มองมุมกลับ ! เหตุผลที่ ชาบี อลอนโซ อาจยัง "ไม่ใช่" สำหรับ ลิเวอร์พูล ณ เวลานี้ - OPINION
"ตกต่ำไปอีก 10-20 ปี" นี่คือสิ่งที่แฟน ๆ ลิเวอร์พูล ต่างหวาดหวั่นว่ามันจะเกิดขึ้นกับทีมหลังจากทราบข่าวการวางมือของ เยอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่จอมขมังที่ใช้เวลาเกือบ 10 ที่ผ่านมาสร้าง ลิเวอร์พูล ให้กลับมาเป็นยักษ์ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมากมายได้อย่างในปัจจุบัน
ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงเราคงมิอาจรู้ได้ถึงเบื้องหลังการประกาศลาออกแบบกระทันหันกลางฤดูกาล ท่ามกลางข่าวลือความขัดแย้งภายในแต่ตัวกุนซือชาวเยอรมันเองก็ยืนยันว่าไม่มีการเกาเหลาใด ๆ เพียงแค่ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วเท่านั้น
ฉนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุด ณ ตอนนี้ คงไม่ใช่การโทษใครต่อใครว่าเป็นต้นเหตุของการแยกทางอันน่าเจ็บปวดนี้ แต่คือการเดินหน้าต่อไป มองหาคนที่ใช่ ! เข้ามาทำหน้าทีแทน ซึ่งสโมสรเองก็ดูจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้พอสมควรถึงขนาดตั้ง "ทีมค้นหา" เพื่อทำหน้าที่คัดสรรค์กุนซือที่ "ใช่" ให้ได้ก่อนจบฤดูกาลโดยเฉพาะ
แล้วใครที่จะเหมาะสม ?
นี่คือคำถามที่ดูจะตรงจุดมากที่สุด ซึ่งหากมองตามหน้าสื่อตัวเลือกปัจจุบันก็จะมีไม่กี่คน โดยคนที่ดูจะตกเป็นข่าวมากที่สุดแถมได้รับเสียงสนับสนุนด้านบวกจากแฟนบอล หงส์แดง มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ชาบี อลอนโซ อดีตนักเตะที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน อยู่ ณ เวลานี้
อลอนโซ เริ่มต้นอาชีพสายกุนซือจากการเป็นสตาฟฟ์โค้ชให้กับ เรอัล มาดริด ในปี 2018 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือให้กับทีมชุดสำรองกับอดีตทีมเก่าอย่าง เรอัล โซเซียดาด ในปีต่อมา จนกระทั่งในเป็น ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ที่ตัดสินใจแต่งตั้งเขาเข้ามารับไม้ต่อจาก เคราร์โด้ โซอาเน ช่วงกลางฤดูกาล 2022/23
แน่นอนด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมกับการ ทัพห้างขายยา ฤดูกาลนี้จากการนำเป็นจ่าฝูง บุนเดสลีกา ทิ้งห่าง บาเยิร์น มิวนิค 2 คะแนนหลังผ่าน 20 เกมบวกเข้ากับ DNA ความเป็น หงส์แดง ตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะ นั่นไม่แปลกเลยที่สาวก เดอะค็อป หลายคนจะสนับสนุนผู้จัดการทีมวัย 42 ให้เข้ามารับไม้ต่อจาก คล็อปป์ ฤดูกาลหน้า แต่....
มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย
เหรียญจะมีสองด้านเสมอ แน่นอนว่ากรณีนี้ก็เช่นกันที่เราอยากจะเสนออีกมุมที่หลายคนอาจมองข้ามไปเกี่ยวกับกุนซือมาดนิ่งอย่าง ชาบี อลอนโซ โดยอย่างแรกที่ชัดเจนและปฏิเสธไม่ได้เลยคือ...
ประสบการณ์อันน้อยนิด
แม้ว่าประสบการณ์จะไม่ใช่สิ่งที่จะการันตีความสำเร็จ แต่มันเหมือนเป็นเรซูเมที่อย่างน้อยเราสามารถดูแนวทางการทำงาน วิธีการจัดการต่าง ๆ แล้วนำมาวิเคราะห์ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะอย่างไร แต่สำหรับ อลอนโซ ประการณ์การทำงานปีกว่า ๆ ซึ่งในฐานะกุนซือถือว่าน้อยมาก ๆ จึงแทบจะไม่สามารถประเมินหรือเปรียบเทียบผลงานอะไรได้มากนัก แม้หลายคนจะบอกว่าลองเอามาดูก่อนอย่างเพิ่งไปตัดสิน นั่นก็หมายความว่าคุณพร้อมจะเอาอนาคตของทีมไป "เสี่ยงดวง" กับกุนซือใหม่ป้ายแดงที่แทบไม่มีประสบการณ์ให้เข้ามาแบกรับความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ที่แสนจะกดดัน สู้ให้เวลาเขาค่อย ๆ เก็บเลเวลมากกว่านี้ก่อนจนแก่กล้าแล้วค่อยดึงตัวมาในเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ ทั้งเพื่อทีมและเพื่ออนาคตของ อลอนโซ เองจะดีกว่าไหม ?
ลิเวอร์พูล ไม่ใช่ เลเวอร์คูเซน / พรีเมียร์ลีก ไม่ใช่ บุนเดสลีกา
ต่อให้ฤดูกาลนี้ อลอนโซ จะประสบความสำเร็จกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสเกลของทีมอย่าง เลเวอร์คูเซน กับ ลิเวอร์พูล ต่างกันลิบลับ ทั้งขนาด ทั้งชื่อชั้น ทั้งความคาดหวัง และแน่นอนความกดดันที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน การที่เข้ามารับไม้ต่อคุมห้างขายยาในช่วงที่ย่ำแย่ อยู่ในขาลง ถ้าไม่รอดก็เสมอตัวแต่ทำดีก็ถือเป็นกำไร ต่างจาก ลิเวอร์พูล ที่ คล็อปป์ สร้างมาตรฐานเอาไว้สูงลิบจนบอกตรง ๆ ว่ายากที่ใครจะเทียบได้ หาก อลอนโซ ทำดีอย่างมากก็เสมอตัว แต่ถ้าทำมั่วแน่นอนว่าจะโดนถาโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง เพราะสปอร์ตไลท์จะส่องมาที่เขามากขึ้นหลายเท่าตัวต่างจากการทำงานในเยอรมนี ทั้งสื่อ ทั้งแฟนบอล จะเล่นใหญ่ใส่เต็มแบบไม่ไว้หน้า เพราะที่นี่คือ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลีกที่แม้จะไม่ได้ดีที่สุดในโลกแต่ก็เป็นลีกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกอย่างปฏิเสธไม่ได้
แฟนบอลรอได้ไหม ?
รอในที่นี้หมายถึงการรอคอยความสำเร็จ ถ้าโชคดี อลอนโซ เข้ามาฟอร์มเข้าฝักทันทีพาคว้าแชมป์ได้เลยเหมือนสมัยที่ โชเซ มูรินโญ เข้ามาคุม เชลซี ใหม่ ๆ ก็คงจะดี แต่... ด้วยประสบการอันน้อยนิดอย่างที่กล่าวไปคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวเลยแต่กลับกอบโกยแชมป์มาประดับบารมีได้ ดูอย่าง คล็อปป์ เองยังต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ หรือแม้แต่กุนซือหนุ่มประสบการณ์น้อยที่หลายคนชอบนำมาเปรียบเทียบอย่าง มิเกล อาร์เตต้า ของ อาร์เซนอล กว่าจะพาทีมบินสูงกลับมาลุ้นแชมป์ได้ก็ต้องรอกันพักใหญ่ชนิดที่ช่วงแรกก็จะไปแหล่ไม่ไปแหล่ถึงขนาดโดนแฟนบอลกดดันให้ไล่ออกเลยด้วยซ้ำ อีกรายคือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่คุม บาร์เซโลนา ปีแรกก็ประสบความสำเร็จได้ทันทีนั่นเพราะปัจจัยต่าง ๆ ของทีมพร้อมอยู่แล้วบวกกับความอัจฉริยะของ เป๊ป เองที่ต้องยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในล้าน ยากที่กุนซือคนไหนจะทำได้แบบเขาจนถูกยกให้เป็นกุนซือที่ดีที่สุดในโลกมาจนถึงปัจจุบัน
ฉนั้นคำถามคือแฟน ๆ และบอร์ดบริหารของ ลิเวอร์พูล จะอดทนดู อลอนโซ คุมทีมรักได้นานแค่ไหนกรณีที่ผลงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จะรอ 3-4 ปีหรือมากกว่านั้นแบบ อาร์เตต้า โดยไม่เปลี่ยนกุนซือได้หรือไม่ ?
เป๋แล้วเป๋เลย อนาคตดับวูบ
เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นสัจธรรมของการเป็นผู้จัดการทีมยุคใหม่ไปเสียแล้ว โดยเฉพาะกับกุนซือหน้าใหม่ที่ต้องเข้ามาแบกรับงานใหญ่ ๆ ที่ดูจะเกินตัว สุดท้ายก็มักจะจบด้วยการเสียอนาคตไปและกว่าจะสร้างชื่อกลับมาใหม่ได้ก็ต้องใช้เวลาหลายปีหรือบางคนอาจจะกลับมาไม่ได้เลย เหมือนดังที่ เจอร์ราร์ด เคยถูกคาดหวังว่าจะมาแทนที่ คล็อปป์ สมัยคุม เรนเจอร์ส แต่หลังจะผลงานกับ วิลลา ย่ำแย่ก็ต้องมูฟออนหอบกระเป๋าไปซาอุฯ แถมแฟนบอล ลิเวอร์พูล เองต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "อย่าเอามา" หรือแม้แต่ แลมพาร์ด โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ แม้อนาคตจะยังพอมีแต่ก็ไม่ใช่กับทีมระดับท็อปอีกต่อไปอย่างน้อยจนกว่าเขาเหล่านี้จะสร้างชื่อในด้านดีให้กลับขึ้นมาอยู่บนหน้าสื่อได้อีกครั้ง ซึ่ง อลอนโซ ก็มีโอกาสสูงที่เคสนี้จะเกิดขึ้น หากว่าพลาดกับ ลิเวอร์พูล โอกาสในการคุมทีมใหญ่แบบก้าวกระโดดคงต้องรออีกนานโข เทียบกับการสู้ไปเก็บประสบการณ์และค่อย ๆ เติบโตอย่างมั่นคงที่ละขั้นไป เหมือนกุนซือชื่อดังหลายคนเช่น เวงเกอร์ มูรินโญ ทูเคิล หรือแม้แต่ คล็อปป์ เองน่าจะดีต่อเส้นทางอนาคตการเป็นผู้จัดการทีมมากกว่าแบบว่า ช้า แต่ ชัวร์
ระบบที่ต้องยกเครื่องใหม่
แน่นอนเปลี่ยนกุนซือก็เท่ากับการเปลี่ยนแปลงระบบ ซึ่งการจากไปของ คล็อปป์ และทีมงาน แม้จะทิ้งมรดกเป็นนักเตะเกรดเอไว้ให้ แต่หลายคนต้องบอกว่าที่เล่นได้ดีเพราะเล่นตามแนวทางของ คล็อปป์ หาก อลอนโซ เข้ามาเขาก็จำเป็นต้องใช้แนวทางของตัวเอง นักเตะเองก็ต้องปรับตัวซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าดูจากแนวทางการทำทีมระบบที่เขามักจะใช้บ่อย ๆ คือ 3-4-2-1 ซึ่ง ลิเวอร์พูล เองแทบไม่เคยใช้แผนหลัง 3 แบบวิงแบ็คเลยในยุคของ คล็อปป์ แถมแนวรับหลายคนก็เริ่มจะโรยราน่าจะต้องปรับกันใหม่ยกชุด ขณะที่ตัวรุกแนวทางค่อนข้างต่างกันชัดเจนเพราะ ชาบี จะใช้เพลย์เมคเกอร์ 2 คนเป็นตัวปั้นเกมอย่างอิสระอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า ซึ่ง ลิเวอร์พูล เองก็ไม่เคยใช้ระบบกองหน้าแบบหมายเลข 9 แท้ ๆ เลยนับตั้งแต่มี ฟิร์มิโน รวมถึงพวกเขาเองก็ไม่มีหมายเลข 10 ธรรมชาติเหมือนอย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ เลยแม้แต่คนเดียว กระนั้นแฟน ๆ จึงต้องลุ้นหนักหน่อยเพราะนอกจากจะให้ อลอนโซ มาแล้วคงต้องไปหิ้ว 3 แข้งตัวชูโรงอย่างของ ทัพห้างขายยา อย่าง อเล็กซ์ กริมัลโด้ วิงแบ็คซ้าย เฌเรมี ฟริมปง วิงแบ็คขวา และ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งติดมาด้วย ซึ่ง 3 คนนี้ตีราคากลม ๆ น่าจะประมาณ 200 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง
ตัวเลือกอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แน่นอนนอกจาก อลอนโซ แล้วกุนซือชื่อดังหลาย ๆ คนก็เข้ามามีเอี่ยวกับ หงส์แดง หลังจบฤดูกาลนี้ด้วยเช่นกันตั้งแต่
โรแบร์โต้ เดอ แซร์บี้ กุนซือที่ผลงานโดดเด่นกับ ไบรท์ตัน แม้จะมีขึ้นมีลงแต่ที่ชัดเจนคือแนวทางการทำทีมที่เน้นครองบอลดาหน้าบุกใส่คู่แข่งแบบตบเกียร์ห้าเดินหน้าเต็มสูบ
ฮันซี ฟลิค กุนซือเลือดเยอรมันเช่นเดียวกับ คล็อปป์ ผู้เคยประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ บาเยิร์น มิวนิค ณ ตอนนี้ยังเป็นกุนซือว่างงานหลังจากแยกทางกับทีมชาติเยอรมนีเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา
ยูเลียน นาเกลส์มันน์ อีกหนึ่งกุนซือหนุ่มเลือดอินทรีเหล็กที่สร้างชื่อจากการคุม ฮอฟเฟนไฮม์ ก่อนจะย้ายมาคุม บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งน่าเสียดายที่ผลงานไม่ปังเท่าที่ควร โดยปัจจุบันเขารับงานคุมทีมชาติเยอรมนีโดยมีสัญญาจนจบ ยูโร 2024 กลางปีนี้พอดิบพอดี
โชเซ มูรินโญ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประสบการณ์ของเขาคนนี้กินขาดกว่าใคร เคยประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายกับหลายสโมสร แต่ล่าสุดเพิ่งแยกทางกับ โรมา และยังเป็นกุนซือว่างงานอยู่ ณ ตอนนี้
ซีเนดีน ชีดาน อีกหนึ่งกุนซือที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่แรกเริ่มอาชีพผู้จัดการทีมกับ เรอัล มาดริด แต่หลังจากแยกทางกับ ราชันชุดขาว เขาก็ยังไม่รับงานคุมทีมใดอีกเลย บางที ลิเวอร์พูล อาจจะน่าสนใจมากพอสำหรับเขาคนนี้ก็เป็นได้หากติดต่อลองจีบมาคุมทีม
ลิโอเนล สคาร์โลนี กุนซือทีมชาติอาร์เจนตินาที่พา ทีมฟ้าขาว ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งการคว้าแชมป์ โคปาอเมริกา ในปี 2021 และคว้าแชมป์โลกในปี 2022 ชายผู้เติมเต็มความสมบูรณ์แบบในอาชีพการค้าแข้งให้ ลิโอเนล เมสซี อย่างแท้จริง
อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือชาวอิตาเลียนที่ยังคงว่างงาน เป็นอีกคนที่ประสบการคุมทีมโชกโชน เคยประสบความสำเร็จในอังกฤษมาแล้วกับ เชลซี แต่หลังจาก แยกทางกับ สเปอร์ส เจ้าตัวก็ยังไม่ได้รับงานคุมทีมใดเลยมาจนถึงปัจจุบัน
ดิเอโก้ ซิเมโอเน กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ที่ทำทีม แอตเลติโก้ มาดริด ต่อกรกับรุ่นใหญ่อย่าง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด มาตลอดหลายปี ซึ่งเรืองฝีมือไม่ต้องพูดถึงแต่แนวทางการทำทีมอาจจะเน้นตั้งรับซึ่งผลการแข่งขันอาจจะดีแต่คงขัดใจแฟนบอลที่ชอบเกมบุกแบบเร้าใจพอสมควร
รูเบน อาโมริม กุนซือของ สปอร์ติง ลิสบอน วัย 39 ปีแต่ประสบการไม่ธรรมดากับการคว้าแชมป์ลีกในประเทศมาแล้ว ปัจจุบันกำลังพาทีมไล่บี้จ่าฝูงกับ เบนฟิก้า อยู่ เป็นอีกหนึ่งรายที่เน้นบุกมันส์ไล่ถล่มประตูคู่แข่ง
โธมัส ทูเคิล อดีตกุนซือที่ประสบความสำเร็จกับ เชลซี กับการพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ปัจจุบันกำลังอยู่ในความสุ่มเสี่ยงกับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งหากข่าวลือการแยกทางเป็นจริง บางที่ หงส์แดง ก็อาจเป็นเป้าหมายต่อไปก็เป็นได้