เก็บตกประเด็นหลังเกม เชลซี หลังโดน เรือใบ ทุบคาบ้านนัดเปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก - OPINION
- เชลซี เปิดบ้าน แสตมฟอร์ด บริดจ์ แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-2 ในนัดแรกของ พรีเมียร์ลีก
- ความแตกต่างคือความเฉียบคมที่ห่างชั้นกันของ ฮาแลนด์ และ แจ็คสัน
- เปโดร เนโต้ ได้รับโอกาสลงเดบิวต์กับ เชลซี จากม้านั่งสำรอง
รายการ | ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก นัดที่ 1 |
---|---|
วันแข่งขัน | 18 สิงหาคม 2567 |
สนาม | สแตมฟอร์ด บริดจ์ |
ผลการแข่งขัน | เชลซี 0-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ |
แจ็คสัน กับ ฮาแลนด์ ความแตกต่างที่ตัดสินผลการแข่งขัน
นอกจากจะเป็นการวัดกันของสองกุนซือ อาจารย์-ลูกศิษย์ อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เอ็นโซ่ มาเรสก้า แมตช์นี้ยังเป็นการดวลกันของสองกองหน้าที่ฟอร์มการทำประตูแตกต่างกันอย่างสุดขั้วระหว่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และ นิโคลัส แจ็คสัน โดยที่คนหนึ่งขอแค่มีโอกาสก็พร้อมจะส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้เสมอ ส่วนอีกคนก็ขยันทำหมูหกจนแฟนบอลพากันหน่าย
แม้จะยิงไปถึง 17 ประตูในซีซันที่แล้ว แต่ว่ากันตามตรง นิโคลัส แจ็คสัน เป็นกองหน้าที่ใช้โอกาสได้เปลืองมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ และมันก็สะท้อนให้เห็นอีกครั้งในเกมนัดล่าสุด ซึ่ง แจ็คสัน ไม่สามารถเปลี่ยนบอลสำคัญในพื้นที่สุดท้ายให้เป็นประตูได้ แตกต่างจาก ฮาแลนด์ ที่ใช้คุณภาพทุกส่วนของร่างกายให้เป็นประโยชน์และขอโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในการสร้างความแตกต่างให้กับทีม โดยหากนับรวมกับช่วงปรีซีซัน ประตูวันนี้ที่ ฮาแลนด์ ยิงได้นับเป็นลูกที่ 4 ที่ดาวเตะชาว นอร์เวย์ ยิงใส่ เชลซี ในฤดูกาลนี้
มันอาจจะไม่ยุติธรรมสักเท่าไรถ้าเราจะตัดสินฟอร์มของ แจ็คสัน ที่ย้ายมาด้วยราคาเพียง 30 ล้านปอนด์ กับ ฮาแลนด์ ที่ราคามากกว่ากันเกือบสองเท่า แต่สิ่งหนึ่งที่ เชลซี ต้องกลับไปทบทวนใหม่ให้ดีคือ แจ็คสัน ดีพอจะพาทีมขับเคี่ยวแชมป์ลีกสูงสุดได้หรือไม่ หรือพวกเขาจำเป็นต้องลงทุนเสียหน่อยเพื่อจบปัญหาที่คาราคาซังในแดนหน้าลงเสียที
เชลซี ยังมีเวลาอีกเกือบ 2 อาทิตย์ในการเสริมทัพเข้ามากำจัดจุดอ่อน ซึ่งในตอนนี้ก็มีทั้งข่าวกับ วิคเตอร์ โอซิมเฮน และ เจา เฟลิกซ์ ที่กำลังเจรจากันอย่างตึงเครียด ทำให้แฟน เชลซี ได้แต่หวังว่าจะได้กองหน้าสักคนเข้ามาก่อนช่วงตลาดซื้อขายจะปิดตัวลง
มาเรสก้า รักพี่เสียดายน้อง..
เชลซี ในวันนี้ประกาศรายชื่อผู้เล่นออกมาเป็นแผน 4-2-3-1 โดยใช้ โรเมโอ ลาเวีย และ มอยเซส ไกเซโด้ ลงเล่นคู่กันในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ส่วนทางด้าน เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ ถูกขยับขึ้นไปมีบทบาทเป็นกองกลางตัวรุกอีกครั้ง ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง พื้นที่แดนบนไม่ใช่ตำแหน่งที่ เอ็นโซ่ ถนัดสักเท่าไร และในยุคของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็พิสูจน์มาแล้วว่าตำแหน่งนี้ของ เอ็นโซ่ ไม่ค่อยเวิร์ค
สาเหตุที่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า จัดทัพแดนกลางแบบนี้ก็เดาได้ไม่ยาก หนึ่งคือสามนักเตะมีดีกรีและฟอร์มการเล่นที่กินกันไม่ลงในเวลานี้ ทั้ง เอ็นโซ่ และ ไกเซโด้ ต่างคุ้นชินกับการลงเล่นด้วยกันเมื่อซีซันที่แล้วจึงควรจะได้ยืนพื้นลงเล่นตัวจริงในเวลาที่ระบบของทีมยังเซ็ทกันไม่ลงตัวนัก ส่วน ลาเวีย ก็เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์และเล่นได้ดีมากในช่วงปรีซีซัน จึงไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องไปดร็อปเป็นแค่ตัวสำรอง ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลคือต้องอย่าลืมว่าดาวเตะทั้งสามรายมีค่าตัวรวมกันเกือบแตะหลัก 300 ล้านปอนด์ !!!
ผลคือ มาเรสก้า คงไม่อาจทำใจดร็อปนักเตะมูลค่ามหาศาลที่ฟอร์มการเล่นไม่แย่ลงไปนั่งสำรองได้ กรรมจึงตกมาที่ผลงานโดยรวมของทีมโดยเฉพาะแดนกลางที่ 'ได้แต่แพง' แต่เล่นกันไม่ลงตัว ลามไปถึงฟอร์มของ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ซึ่งมีช่วงปรีซีซันที่ดีมากเช่นกันในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกแต่กลับโดนโยกไปเล่นในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายจนแทบจะไม่มีบทบาทสำคัญในเกมวันนี้
วันแย่ ๆ ของ โคล พาลเมอร์
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผลการแข่งขันออกมาไม่น่าดูสำหรับ เชลซี คือการที่ โคล พาลเมอร์ ร่ายมนต์ไม่ออกในวันนี้ ซึ่งไม่ได้มาจากความโชคร้ายแต่อย่างใด แต่ล้วนแล้วมาจากการวางแผนอันแยบยลของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เตรียมตัวรับมือจอมทัพคนนี้มาเป็นอย่างดี
บทบาทของ โคล พาลเมอร์ ในเกมเจอ แมนฯ ซิตี้ ถูกขยับไปเล่นชิดริมเส้นฝั่งขวามากขึ้นเพื่อเปิดทางให้ มาโล กุสโต้ วิ่งทะลุเข้าไปด้านใน แต่จะเห็นได้ว่าวันนี้ผู้เล่น แมนฯ ซิตี้ ตามประกบ โคล พาลเมอร์ อย่างรัดกุมแน่นหนามากจน พาลเมอร์ ต้องถอยลงมารับบอลต่ำในหลายจังหวะเพราะเขาหาพื้นที่ว่างให้ตนเองไม่ได้ในแดนบน ผลคือการจะสร้างสรรค์เกมจากพื้นที่แนวลึกย่อมทำได้ยากกว่าอยู่แล้ว ครั้นจะขยับตัวขึ้นไปรับบอลหน้ากรอบเขตโทษ ผู้เล่น แมนฯ ซิตี้ 3-4 คนก็คุมพื้นที่ไม่ให้ พาลเมอร์ ได้เล่นง่ายในทุกจังหวะ
เมื่อนักเตะที่ดีที่สุดของทีมเล่นไม่ออก เกมรุกของ เชลซี จึงถูกลดประสิทธิภาพลงไปพอสมควร ประกอบกับแผนการเล่นที่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ยังไม่สามารถวัดกึ๋นกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ จึงทำให้พลพรรค สิงห์บลูส์ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด
เปโดร เนโต้ ลงประเดิมสนาม
เปโดร เนโต้ ย้ายมาร่วมทัพ เชลซี ด้วยราคาค่าตัวประมาณ 54 ล้านปอนด์ในช่วงท้ายปรีซีซัน จึงทำให้ดาวเตะชาว โปรตุกีส ยังไม่มีโอกาสได้ลงเล่นปรับตัวกับทีมใหม่สักเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม เอ็นโซ่ มาเรสก้า เลือกเปลี่ยนเขาลงสนามก่อนผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันอย่าง มิไคโล มูดริก ทำให้ เนโต้ ได้โอกาสนับหนึ่งกับต้นสังกัดใหม่เป็นที่เรียบร้อย
ฟอร์มการเล่นของ เนโต้ ในวันนี้จัดอยู่ในขั้นที่น่าพึงพอใจ โดยจังหวะแรกที่ลงสนามมาก็เกือบทำประตูได้จากจังหวะวิ่งสอดขึ้นไปในกรอบเขตโทษ โชคร้ายที่ ริโก้ ลูอิส ตามมาสกัดบอลทิ้งไปได้ก่อนที่บอลจะมาถึง ส่วนตอนครองบอล เนโต้ ก็โชว์ความสามารถในการเลี้ยงกินตัวกองหลังซึ่งดาวเตะอีกคนอย่าง มิไคโล มูดริก ยังมีปัญหาในจุดนี้อยู่ ส่วนด้าน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่เริ่มโรยราก็ไม่ได้มีชื่ออยู่ในทีมวันนี้ด้วย
สถิตินัดเดบิวต์ของ เปโดร เนโต้ กับ เชลซี
โอกาสยิง 1 ครั้ง
สร้างสรรค์โอกาส 2 ครั้ง
สัมผัสบอล 23 ครั้ง
ผ่านบอล 16 ครั้ง
ผ่านบอลสำเร็จ 100%