ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน… ทัพสาลิกาดง - OPINION
นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก นับจากการเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรโดยกลุ่มทุน ซาอุดิอาระเบีย กลุ่มทุนที่เข้ามาแล้วทำให้ทัพ “สาลิกาดง” ได้รับการระบุว่าพวกเขามีเจ้าของสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ชัยชนะ 1 เกมจาก 5 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ ลีก รั้งอันดับ 8 หลังผ่านไป 19 เกม ตกรอบคาราบาว คัพ และแชมเปี้ยนส์ ลีก ในเดือนธันวาคม 2023 ทั้งสองรายการ ทำให้สถานะของ เอ็ดดี้ ฮาว (46 ปี) ไม่มั่นคงดังเมื่อ 4 เดือนก่อน หรือจะย้อนไปในช่วงแรกที่รับงานนี้ นี่คือช่วงเวลาแห่งความกดดันอีกครั้งสำหรับเขา
7 ตุลาคม 2021 หนึ่งวันที่แฟนบอลนิวคาสเซิ่ลไม่มีวันลืม พวกเขาออกมาฉลองกันอย่างบ้าคลั่งหลังจากการประกาศการเทคโอเวอร์จบสิ้นลง หลังจากยืดเยื้อมายาวนานนับปีสิ้นสุด ยุคสมัยที่ “เลวร้ายและทรทาน” ภายใต้การครอบครองของ ไมค์ แอชลีย์ จบลงด้วยการแลกกับเงิน 300 ล้านปอนด์ ที่กลุ่มทุนซาอุดิอาระเบียจ่ายให้ “เสี่ยไมค์” ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังอยู่ในวงการฟุตบอลกับการเป็นเจ้าของสนามเหย้าของโคเวนทรี ซิตี้
“ยุคสมัยใหม่” เริ่มต้นขึ้นจากการปรับปรุงหลังบ้าน ฝ่ายบริหารครั้งใหญ่ ตามมาด้วยการแต่งตั้ง เอ็ดดี้ ฮาว เข้ามาคุมทีม แม้จะรอคอยชัยชนะแรกหลังจากการเทคโอเวอร์นานถึง 8 เกม แต่เมื่อมันเกิดขึ้น บวกกับการเข้าสู่ตลาดการซื้อขายมกราคม 2022 ที่มาพร้อมการเซ็นสัญญานักเตะกลุ่มแรกอย่าง คีแรน ทริปเปียร์, บรูโน่ กิมาไรส์, คริส วู้ด รวมถึง แดน เบิร์น เข้ามาสู่ทีม พวกเขาก็ติดปีกและจบด้วยอันดับ 11 ในลีก ที่แทบเป็นไม่ได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว กับทีมที่ 14 เกมแรกในฤดูกาลนั้น ไม่ชนะเลยแม้แต่เกมเดียว (เสมอ 7 แพ้ 7 ได้ 7 คะแนน) พร้อมกับความหวังครั้งใหม่
พวกเขาใช้งบประมาณมากกว่า 150 ล้านปอนด์ในฤดูกาลต่อมา เซ็นสัญญานักเตะเข้ามาเพิ่มเติมจากทีมเดิม ปรับเปลี่ยนทีมที่กำลัง “ใจฟู” จากการเทคโอเวอร์ และกองเชียร์ที่สนับสนุนเต็มตัวหลังจากอดทนรอวันกลับมาของทีมรัก พวกเขาจบด้วยการคว้าอันดับ 4 ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี
เรื่องราวทั้งหมดนี้จนถึงวันนี้ รวมทั้งหมด 26 เดือน เป็น 26 เดือนที่มั่นใจได้เลยว่า แฟนบอลนิวคาสเซิ่ล สุขใจไม่แพ้แฟนบอลทีมใดในโลก อย่างไรก็ตามแต่นี่คือชีวิตจริงที่ความสุขยังคงมี และความทุกข์กลับมาอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังที่มากขึ้นแต่ทีมกลับไม่สามารถตอบสนองมันได้ทั้งหมด
--------
โครงสร้างทีมที่กำลังเติบโต
เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นการ “เปลี่ยนผ่าน” ของสถานะในทีม นิวคาสเซิ่ล ทีมเริ่มต้นในวันที่ได้รับการเทคโอเวอร์ พวกเขาอยู่ในสถานะของทีม “หนีตกชั้น” ที่ต่อมาใช้เวลาเพียงหนึ่งปีได้เข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก พลิกชีวิตกันภายในหนึ่งปี เป็นเรื่องที่ทุกทีมต้องการ และนิวคาสเซิ่ล ก็ไม่มีทางปฏิเสธมันแน่นอน อย่างไรก็ตาม โดยโครงสร้างของนักเตะชุดเดิมที่มี + กับนักเตะใหม่ที่ซื้อเสริมเข้ามา 4 ตลาดการซื้อขาย ทีมชุดนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการปรับฐานโครงสร้างทีมให้แข็งแกร่ง ลงลึกไปมากกว่าแค่ 11 ตัวจริงในทีม นั่นคือการปรับ “Squad Depth” ที่ทุกทีมผ่านพ้นมาแล้วทั้งสิ้น
บางทีมสามารถยกระดับทีมได้ดีมาก บางทีมอยู่ในขั้นตอน บางทีมล้มเหลว แต่ทุกผลลัพธ์ต้องผ่านการ “ใช้เวลา” เพื่อให้ได้มันมา และต้องควบคู่ไปกับหลายส่วนทั้ง ผลการแข่งขันที่ออกมา โครงสร้างองค์กรฝ่ายบริหาร งบประมาณการจัดการ แน่นอนรวมถึงตัวผู้จัดการทีมเองด้วย เมื่อเรื่องนี้ยังต้องรอคอย และพัฒนายังไม่เสร็จสิ้น ปัญหาเรื่องที่สองดันเกิดขึ้น มันจึงกลายเป็นลูกโซ่ทันที
--------
ปัญหาอาการบาดเจ็บ
นิวคาสเซิ่ล 2023-2024 เป็นหนึ่งทีมที่เจอกับเรื่องปัญหานักเตะบาดเจ็บเยอะมากในฤดูกาลนี้ ทั้งการจากความโชคร้ายในการซ้อม หรือว่าจากจำนวนเกมที่มากขึ้นโดยเฉพาะการลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พวกเขาสู้ได้ดีแม้จะต้องตกรอบก็ตาม โดยจากข้อมูลที่ออกมาในบางเดือนพวกเขาต้องขาดนักเตะไปถึง 10 คน ไม่รวมถึงการโดนแบนยาวของ ซานโดร โตนาลี่ กองกลางอิตาลีที่หวังจะให้เข้ามาเป็นตัวหลักในฤดูกาลนี้ จากผลพวงของการกระทำของเจ้าตัวเองโดยตรง
เมื่อบวกกับ Squad Depth จากโครงสร้างทีมที่ยังเติบโตไม่ทัน พวกเขาจึงมีทีมที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก เมื่อตัวหลักมีปัญหาบาดเจ็บ หรือฟอร์มตก ตัวสำรองทดแทนไม่ได้ดีพอ มันก็ส่งผลกับผลงานของทีมโดยตรง บนข้อเท็จจริงอีกเรื่องที่ว่า นักเตะชุดนี้หลายคนไม่เคยมีประสบการณ์ได้รับความคาดหวังสูงเช่นนี้มาก่อน หลายคนไม่เคยต้องเล่นเกมกลางสัปดาห์ถี่ยิบเช่นนี้ แม้กระทั่งตัวผู้จัดการทีมเองก็ไม่เคยเจอในงานคุมทีม ทั้งหมดคือสิ่งใหม่ที่หลายคนในทีมต้องมาเรียนรู้ร่วมกัน ยังไม่รวมถึงเรื่องของ แท็คติกการเล่น ที่ ฮาว ถูกแฟนบอลเริ่มมองว่าไม่ค่อยมีการปรับเปลี่ยนจนโดนจับทางได้แล้ว ยิ่งทำให้ความรู้สึกของแฟนบอลต่อ ฮาว สั่นคลอนมากยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่เกิดความพ่ายแพ้ที่ยังไม่สามารถหาจุดหยุดยั้งได้จนกว่าจะเกิดชัยชนะ หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้น หากแต่ “ความคาดหวัง” ของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน
--------
มุมมองความเห็นของผู้เขียน นิวคาสเซิ่ล กับการลงทุนไปแล้วมากกว่า 300 ล้านปอนด์ในการซื้อขายนักเตะจาก 4 รอบการซื้อขาย ไม่รวมการปรับโครงสร้างองค์กรในทีม ทั้งหมดอยู่ในเส้นทางที่พึงกระทำ แต่ในเมื่อเวลานี้ผลการแข่งขันมันไม่อยู่ในเส้นทางที่สวยมากนัก ความสงสัยและไม่มั่นคงก็มักจะเกิดขึ้น
มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจด้วยที่จะเกิดขึ้น นิวคาสเซิ่ล ยังมีเรื่องให้ต้องทำในช่วงแห่งการแปลงทีมเพื่อเป้าหมายใหญ่ภายใน 10 ปี ที่ทีมอยากเห็นความสำเร็จในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีกภายใน 5-10 ปี ตามคำสัมภาษณ์ของ อแมนด้า สเตฟลีย์ หนึ่งในหัวเรือใหญ่ในการให้เกิดการเทคโอเวอร์สโมสร แต่ในระหว่างทางก่อนจะถึงเวลานั้น พวกเขามองแผนระยะสั้นไว้ตรงไหน
การไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อเนื่อง เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง นิวคาสเซิ่ล ไม่ต้องมองใครเป็นตัวอย่าง พวกเขาทราบดีอยู่แล้วว่าช่วงเวลาเมื่อ 20 ปีก่อน กับช่วง 20 ปีทีผ่านมาทีมของพวกเขา “ลดระดับ” ลงไปมากแค่ไหน เมื่อไม่ได้เข้าร่วมรายการนี้มายาวนาน แถมเคยร่วงไปจนถึงการตกชั้นก็ผ่านมาแล้ว และการกลับมาสู่แชมเปี้ยนส์ ลีก ในครั้งนี้ แม้จะตกรอบแต่มันก็ได้ประโยชน์มากมาย หากแต่ฤดูกาลนี้หลังจากเข้ามาของ เอ็ดดี้ ฮาว ที่เข้าสู่ฤดูกาลที่สองของตัวเองแบบเต็มตัว จบด้วยพื้นที่ยุโรปที่ไม่ใช่ แชมเปี้ยนส์ ลีก มันตามที่ตกลง และพอใจหรือเปล่า
เอ็ดดี้ ฮาว ยังเป็นคนที่ใช่สำหรับบอร์ดบริหารหรือไม่ ถ้าใช่เขาจะตอบแทนโอกาสนี้ได้ผลอย่างไร ถ้าไม่ใช่พวกเขาจะเริ่มต้นใหม่กับใคร เป็นเรื่องที่คงไม่ได้น่าประเมินกันในตอนนี้ กับฤดูกาลที่เพิ่งผ่านมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น
นี่เป็นช่วงเวลาที่ “ทุกคน” ที่เกี่ยวข้องกับสโมสรแห่งนี้ ต้องรับมือกับ “ความคาดหวัง” ของตนเองในวันที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวัง ไม่สวยงามเหมือนเมื่อ 26 เดือนที่ผ่านมา
แต่หากมองจากวันที่ต้องอยู่กับ ไมค์ แอชลีย์ “สาลิกาดง” ในวันนี้มีความสุขมากกว่าวันนั้นหลายร้อยเท่าอย่างแน่นอน!