ลิเวอร์พูล กับสัญญาณเตือนจากการคัมแบ็คเก็บ 3 แต้มสุดสัปดาห์ก่อน - OPINION

แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะคัมแบ็คเก็บ 3 คะแนนได้เป็นเกมที่ 3 ติดต่อกันในศึก พรีเมียร์ลีก 5 นัดแรก แต่นั่นก็แสกงให้เห็นว่าพวกเขายังมีปัญหาในการออกสตาร์ทเกม ซึ่งอาจส่งผลเสียหายกับทีมในระยะยาวได้หากยังไม่มีการแก้ไข
Wolverhampton Wanderers v Liverpool FC - Premier League
Wolverhampton Wanderers v Liverpool FC - Premier League / Naomi Baker/GettyImages
facebooktwitterreddit

การพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้ 3-1 ของ ลิเวอร์พูล ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุดถือเป็นการ “คัมแบ็ค” กลับมาเก็บ 3 คะแนนได้เป็นนัดที่ 3 จาก 5 เกมแรกในฤดูกาลนี้ ซึ่งถ้ามองในแง่ดีนี่คือทีมที่มีการแก้เกมที่ยอดเยี่ยม ขุมกำลังที่พร้อมเป็นตัวเปลี่ยนเกม และหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ 

หากแต่ในอีกด้านหนึ่งมันหมายถึงสัญญาณอันตรายที่ทำให้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องระวังและหันกลับมาแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยด่วน

ข้อผิดพลาดที่ว่านี้คือ การปล่อยให้คู่ต่อสู้ยิงประตูขึ้นนำอยู่เสมอ ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับการที่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและต้องเค้นพลังในการไล่ตามตีเสมอและเอาชนะ

Hwang Hee-Chan, Pedro Neto, Mario Lamina
Wolverhampton Wanderers v Liverpool FC - Premier League / Naomi Baker/GettyImages

หงส์แดง พลาดท่าโดนคู่ต่อสู้ยิงประตูขึ้นนำในเกมกับ บอร์นมัธ (นาทีที่ 4), นิวคาสเซิล (นาทีที่ 25) และล่าสุดเกมกับ วูล์ฟ (นาทีที่ 7) ซึ่งสิ่งนี้กำลังบอกเราว่าเกมการเล่นของพวกเขามีปัญหา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 45 นาทีแรก

3 เกมที่กล่าวไปนั้นจึงใม่ใช่แค่การเสียประตูก่อนเท่านั้น แต่รูปเกมของพวกเขาในครึ่งแรกยังทำได้ไม่ดี จังหวะขาด ๆ เกิน ๆ เสียสมาธิง่าย และพร้อมเสียประตูตลอดเวลา ดีที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีตัวทีเด็ดอยู่ข้างสนามเสมอ นี่อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่สาวก หงส์แดง รู้สึกสบายใจได้

มองในแง่ดีการคัมแบ็คแบบนี้แสดงว่าทีมมีความพร้อมที่จะเอาชนะคู่แข่งได้ตลอดเวลา แต่ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล เจอกับทีมในระดับเดียวกันเพียงแค่ นิวคาสเซิล เท่านั้น ส่วน บอร์นมัธ และ วูล์ฟ ยังไม่สามารถเทียบอะไรได้

Phil Foden, Matheus Nunes, Julián Álvarez
Manchester City v FK Crvena Zvezda: Group G - UEFA Champions League 2023/24 / Visionhaus/GettyImages

แต่ทีมเหล่านี้กลับทำให้ลูกทีมของ คล็อปป์ ประสบปัญหา น่าคิดเหมือนกันว่าถ้าไปเจอกับพวกเขี้ยวลากดินอย่าง อาร์เซนอล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาจะคัมแบ็คได้แบบนี้หรือไม่

พอล เมอร์สัน ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้หลังได้ชมเกมที่ โมลินิวซ์ และเขาเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ไม่อาจทำแบบนี้ได้ไปตลอด โดยเฉพาะเมื่อเจอกับทีมใหญ่ด้วยกัน

“ลิเวอร์พูล เล่นไม่ดีในครึ่งแรกกับเกมเจอ วูล์ฟ พวกเขาแย่จริง ๆ แต่พวกเขาก็ลงมาเล่นในครึ่งหลังและจัดการเจ้าบ้านได้สำเร็จ”

“ปัญหาคือคุณจะไม่สามารถไปทำแบบนี้ได้กับทีมที่ดีกว่า”

“คุณไม่อยากจะไปเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หรือ เอติฮัด เพื่อที่จะทำแบบนี้หรอก ถ้าเป็นเช่นนั้นเกมมันจะจบตั้งแต่ครึ่งแรกไปแล้ว” อดีตหัวหอกทีมชาติอังกฤษกล่าว

Paul Merson
Manchester United v Arsenal FC - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

เกมกับ วูล์ฟ ในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ห่วยจริง ๆ ตามที่ เมอร์สัน บอก จนกระทั่ง คล็อปป์ ปรับแผนในช่วงพักครึ่งด้วยการส่ง หลุยส์ ดิอาซ ลงมาแทน อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ พร้อมกับหันมาเล่นในระบบ 4-4-2 นั่นจึงทำให้เกมของพวกเขาดีขึ้นผิดหูผิดตา

45 นาทีแรกของทีม หมาป่าลอนดอน นั้นก็ดีกว่าจริง ๆ แค่ลูกทีมของ แกรี โอนีลล์ ไม่สามารถจะเพิ่มสกอร์เป็น 2-3 ลูกได้ ซึ่งนี่คือความแตกต่างกับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่หัวแถว นั่นจึงทำให้โอกาสของ ลิเวอร์พูล ยังเปิดกว้าง และพวกเขาก็คัมแบ็คได้สำเร็จในครึ่งหลัง

ลองนึกภาพว่า หงส์แดง ไปโดน แมนฯ ซิตี้ ออกนำ 1-0 ในครึ่งแรก โอกาสจะคัมแบ็คครึ่งหลังมันจะเหลือซักกี่เปอร์เซ็นต์

FBL-ENG-PR-WOLVES-LIVERPOOL
FBL-ENG-PR-WOLVES-LIVERPOOL / ADRIAN DENNIS/GettyImages

มีคนบอกว่าปัญหาคือแนวรับ แต่จริง ๆ แล้วก็ต้องบอกว่ามีปัญหากันทั้งทีม โดยเฉพาะเรื่องสมาธิในช่วงต้นเกม

เยอร์เก้น คล็อปป์ จึงไม่อาจชะล่าใจและเชื่อว่าทีมของเขาจะทำเช่นนี้ได้ทุกนัด เพราะอย่างที่ เมอร์สัน บอกหากคุณไปเจอกับ อาร์เซนอล, ซิตี้ หรือ ไบรท์ตัน มันยากที่จะกลับออกมาแบบมีแต้มได้

ฟอร์มดีก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่ยังมีปัญหาก็ต้องรีบแก้ไข การมาไล่ตามแบบนี้ทุกนัดคงไม่ใช่เรื่องดี สู้ครองบอล จบสกอร์ และปิดเกม ถนอมตัวในช่วงท้ายเพื่อลุยในแม็ตช์ต่อไปน่าจะง่ายกว่า