเราท่าน ที่เมื่อเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับงานแล้ว ก็ควรต้องหายเหนื่อยได้ด้วยตัวเลขจากค่าตอบแทน
การเลือกไปยังลีก ซาอุฯ ของทุกซูเปอร์สตาร์ จึงไม่ได้สลับซับซ้อนหรือเป็นเรื่องผิดบาปอะไรทั้งสิ้น เมื่อโอกาสของการที่จะทำให้ "ชีวิตดีขึ้น" มีมา ก็ต้องคว้าเอาไว้
เพราะ "เงินเท่านั้นที่ Knock Everything ธนบัตรเท่านั้นที่ทำให้เราได้โบยบิน" นี่มันเรื่องจริงล้วนๆ