100% ความเห็นแดงเดือด ลิเวอร์พูล ชนะชัวร์... แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีสิทธิ์คิดดึงสักแต้มเลยหรือ? - OPINION
• ทิศทางความเห็นต่อเกมนี้ ออกมาแบบ 100% ว่า ลิเวอร์พูล มาแน่
• แล้ว แมนยู ล่ะ? โอกาสจะพลิกชนะ ไม่มีอยู่เลยหรืออย่างไร?
คงไม่บ่อยครั้งนักที่ศึกแดงเดือด ลิเวอร์พูล ปะทะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเข้าข่าย "บอลคนละชั้น" ปัจจัยหลายอย่างเทียบกันแทบไม่ได้ จนทรรศนะของทุกกูรูที่มีต่อเกมนี้ ต่างยกให้ ลิเวอร์พูล มาแน่ในระดับชัวร์แสนชัวร์ 100% แต่ถ้ามองมุมกลับ... แมนฯ ยูไนเต็ด จะคิดแบ่งกลับบ้านสักแต้มไม่ได้เลยเชียวหรือ?
ฟอร์มการเล่นคนละชั้น
ไม่ได้ถึงกับอยู่ห่างต่างกันคนละโลก แต่ตารางคะแนนก็ไม่เคยโกหกใคร กับการที่ ลิเวอร์พูล ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่จ่าฝูง ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงต้องสู้ยิบตาเพื่อแทรกเข้าสู่ท็อปโฟร์ ในอันดับ 6
ลิเวอร์พูล ของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งแพ้ไปเกมเดียวใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ (1-2 สเปอร์ส) ฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เอริค เทน ฮาก แพ้สองครั้ง... ครั้งแล้วกับครั้งเล่า!
ในลีกเจ๊งแล้ว 7 จาก 16 นัด และในทุกรายการก็แพ้ไปถึง 12 จากคิวเตะทั้งหมด 24 เกม (ชนะ 11 เสมอ 1)
สำคัญคือช่วงหลัง ลิเวอร์พูล ติดเครื่องชนะรวดมา 4 นัด ก่อนแพ้ แซงต์ กิลลัวส์ ด้วยการใช้ทีมชุดบี สำรอง+ดาวรุ่ง ลงสนาม--เท่ากับไม่นับรวมไว้ก็ได้ ซึ่งถือเป็นภาพตรงกันข้ามกับที่ แมนยู แพ้ 3 จาก 4 เกมหลัง และชนะได้แค่ 3 หนเท่านั้นจาก 8 เกมล่าสุด
ยังเป็นคำถามว่า ซีซั่นนี้ มีเกมไหนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะได้แบบ "หมดจด" เหนือกว่า ดีกว่า และคู่ควรจะเป็นฝ่ายชนะ
แทบนึกไม่ออก...ออกแต่เกมสมควรแพ้ (ฮา...)
สภาพความพร้อมต่างกันลิบ
เป็นเรื่องจริงที่ คล็อปป์ ไม่ได้มีทีมที่สมบูรณ์ 100% สามารถเลือกตัวที่ดีที่สุดได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ ในเกมแดงเดือดอาทิตย์นี้
แดนกลาง ขาดคีย์แมนอย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ รวมถึงกำลังเสริมอย่าง ติอาโก้ อัลกันตาร่า และ สเตฟาน บายเซติช
ข้างหน้า ดีโอโก้ โชต้า ไม่พร้อม
หลังบ้าน แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ โจเอล มาติป ก็ต้องพักรักษาตัว
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องจริงกว่าที่ เอริค เทน ฮาก อยู่ใน "วิกฤตการณ์" ของสภาพขุมกำลังปีศาจแดง
จากเดิมที่คาดกันว่าอาจขาดแข้งชุดใหญ่ถึง 13 ราย ข่าวดีมีอยู่ที่ว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ ลุค ชอว์ มีโอกาสกลับคืนสู่ทีมทั้งคู่
แต่ถึงกลับมา 2 ก็ยังหายอีกนับสิบ - กาเซมิโร่, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, คริสเตียน เอริคเซ่น, เมสัน เมาท์, ไทเรลล์ มาลาเซีย, อาหมัด ดิยัลโล่, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, อองโตนี่ มาร์กซิยาล, วิกเตอร์ ลินเดลอฟ , เจดอน ซานโช่ (แบน), บรูโน่ แฟร์นันเดส (แบน)
คงไม่ต้องไล่เรียงพื้นที่ แต่ก็เอาเป็นว่าเหลือแค่ "นายประตู" เท่านั้นที่ไม่ต้องปรับต้องเปลี่ยนอะไร อองเดร โอนาน่า พร้อมรบตามปกติ
แม้แฟนบางส่วนจะอยากให้เปลี่ยนก็ตาม!
ที่นี่แอนฟิลด์
ชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล โหดจัดๆ ในบ้าน เป็นเพียง 2 ทีมของ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ที่ "100% เกมเหย้า"
แตกต่างเล็กๆ จาก แอสตัน วิลล่า ที่ชนะ 8 เกมซ้อน และ 15 นัดรวดเมื่อนับรวมท้ายซีซั่นก่อน คือ ลิเวอร์พูล แข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด...แต่ก็ชนะรวดครือกัน
- ชนะ บอร์นมัธ 3-1
ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-0
ชนะ เวสต์แฮม 3-1
ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0
ชนะ ฟอเรสต์ 3-0
ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 3-0
ชนะ ฟูแล่ม 4-3
ซีซั่นนี้กด 7 นัดรวด ส่วนถ้านับรวมซีซั่นก่อนด้วยจะพบว่า ลิเวอร์พูล ไร้พ่ายในแอนฟิลด์ (เฉพาะเกมพรีเมียร์ลีก) มา 19 เกมต่อเนื่องกันแล้ว -- หนสุดท้ายที่แพ้คารังคือโดน ลีดส์ ยูไนเต็ด บุกมาลูบคมอย่างเซอร์ไพรส์ 2-1 ช่วงสิ้นเดือน ต.ค. 2022
19 เกม เป็นชนะ 16 ที่เหลือเสมอ 3
และใน 16 เกมชนะนั่น ก็มีเกม 7-0 แห่งความทรงจำ แทรกอยู่ด้วย
ยิ่งกว่านั้น นอกจาก 7-0 แล้วก็ "7 ปีซ้อน" ด้วยเช่นกัน
- 2016/17 เสมอ 0-0
2017/18 เสมอ 0-0
2018/19 ลิเวอร์พูล ชนะ 3-1
2019/20 ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0
2020/21 เสมอ 0-0
2021/22 ลิเวอร์พูล ชนะ 4-0
2022/23 ลิเวอร์พูล ชนะ 7-0
หนสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกข้ามห้วยมากำราบ ลิเวอร์พูล ได้ถึงที่ ต้องย้อนไปไกลถึง ม.ค. 2016 ที่ประตูโทนของ เวย์น รูนี่ย์ สิบกว่านาทีท้าย ทำให้ปีศาจแดงยุค หลุยส์ ฟาน กัล เอาชนะหงส์แดงในปีแรกของ เยอร์เก้น คล็อปป์ 1-0
จากนั้นเป็นต้นมาอีก 7 ปี 7 เกม ลิเวอร์พูล ชนะ 4 เสมอ 3
และสองเกมหลัง แมนยู กลับออกไปพร้อมความอับอายอายขายขี้หน้าประชาชี โดนยิงรวมจุกๆ 11 เม็ด
4-0 : หลุยส์ ดิอาซ 5', โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 22', ซาดิโอ มาเน่ 68', โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 85'
7-0 : โคดี้ กัคโป 43', ดาร์วิน นูนเยซ 47', โคดี้ กัคโป 50', โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 66', ดาร์วิน นูนเยซ 75', โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 83', โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ 88'
100% ยก ลิเวอร์พูล ชนะชัวร์
เพราะด้วยทุกปัจจัยที่ว่ามา ล้วนแต่บ่งชี้ว่า ลิเวอร์พูล เหนือกว่าแบบที่ แมนยู หยิบยกเอาอะไรมาคะคานไม่ได้เลยทั้งสิ้น
นั่นจึงทำให้ไม่ว่าจะเป็นทรรศนะจากใคร สำนักไหน ประเทศใด
ก็จิ้มเลือกให้ ลิเวอร์พูล มาแน่ 100%
- 90min ไทยแลนด์ : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0
90min UK : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0
90min สเปน : ลิเวอร์พูล ชนะ 4-2
90min ฝรั่งเศส : ลิเวอร์พูล ชนะ 4-0
คริส ซัตตัน (บีบีซี) : ลิเวอร์พูล ชนะ 4-0
ไมเคิ่ล โอเว่น (บอยล์สปอร์ต) : ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0
พอล เมอร์สัน (Sportskeeda) : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0
ร็อบบี้ ซาเวจ (Planet Sport) : ลิเวอร์พูล ชนะ 4-0
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (Metro) : ลิเวอร์พูล ชนะ 2-0
ลอนดอน อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0
whoscored.com : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-1
sportsmole.co.uk : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0
sportskeeda.com : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-0
squawka.com : ลิเวอร์พูล ชนะ 3-1
OPTA Analyst : ลิเวอร์พูล 53.7% แมนยู 20.7%
แล้ว แมนยู จะดึงสักแต้มได้ไหม?
เพราะทุกสำนัก ทุกประเทศ ทุกกูรู แม้กระทั่งอดีตดาวเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด เองอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ต่างก็ยกให้ ลิเวอร์พูล เข้าป้ายสบายๆ ในเกมวันอาทิตย์นี้
ต่ำสุด 2-0 สูงสุด 4-0 ...เชื่อว่าคงมีบางคนแอบคิดว่าถึง 6-0 หรือ 7-0 ซ้ำเก่า แต่ยังไม่อยากออกตัวแรงเกินไป
คำถามสำคัญก็คือ เมื่อความเห็น 100% เชื่อว่า ลิเวอร์พูล มาแน่
แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด จะยังพอมีโอกาสชนะอยู่บ้าง...สักนิดสักหน่อยไหม?
คริส ซัตตัน ให้ทรรศนะผ่าน บีบีซี ไว้อย่างน่าสนใจว่า ที่จริง โอกาสที่ แมนยู จะมา คงแทบไม่มี "ไม่มีทางเลย...นอกจากจะได้คำตัดสินที่เข้าทางเท่านั้น"
คงใช่ เกมที่แอนฟิลด์วันอาทิตย์นี้ การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว บ้วนลมผ่านนกหวีดแต่ละป๊าดของผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับหากจะมีจังหวะรีเพลย์ VAR เกิดขึ้น
แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีโอกาสชนะได้ หาก "เกิดเรื่องขึ้น" เช่นว่า...
- • ลิเวอร์พูล โดนใบแดงตั้งแต่เนิ่นๆ
• แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูแบบผีจับยัด
• VAR เล่นงาน ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะอย่างถูกต้องหรือน่ากังขา
• ลิเวอร์พูล ใช้โอกาสเปลือง ยิงเท่าไหร่ก็ไม่เข้า
• เสมอกันจนถึงท้ายเกม แล้วก็ตูม!
ส่วนตามการประเมินของ OPTA Analyst ก็แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล นำมาที่โอกาสชนะ 53.7% ส่วนผลเสมอ 25.6% และเปอร์เซ็นต์ชนะของ แมนยู อยู่ที่ 20.7%
แม้จะน้อยกว่าเยอะ แต่ก็ไม่ถึงกับเป็น 0
อย่างไรก็ตาม ก็อาจเป็นเรื่อง "ตลกร้าย" กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแฟนๆ ปีศาจแดงอยู่เหมือนกัน หากว่าพวกเขาอยากจะเห็น แมนฯ ยูไนเต็ด หักปากกาเซียนเอาชนะคู่อริได้
เพราะแม้ไม่แน่ไม่นอน แต่หลายๆ ฝ่ายก็เชื่อว่า หาก แมนยู หลุดแพ้ ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์ขาดลอยน่าอับอายเสียอีกรอบ เอริค เทน ฮาก และทีมงานหลังบ้านของกุนซือดัตช์ ก็น่าจะได้ซองขาว สิ้นเวรสิ้นกรรมกันไปใน 2-3 วันหลังไม่เกิน (จบจากแดงเดือดแล้ว แมนยู ไม่มีโปรแกรมกลางสัปดาห์ ถัดไปคือเยือน เวสต์แฮม 23 ธ.ค.)
แต่หากเสมอหรือเผลอๆ พลิกชนะขึ้นมา ก็จะกลายเป็นการ "ต่ออายุ" ให้ เทน ฮาก ได้อยู่บนเก้าอี้กุนซือแห่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อไปเสียอีก
อยู่ต่อ ทั้งที่มองไม่เห็นอนาคต มีแต่ทรงกับทรุดไปวันๆ
คงเพราะชีวิตก็ตลกร้ายแบบนี้ -- แพ้ยับอีกสักครั้ง เสียหน้านิด โดนล้อเยอะหน่อย แต่อาจ "เจ็บแต่จบ" สิ้นสุดกันทีพี่เทนฮาก หรือพลิกชนะอย่างสะใจ แต่ต้องฝืนทนไปต่อกับกุนซือคนเดิม
คราวนี้ทำใจลำบาก...เหลือเกิน...ลำบาก...