อีกฝั่งของสวนสแตนลี่ย์ : เอฟเวอร์ตัน ฉีกยิ้มหลังได้ 'ลดโทษ' ตัดแต้ม - แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ... - OPINION
• 4 แต้มที่กลับคืนมา ทำให้โอกาสตกชั้นลดลงชัดเจน
• แต่เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่าง ลิเวอร์พูล แล้วนั้น...
ในภาพของสัปดาห์อันยอดเยี่ยมน่าประทับใจของ ลิเวอร์พูล ด้วยมีทั้งแชมป์ คาราบาว คัพ ที่เข้ามือ และผ่านเข้ารอบ 8 ทีม เอฟเอ คัพ อย่างสวยงามด้วยพลังของเด็กๆ นั้น อีกฝั่งของสวนสแตนลี่ย์ ก็มีข่าวดีเช่นกันนั่นคือ เอฟเวอร์ตัน ชนะอุทธรณ์ ได้แต้มกลับมา 4 คะแนน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบก้าวเดินระหว่าง "มุมน้ำเงิน" กับ "มุมแดง" แล้วนั้น...
10 แต้มที่โดนตัด
คำถามแรกสุดคือ เอฟเวอร์ตัน รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำผิด แน่นอน พวกเขารู้อยู่แล้ว แต่... "จะทำไงได้" เมื่อเป็นเรื่องของเงินๆ ทองๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ แบบกระชากหนีผู้รักษาประตูไปส่องตาข่าย
เอฟเวอร์ตัน รู้อยู่แล้วแหละว่าพวกเขาจะโดน พรีเมียร์ลีก ฟันฉับหมั่บเข้าให้ในวันหนึ่งวันใด ซึ่งวันนั้นก็เกิดขึ้นไปเมื่อ 17 พ.ย. 2023
ภายใต้กฎเกณฑ์ทางการเงินของ พรีเมียร์ลีก ที่ว่า สโมสรใดก็ตามสามารถมีผลประกอบการ "ขาดทุน" ในระยะ 3 ปีรวมกัน ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ (ตีเฉลี่ยปีละ 35 ล้านปอนด์) ปรากฏว่า ระหว่างปี 2019 - 2022 ทีมทอฟฟี่ขาดทุนสะสมบานตะไทถึง 371.8 ล้านปอนด์ ไปโน่น
ความผิดใหญ่สุดประการหนึ่ง คือการ "ตกแต่งบัญชี" เอฟเวอร์ตัน อ้างว่าซีซั่น 2021/22 พวกเขาขาดทุนเบาๆ แค่ 44 ล้านปอนด์ แต่ผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระของ พรีเมียร์ลีก ตรวจพบว่าอันที่จริง ทีมทอฟฟี่ขาดทุนไปถึง 124.5 ล้านปอนด์ในปีนั้น
ภายหลังใช้เวลาไต่สวนอยู่ 5 วันในช่วงเดือน ต.ค. พรีเมียร์ลีก เลือกจะลงดาบสถานหนักเพื่อเป็นบรรทัดฐาน หักโครมเดียวถึง 10 คะแนนเต็ม -- ในหน้าประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ผ่านมา มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่เคยโดนฟันฉับลักษณะนี้คือ มิดเดิ้ลส์โบรช์ โดนตัด 3 แต้ม ฐานไม่ยอมลงเตะกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ระหว่างซีซั่น 1996/97 ด้วยข้ออ้างว่านักเตะมีอาการป่วยพร้อมกันทั้งทีม และ พอร์ทสมัธ โดนตัด 9 แต้มในปี 2010 ด้วยข้อหาทางการเงิน ต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างหนี้
กลับไปยัง เอฟเวอร์ตัน ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุให้พวกเขามีชนักติดหลังแบบพอกหางหมูถึงเกือบ 400 ล้านปอนด์ มีการแจกแจงไว้สี่ซ้าห้าข้อ ประมาณนี้
1) ซื้อขายผิดพลาด
หลายๆ ซัมเมอร์หรือตลาดวินเทอร์ เอฟเวอร์ตัน ลงทุนหลายดีลแบบ "แพงเกินจริง" และแต่ละปีเมื่อหักลบกันแล้วก็ "ติดลบ" เสียมาก ซึ่งไอ้ที่เป็นปัญหาก็คือระหว่างปี 2019 - 2022 นั่นเอง
- 2019/20
ขาเข้า 110 ล้านปอนด์
อันเดร โกเมส (บาร์เซโลน่า) 22 ล้านปอนด์
ฟาเบียน เดลฟ์ (แมนฯ ซิตี้) 10 ล้านปอนด์
ชอง-ฟิลิปป์ บาแม็ง (ไมนซ์) 25 ล้านปอนด์
มอยเซ่ คีน (ยูเวนตุส) 25 ล้านปอนด์
อเล็กซ์ อิโวบี้ (อาร์เซน่อล) 28 ล้านปอนด์
ขาออก 67 ล้านปอนด์ - นิโกล่า วลาซิช, อเดโมล่า ลุคแมน, อิดริสซ่า เกย์, เจมส์ แม็คคาร์ธี่
ขาดทุน 43 ล้านปอนด์
- 2020/21
ขาเข้า 62 ล้านปอนด์
อัลลัน (นาโปลี) 22 ล้านปอนด์
อับดูลาย ดูคูเร่ (วัตฟอร์ด) 20 ล้านปอนด์
เบน ก๊อดฟรีย์ (นอริช) 20 ล้านปอนด์
ขาออก 6 ล้านปอนด์ - เฟรเซอร์ ฮอร์นบี้, มอร์แกน ชไนเดอร์ลิน, คีแรน โดเวลล์
ขาดทุน 56 ล้านปอนด์
- 2021/22
ขาเข้า 31 ล้านปอนด์
ดีมาไร เกรย์ (เลเวอร์คูเซ่น) 2 ล้านปอนด์
วิตาลี มีโคเลนโก้ (ดินาโม เคียฟ) 17 ล้านปอนด์
เนธาน แพ็ตเตอร์สัน (เรนเจอร์ส) 12 ล้านปอนด์
เดเล่ อัลลี่ (สเปอร์ส) ฟรี + ออปชั่นจ่ายสูงสุด 40 ล้านปอนด์
ขาออก 33 ล้านปอนด์ - แบร์นาร์ด, ฮาเมส โรดริเกซ, ลูก้าส์ ดีญ
กำไร 2 ล้านปอนด์
ตามที่มีการเปิดเผยผ่านสื่อเป็นตัวเลขค่าตัว จะพบว่าระยะสามปีนี้ เอฟเวอร์ตัน ขาดทุนในส่วนของธุรกรรมซื้อขายนักเตะถึง 97 ล้านปอนด์ โดยยังไม่ต้องนับรวมค่าเช่ายืมในบางราย, ค่าจ้างของนักเตะแต่ละคน เช่นเดียวกับโบนัส หรือเงินก้อนที่ตกถึงมือเอเยนต์นักเตะ
2) ชดเชยเลือกโค้ชผิด
แรกสุดคือนักเตะ ถัดมาก็คือเรื่องของกุุนซือ ที่มีอย่างน้อย 3 รายในช่วงนั้น ทั้ง มาร์โก ซิลวา (2018-19), คาร์โล อันเชล็อตติ (2019-21) และ ราฟาเอล เบนิเตซ (2021-22) ที่ล้มเหลวกับงานใน กูดิสัน พาร์ค
สิ่งที่ตามมาจากความล้มเหลวของทั้ง 3 ก็คืองบประมาณจำนวนมากที่ เอฟเวอร์ตัน ถูกผลาญไป
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ มาร์โก ซิลวา ที่เรียกได้ว่า เอฟเวอร์ตัน โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
เริ่มแรกที่ เอฟเวอร์ตัน หมายตาโค้ชหนุ่มโปรตุเกส ก็ต้องหอบพานเงินพานทอง แห่ขันหมากไปสู่ขอตัวมาจาก วัตฟอร์ด สนนราคาค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 4 ล้านปอนด์
ในระหว่างทำงาน เอฟเวอร์ตัน มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าจ้าง ซิลวา สัปดาห์ละ 58,000 ปอนด์ หรือเดือนละ 2 แสนกว่าปอนด์
ครั้นเมื่อเตียงหักรักร้าง ไปกันต่อไม่ไหว เอฟเวอร์ตัน สั่งปลด ก็ต้องจ่ายชดเชยการที่ ซิลวา ยังเหลือสัญญาอีกพักใหญ่ เป็นจำนวน 6.6 ล้านปอนด์
ก็ทั้ง ซิลวา ทั้ง อันเช่ ทั้ง ราฟา สามคนจุกๆ สนุกสนานบรรลัย
3) โควิด-19
อันนี้ กระทบกันหมดทั้งยวง ทั้งวงการ และดันมาโบ๊ะเอาในจุดที่ เอฟเวอร์ตัน ง่อนแงนเรื่องการเงินพอดี ด้วยการระบาดของไวรัสที่เล่นงานจนโลกฟุตบอลต้องหยุดนิ่ง แช่แข็งเพื่อป้องกันตัว
เมื่อโควิดมา ก็มีทั้งต้องสั่งเบรค งดลงสนามช่วงหนึ่ง หรือปิดสนามเล่น ห้ามแฟนบอลเข้า ที่กระทบถึงรายได้ที่หดหาย ทั้งค่าตั๋ว ค่าเมอร์แชนไดส์ นู่นนี่นั่น นั่นนี่โน่น
3) สปอนเซอร์หลักหาย
ความเสียหายด้านการเงินของ เอฟเวอร์ตัน ยังถูกทับถมด้วยสถานการณ์ของสปอนเซอร์หลัก ที่ได้รับผลกระทบทางตรงจากสงครามระหว่าง รัสเซีย - ยูเครน
USM บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย เจ้าของกิจการ Megafon เข้ามายัง กูดิสัน พาร์ค ด้วยการเป็นบริษัทของ อลิเชอร์ อุสมานอฟ โดยทำสัญญา 5 ปีกับทีมทอฟฟี่ในช่วงต้นปี 2017 ด้วยดีลมูลค่า 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อลงสปอนเซอร์ในส่วนต่างๆ ทั้งกับสนามซ้อม, ชุดซ้อม หรือแปะอกเสื้อชุดแข่ง ทีมหญิง
บึ้ม... สงคราม รัสเซีย - ยูเครน เกิดขึ้น และ รัสเซีย กลายเป็นชาติที่ถูกแอนตี้จากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจาก อังกฤษ ที่ถึงกับ "คว่ำบาตร" จนกระเจิดกระเจิงกันหมดทั้ง อุสมานอฟ และ/หรือ โรมัน อบราโมวิช ที่ เชลซี
5) กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน
นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีประเด็นของ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน อดีตจอมทัพทีมชาติไอซ์แลนด์ ซึ่ง เอฟเวอร์ตัน ทุ่มคว้ามาด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 40+5 ล้านปอนด์ ตอนกลางปี 2017
ไม่ถือว่าน่าผิดหวังกับเม็ดเงินที่ลงทุนไป เมื่ออดีตแข้ง สเปอร์ส ถือว่าจัดแจ่มให้กับทีมทอฟฟี่ โดยเฉพาะซีซั่น 2018/19 ที่กดไปถึง 14 ประตู เป็นดาวซัลโวสโมสร (ร่วมกับ ริชาร์ลิซอน) พร้อมพาทีมเข้าป้ายอันดับ 8 พรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตาม การณ์กลับกลายเป็นว่า ซิกูร์ดส์สัน ติดคดีความเรื่อง "หนึ่งในคำค้นหายอดฮิตประเทศไทย" ต่อเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี ช่วงต้นซีซั่น 2021/22 ผลคือสโมสรจำเป็นต้องสั่งแบนเป็นการภายในตลอดซีซั่น--แต่ต้องจ่ายค่าจ้างสัปดาห์ละ 1 แสนปอนด์ เต็มจำนวนในทุกงวด
สุดท้าย เอฟเวอร์ตัน ต้องปล่อยนักเตะฟรีไปเมื่อสัญญาหมด โดยที่ในภายหลัง ก็ปรากฏว่า ซิกูร์ดส์สัน หลุดจากคดี ไม่มีความผิด child sex offences ใดๆ เสียด้วย
ชนะอุทธรณ์ อันดับเด้ง
การโดนตัด 10 แต้ม ทำให้ เอฟเวอร์ตัน, ซึ่งที่จริงผลงานยุค ชอน ไดช์ ครึ่งซีซั่นแรกที่ผ่านมา ก็ไม่ถือว่าแย่, ต้องลงไปคลุกฝุ่นท้ายตารางอยู่นาน
ตอนกลางเดือน ธ.ค. หลังจากชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-0 (แมตช์ที่ 17) อันเป็นการชนะ 4 เกมซ้อน เอฟเวอร์ตัน ต้องพบตัวเองอยู่ในอันดับ 16 ด้วยแต้มที่นำหน้าโซนตกชั้นอยู่แค่คืบ
ทั้งที่ถ้าไม่ถูกตัดแต้ม พวกเขาจะอยู่อันดับ 8 หรือ 9 ด้วยแต้มที่เท่ากันกับ ไบรท์ตัน และตามหลังท็อป 6 (นิวคาสเซิ่ล) แค่ 3 คะแนน
เอาน่ะ... หมดเคราะห์หมดโศก หมดโรคหมดภัย ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา (26 ก.พ.) พรีเมียร์ลีก ยอมรับการอุทธรณ์โทษของ เอฟเวอร์ตัน โดยเปิดไฟเขียวลดบทลงโทษจากเดิม ที่ตัดแต้มทีมทอฟฟี่ 10 แต้ม ลงมาเหลือ 6 แต้ม
"สโมสร เอฟเวอร์ตัน สามารถยืนยันได้ว่า คณะกรรมการของพรีเมียร์ลีกได้ทำการลดโทษ หลังจากที่มีการอุทธรณ์เป็นที่เรียบร้อย จากเดิมที่ได้โดนหัก 10 คะแนนในเดือนพฤศจิกายน จะถูกผ่อนปรนลงมาเหลือ 6 คะแนน และมีผลทันที"
"ในขณะที่สโมสรกำลังทำความเข้าใจกับการตัดสินใจของคณะกรรมการ พรีเมียร์ลีก พวกเรารู้สึกพอใจที่การอุทธรณ์โทษในครั้งนี้ส่งผลให้มีการลดหย่อนโทษจากหนักเป็นเบา"
4 แต้มที่ได้กลับมาเข้ากระเป๋า แม้ไม่มากไม่มาย แต่ก็ "โอเคแหละ" สำหรับการทำให้โซนท้ายตาราง เปลี่ยนโฉมเป็นแบบนี้ (ก่อนเกมวันเสาร์ 2 มี.ค.)
อันดับ | ผล | แต้ม |
---|---|---|
13. คริสตัล พาเลซ | 7-7-12 | 28 |
14. บอร์นมัธ | 7-7-11 | 28 |
15. เอฟเวอร์ตัน | 8-7-11 | 25 (โดนหัก 6) |
16. เบรนท์ฟอร์ด | 7-4-15 | 25 |
17. ฟอเรสต์ | 6-6-14 | 24 |
18. ลูตัน ทาวน์ | 5-5-15 | 20 |
19. เบิร์นลี่ย์ | 3-4-19 | 13 |
20. เชฟยู | 3-4-19 | 13 |
แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ...
อย่างไรก็ตาม แม้ข่าวดีนอกสนามจะมาแล้ว แต้มขยับขึ้นไปเหนือโซนแดง 5 แต้มแล้ว
แต่ เอฟเวอร์ตัน ก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะ "รอดตกชั้น" ยืนระยะในลีกสูงสุดได้ต่อเป็นปีที่ 71 แน่ๆ
เมื่อผลงานของพวกเขาอยู่ในขั้น "ติดลบ" ตลอดระยะหลัง
- แพ้ สเปอร์ส 1-2
แพ้ แมนฯ ซิตี้ 1-3
แพ้ วูล์ฟส์ 0-3
เสมอ แอสตัน วิลล่า 0-0
เสมอ ฟูแล่ม 0-0
เสมอ สเปอร์ส 2-2
แพ้ แมนฯ ซิตี้ 0-2
เสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1
เสมอ ไบรท์ตัน 1-1
ถัดจากชัยชนะล่าสุดที่บุกตบ เบิร์นลี่ย์ ถึงบ้าน 2-0 เมื่อ 16 ธ.ค. นั่นแล้ว เอฟเวอร์ตัน ของ ชอน ไดช์ ก็กลับไม่ชนะใครเลยถึง 9 เกมติดต่อกัน
ความหมายเดียวกันคือเมื่อ "ขึ้นปีใหม่" แล้ว ทีมทอฟฟี่ ยังชนะเกมลีกไม่เป็นเลยสักนัด
จอร์แดน พิคฟอร์ด แม้ยังรั้งตัวเองในกลุ่มท็อปคลีนชีต แต่ก็โดนยิงใน 7 จาก 9 เกมหลังมานี้
จาร์แร็ด แบรนท์เวธ อาจทำผลงานส่วนตัวเข้าตา กับการก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักหลังบ้านปีนี้ แต่ยังสร้างอิทธิพลไม่มากพอจะดึงผลสกอร์ดีๆ ได้
เดเล่ อัลลี่ & อันเดร โกเมส สองคนนี้ลงสนามรวม 1 นัดซีซั่นนี้ ส่วนค่าจ้างต่อสัปดาห์รวมกันเป็นตัวเลขเท่าไหร่ ก็ขี้คร้านจะเปิดหา
โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน เหมือนจะมาดีตอนต้นซีซั่น แต่ 22 นัดติดต่อกันแล้วที่เป้าสะอาด ไม่มีแม้แต่ประตูเดียว
เช่นกัน ตัวเสริมอย่าง ดไวท์ แม็คนีล, เจมส์ การ์เนอร์, แจ๊ค แฮร์ริสัน หรือใครต่อใคร ก็ล้วนแต่ฟอร์มไม่ได้มาตรฐาน โดยไม่ต้องวกไปพูดถึงว่า เอฟเวอร์ตัน ก็ลงทุนได้แย่อีกเหมือนเคย กับการควานหากองหน้าใหม่มาเสริมทัพ (32 ล้านปอนด์ เบโต้ + ยุสเซฟ เชอร์มิติ ...ดี๊ดี)
5 แต้มที่นำโซนแดง อาจดูเยอะเมื่อ 3 น้องใหม่อย่าง ลูตัน - เบิร์นลี่ย์ - เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ดูไม่ค่อยพร้อมสำหรับการลุย พรีเมียร์ลีก ปีนี้
เอาเข้าจริง เอฟเวอร์ตัน ก็อาจไม่ถึงขั้นตกชั้นจริงๆ หรอก ด้วยศักยภาพทีมและพลังแฝงที่ทำให้อยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดมาได้ 70 ปีติดต่อกัน
แต่ด้วยทรงแบบนี้ ผลสกอร์แบบนี้ ความต่อเนื่องที่เป็นมานี้ ก็ยากที่จะหามุมไหนเป็น "แง่ดี" ของทีมทอฟฟี่ -- เว้นแต่ข่าวได้รับแต้มคืน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับวันจะยิ่งห่าง ยิ่ง "อยู่คนละโลก" กับเพื่อนบ้านในอีกฝั่งสวน สแตนลี่ย์ พาร์ค ที่มีแต่จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ต่อยอดจากแชมป์ไปได้ไกล
มากขึ้นและมากขึ้น จนมองไม่เห็นกันแม้แต่เงา