ย้อนรอยเส้นทางสู่ผู้จัดการทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ของ อังเก้ ปอสเตโคกลู - OPINION
- อังเก้ ปอสเตโคกลู เข้ามาคุมทีม ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในซีซันนี้
- มีประสบการณ์มานานกว่า 25 ปี
- ตั้งเป้าประสบความสำเร็จกับทีม
โดย Navapun Munarsa
อังเก้ ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ยอมรับไม่เคยคิดว่า โอกาสสำหรับการทำงานในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะกลายเป็นความจริง หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาคุมทัพ “ไก่เดือยทอง” เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เทรนเนอร์ชาวออสเตรเลีย วัย 58 ปี อำลา กลาสโกว์ เซลติก ในสก็อตติช พรีเมียร์ลีก มารับความท้าทายใหม่กับ สเปอร์ส และ ปอสเตโคกลู ก็ทำผลงานในช่วงออกสตาร์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อด้วยการพาลูกทีมไม่พบความปราชัยเลยตลอด 6 เกม พร้อมรั้งอันดับ 4 ในตารางคะแนน
ปอสเตโคกลู เริ่มกล่าวว่า “พูดตามตรง ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาทำงานที่นี่ ไม่ใช่เพราะผมไม่มีความสามารถ แต่อาจเป็นเพราะไม่มีใครมองมาที่ผม ผมมาถึงจุดสูงสุดของอาชีพช้าไป ผมเคยคุมหนึ่งในสโมสรที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง เซลติก และเป็นต่อมาก็เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง สเปอร์ส ซึ่งมันช้ามาก บางคนอาจมองว่า ผมควรมาถึงจุดที่อยู่ได้เร็วกว่านี้”
ปอสเตโคกลู เกิดที่กรีซ แต่ต้องย้ายไปออสเตรเลียพร้อมครอบครัวตั้งแต่ยังเป็นเด็ก หลังเกิดเหตุการณ์การรัฐประหาร โดยเจ้าตัวเล่าว่า “เราเป็นผู้อพยพ ผมดูไม่เหมือนผู้ลี้ภัยทั่วไป ผมย้ายไปตอนอายุ 5 ขวบ เราไปกันทางเรือ และก็ไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง”
“ในช่วงเวลานั้นที่ออสเตรเลียมองหาผู้อพยพเพื่อช่วยเรื่องแรงงาน พ่อของผมเป็นแรงงานที่มีฝีมือ ดังนั้น เราจึงก้าวกระโดดไวกว่าคนอื่นๆ เราพักอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยสักพักหนึ่งจึงได้บ้าน ผมมีพ่อคนหนึ่งซึ่งก็เหมือนกับเด็กน้อยทุกคน ผมแค่อยากจะใกล้ชิดด้วย แต่เขาทำงานตลอดเวลา”
“สิ่งเดียวที่พ่อเก็บไว้ในตัวจากประเทศเก่าคือ ความรักในฟุตบอลของเขา เออีเค เอเธนส์ เป็นทีมของรักเขา ผมเกิดห่างจากสนามพวกเขาแค่ 2 กิโลเมตร และเมื่อโตขึ้นนั่นคือความเชื่อมโยงของผม ที่ออสเตรเลียเราไปที่สนามของทีมผู้อพยพชาวกรีกทุกวันอาทิตย์ และสามารถพูดภาษากรีกได้ เรารู้สึกสบายใจเป็นเวลาประมาณสองชั่วโมง”
“ผมชอบสิ่งนั้น สิ่งที่มันเป็นในฐานะบุคคลคนหนึ่ง ผมต้องการเข้าใกล้ฟุตบอล เราจะนั่งดูเกมถ่ายทอดสดจนดึก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอังกฤษ แมตช์ประจำวันคือ เวลาสองชั่วโมงของเรา มันเป็นภาพเก่าแต่นั่นคือจุดเริ่มต้น”
ในเส้นทางนักฟุตบอล ปอสเตโคกลู เคยเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็คให้กับ เซาท์ เมลเบิร์น เป็นเวลานกว่า 9 ปี โดยลงสนามไปกว่า 193 เกม ซัดไป 27 ประตู รวมถึงมีชื่อติดทีมชาติออสเตรเลีย ไป 4 เกมด้วยกัน
นายใหญ่ สเปอร์ส กล่าวต่อว่า “ผมเป็นนักสู้ ผมเป็นฟูลแบ็คที่เกลียดการป้องกัน ผมคิดว่าพ่อของผมรู้ และนั่นอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเรา เพราะเขาฝันว่าผมไปถึงจุดสูงสุดของเกม และผมรู้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น”
“บางทีนั่นอาจฉุดรั้งผมไว้สักหน่อย เพราะผมใส่ข้อจำกัดนั้นไว้กับตัวเอง ผมมีโอกาสเล่นที่ กรีซ 2-3 ครั้ง และผมก็ได้รับบาดเจ็บที่เข่า และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ทุกสิ่งที่ผมทำคือ ผมต้องการเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยม”
“แม้แต่ในตอนเป็นนักเตะ ผมอยากรู้จริงๆถึงขั้นไปถามผู้จัดการทีมทุกคนเกี่ยวกับเกมว่า ทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจแบบนั้น แม้แต่วันนี้ผมก็ยังอยากรู้ว่าทำไม ทำไม ทำไม? ผมได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมของสโมสรในวัย 22 ปี ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามี ผมมีทักษะความเป็นผู้นำที่ตัวเองไม่รู้จริงๆ”
“ผมอยากเป็นผู้จัดการทีมมาโดยตลอด ผมรักเกมนี้ ผมรักมันทั้งหมด ไม่ใช่แค่การเล่นฟุตบอล ผมจะซื้อนิตยสาร Shoot หรือ Roy of the Rovers ผมจะอ่านทุกอย่าง ผมเป็นแฟนบอล ลิเวอร์พูล ผมชอบ บิล แชงคลีย์ ผมชอบเรื่องราว บู๊ทรูม ของเขา”
“ผมสบายใจที่จะเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว และพูดคุยกับนักฟุตบอล ผมไม่สบายใจที่จะเข้าไปในสถานที่ทางสังคม และพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าให้ผมอยู่ในห้องที่มีนักฟุตบอล และผมรู้สึกสบายใจมากกว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่นั้น”
“ปรัชญาฟุตบอลของผมก็มาจาก พ่อ เขาชอบดู ทีมชาติฮอลแลนด์ ปี 1974 พวกเขาเป็นทีมที่ตื่นเต้นอยู่เสมอ รวมถึง ลิเวอร์พูล ในยุค 70 พ่อของผมไม่ชอบดูฟุตบอลอิตาลี และนั่นมีอิทธิพลต่อผม และผมก็สนใจทีมเหล่านั้น”
“ตอนนั้นผมเป็นฟูลแบ็ค เราจบซีซันด้วยการคว้าแชมป์ลีก กองหน้าของเรายิงประตูได้มากมาย มันปลุกเร้าบางอย่างในตัวผม และผมคิดว่าทำไมผมจะยิงบ้างไม่ได้ล่ะ ทำไมไม่ลองเล่นดูล่ะ? ทำไมไม่เล่นฟุตบอในสไตล์ของตัวเองล่ะ ทุกคนอยากเล่น และทำประตู”
ปอสเตโคกลู เคยคุมทีมในออสเตรเลีย และกรีซ หลายทีมก่อนจะโยกไปทำงานกับ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ที่ญี่ปุ่น ซึ่งทำให้เขาได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ รวมถึงความท้าทายทำทีมฟุตบอลที่แตกต่างออกไปจากเดิม
ปอสเตโคกลู เล่าว่า “ผู้คนเพิ่งค้นได้ยินชื่อผมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผมใช้เวลา 25 ปี ในการประสบความสำเร็จ ผมไม่เข้าใจ ผมเคยมาที่นี่เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ผมเคยเป็นโค้ชทีมชาติออสเตรเลีย และผู้คนก็เริ่มพูดถึงผมเรื่อยๆ มันก็เหมือนกับการไปออดิชั่นหนั่งฮอลลีวูดแล้วถูกปฏิเสธ พวกเขาแค่ไม่รู้ว่าผมเป็นใคร มันน่าหดหู่มาก ผมทำงานมา 25 ปีแล้ว”
“สำหรับผม ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ไม่น่าเชื่อ ผมชอบเวลาที่อยู่ที่นั่น เพราะภาษาที่จะเป็นปัญหา แต่ผมชอบใช้ มันท้าทายผมมากในฐานะผู้จัดการทีม และมันก็ได้ผล ผมประสบความสำเร็จ และทำให้ผมมีความเชื่อมากขึ้น ผมคิดว่าไม่ว่าผมจะไปทำงานที่ไหน ผมก็เอาชนะมันได้ และจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น”
หลังอำลา โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ปอสเตโคกลู กลับมาทำงานในยุโรปอีกครั้งกับ เซลติก ในปี ก่อนจะกลายมาเป็นผู้จัดการทีม สเปอร์ส คนปัจจุบัน และทำทีมได้น่าตื่นเต้นกว่าในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่, นูโน เอสปิริโต ซานโต และ อันโตนิโอ คอนเต้
ปอสเตโคกลู ระบุว่า “ผมรู้สึกว่าสโมสรแห่งนี้พร้อมมากๆ พวกเขากำลังมองหาการเปลี่ยนแปลง ไม่มีประเด็นที่จะแต่งตั้งผมนอกเหนือจากเรื่องอื่น ซึ่งในการพูดคุยกันผมบอกพวกเขาว่า นี่คือสิ่งที่ผมจะทำ และผมจะไม่ประนีประนอมกับเรื่องนั้น” .
“มันจะน่ากลัว และคงไม่ราบรื่นเสมอไป ผมคิดว่า มีความเต็มใจจากสโมสร ผมคิดว่านั่นคือพื้นที่ที่พวกเขาสบายใจที่สุด และเหมาะกับผม มันท้าทาย แต่ผมชอบมัน มันง่ายสำหรับผมที่จะพูดถึงเรื่องพวกนี้ ว่าเราจะบอลเล่นจากแนวรับ และเล่นให้กว้างขึ้น มันอาจทำให้ผิดพลาดได้ แต่สิ่งเดียวที่ผมบอกได้คือนักเตะ ถ้ามันไม่ได้ผล มันก็เรื่องของผม จงอย่าเล่นด้วยความกลัว”
“ผมสนุกมากที่พวกเขายอมรับสิ่งนั้น มันยังไม่ได้รับการทดสอบมากนัก และเราจะได้รับการทดสอบแน่นอน เราจะต้องสู้พร้อมกันอย่างแน่นอน แต่ผมพอใจจริงๆ กับสิ่งที่พวกเขาทำงานในแนวทางที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้”