โคล พาลเมอร์ กับบทพิสูจน์ให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เห็นว่าตน "คิดผิด" - OPINION
- โคล พาลเมอร์ ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเล่นกับ เชลซี ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
- แข้งรายนี้แทบไม่ได้รับโอกาสกับ “เรือใบสีฟ้า” มากนัก
- นักเตะกลายเป็นตัวหลักในทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน
โดย Navapun Munarsa
มันเป็นเวลากว่า 7 เดือนแล้วที่ โคล พาลเมอร์ เพลย์เมคเกอร์วันเดอร์คิดทีมชาติอังกฤษ ตัดสินใจย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก ไปเล่นกับทีมคู่แข่งร่วมลีกอย่าง เชลซี ด้วยเหตุผลเรียบง่ายว่า อยากลงเล่นฟุตบอลอย่างสม่ำเสมอ และสุดสัปดาห์นี้ มันเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวจะต้องหวนกลับไปยัง เอติฮัด สเตเดี้ยม ในฐานะคู่แข่ง
เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา พาลเมอร์ แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการย้ายออกจาก แมนฯ ซิตี้ แบบยืมตัวเพื่อลงสนาม แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เทรนเนอร์ “เรือใบสีฟ้า” ตอบกลับว่า มีทางเลือกอยู่ 2 อย่าง คือ ย้ายออกแบบถาวร หรืออยู่ต่อไปเพื่อรอคอยโอกาส ซึ่งสุดท้าย ดาวเตะวัย 21 ปี เลือกย้ายไปยัง เชลซี ด้วยค่าตัว 42.5 ล้านปอนด์
พาลเมอร์ อยู่ในความสนใจของ เชลซี มานานแล้วหลังจากช่วยให้ทีมชาติอังกฤษชุด U21 คว้าแชมป์ ยูโร รุ่น U21 เมื่อต้นซัมเมอร์ที่ผ่านมา และในเวลานั้น ดูเหมือนว่า เจ้าตัวจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ที่ แมนฯ ซิตี้ จนกระทั่ง กวาร์ดิโอล่า ยอมรับว่า พร้อมจะปล่อยตัวออกไปหากได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม
กวาร์ดิโอล่า ระบุว่า “ความคิดเห็นที่ผมมีตอนนี้คือ เขาต้องการย้ายทีม แต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่คิดว่าการยืมตัวจะเกิดขึ้น เขาจะอยู่หรือออกไป ผมยังไม่แน่ใจ แต่ผมคิดว่าการยืมตัวจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
ขณะที่ พาลเมอร์ อธิบายว่า “ผมไม่เคยคิดจะย้ายออกจาก แมนฯ ซิตี้ นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของผมเลยที่จะจากไป ผมต้องการย้ายออกไปแบบยืมตัวเป็นเวลาหนึ่งปี กลับมา และพร้อมสำหรับทีมชุดใหญ่ แต่ กวาร์ดิโอลา บอกว่า ผมย้ายแบบยืมตัวไม่ได้ และบอกว่า คุณจะอยู่ต่อหรือถูกขาย”
ในตอนแรกดูเหมือนว่า โอกาสของ พาลเมอร์ กับ แมนฯ ซิตี้ จะมีเพิ่มมากขึ้นหลังจาก ริยาด มาห์เรซ ปีกชาวแอลจีเรีย ถูกปล่อยตัวออกไป แต่สุดท้าย กวาร์ดิโอล่า ก็เซ็นสัญญากับ เฌเรมี โดกู ตัวรุกชาวเบลเยียม มาจาก แรนส์ เพื่อทดแทน
พาลเมอร์ ไม่สามารถรอคอยโอกาสของตัวเองกับ แมนฯ ซิตี้ ได้อีกต่อไปแล้ว และคำพูดที่เด็ดขาดของ กวาร์ดิโอล่า ก็ทำให้เขาเลือกย้ายไปยัง เชลซี ในวันเดดไลน์ พร้อมกับเซ็นสัญญายาวกับพลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” 7 ปี
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ พาลเมอร์ กลายมาเป็นหัวใจสำคัญในทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน เทรนเนอร์ เชลซี ทันที โดยลงสนามไปรวมทุกรายการ 28 เกม ซัดไป 12 ประตู และทำไปอีก 9 แอสซิสต์ พร้อมกับถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไปแล้ว 2 เกม
ขณะเดียวกัน ตัวเลขการประตู และแอสซิสต์รวมกันของ พาลเมอร์ ที่ 16 ครั้ง ยิ่งตอกย้ำอิทธิพลของเจ้าตัวในทีม เชลซี เป็นอย่างดี โดยปัจจุบัน ดาวรุ่งเลือดผู้ดี อยู่ในอันดับที่ 6 รองจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ของ ลิเวอร์พูล (22 ครั้ง) โอลลี่ วัตกินส์ ของ แอสตัน วิลล่า (21 ครั้ง) เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ของ แมนฯ ซิตี้ (21 ครั้ง) ซอน ฮึง-มิน ของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ (18 ครั้ง) และ บูกาโย ซาก้า ของ อาร์เซนอล ( 17 ครั้ง)
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญสำหรับ พาลเมอร์ ตอนนี้คือ ตำแหน่งในลีกที่ แมนฯ ซิตี้ กำลังลุ้นแชมป์ ส่วน เชลซี อยู่อันดับที่ 10 โดยมีแต้มตามหลังทีมจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล มากถึง 20 คะแนน แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายจนเกินไปนัก หลังจาก “สิงโตน้ำเงินคราม” ยังมีลุ้นแชมป์ คาราบาว คัพ อีก 1 รายการ ซึ่งจะลงเล่นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่สนาม เวมบลีย์
พาลเมอร์ อาจถูกมองว่า เป็นอีกหนึ่งในนักเตะที่ล้มเหลวเมื่อเดินออกจาก แมนฯ ซิตี้ ตามหลังผู้เล่นอย่าง ชูเอา คันเซโล, ลีรอย ซาเน่ และ กาเบรียล เฆซุส ซึ่งสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือ การเริ่มต้นพิสูจน์ให้ กวาร์ดิโอล่า ได้เห็นด้วยสองตาของตัวเองในที่ เอติฮัด สุดสัปดาห์นี้