ว่าด้วยเรื่อง "ผู้ชนะ" และ "ผู้แพ้" ประจำศึก ยูโร 2024 รอบแบ่งกลุ่ม - OPINION

  • ทีมชาติ สเปน โชว์ฟอร์มร้อนแรงเก็บ 9 แต้มสำคัญไปได้ในรอบแบ่งกลุ่ม
  • ทีมชาติ อังกฤษ ยังคงโชว์ฟอร์มเก่งไม่ออก แม้จบในฐานะแชมป์กลุ่ม
  • ทีมชาติ เยอรมัน มีความได้เปรียบจากกองเชียร์เพราะเล่นในบ้านตนเอง
Georgia v Portugal: Group F - UEFA EURO 2024
Georgia v Portugal: Group F - UEFA EURO 2024 / Jan Fromme - firo sportphoto/GettyImages
facebooktwitterreddit

ทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอล ยูโร 2024 เดินทางมาถึงรอบตัดเชือก 16 ทีมเป็นที่เรียบร้อย โดยในรอบแบ่งกลุ่มกว่า 13 วันที่ลงเตะกันอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดพัก มีเรื่องราวสุดดราม่าเกิดขึ้นมากมาย ทั้งการตกรอบของทีมชาติ โครเอเชีย ที่เราอาจจะได้เห็น ลูก้า โมดริช เป็นครั้งสุดท้ายในนามนักเตะทีมชาติ ในขณะเดียวกัน จอร์เจีย ซึ่งเป็นทีมน้องใหม่กลับทะลุเข้าไปได้ถึงรอบ 16 ทีมด้วยฟอร์มเหนือความคาดหมาย และยังมีอีกหลายเหตุการณ์หลากอารมณ์ให้ได้พูดคุยกัน วันนี้ 90MIN จึงอยากนำบทความของ GOAL ที่เขียนไว้ถึง "ผู้ชนะ" และ "ผู้แพ้" ในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอล ยูโร 2024 มาให้ทุกท่านได้ย้อนดูไปด้วยกัน


1. เซอร์ดาน ชากิรี่ - ผู้ชนะ

Xherdan Shaqiri
Scotland v Switzerland: Group A - UEFA EURO 2024 / Alex Grimm/GettyImages

ทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ กลายเป็นหนึ่งทีมที่ไม้แพ้ใครเลยในรอบแบ่งกลุ่ม โดยโมเมนต์ที่น่าจดจำคือประตูตีเสมอ สก็อตแลนด์ สุดเฉียบขาดจาก เซอร์ดาน ชากิรี่ ที่ปั่นด้วยเท้าซ้ายโค้งเข้ามุมสามเหลี่ยมจนผู้รักษาประตูหมดสิทธิ์เซฟ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงได้ในทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 3 หน และ ฟุตบอลโลก 3 หน ติดต่อกัน และยังเป็นผู้เล่นที่ยิงได้ 10 ประตูในเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์ทีมชาติอีกด้วย - มากกว่า แพทริค ไคลเวิร์ต (8 ประตู), เวย์น รูนีย์ (7 ประตู), ราอูล และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (6 ประตู)

2. สตีฟ คลาร์ก และ สก็อตแลนด์ - ผู้แพ้

Stuart Armstrong - Soccer Player, Greg Taylor - Soccer Player - Born 1997, Andrew Robertson - Soccer Player, Grant Hanley, Ryan Christie
Scotland v Hungary: Group A - UEFA EURO 2024 / Visionhaus/GettyImages

น่าเสียดายที่เราจะไม่ได้เห็นหนึ่งในกองเชียร์แฟนบอลที่ดีที่สุดในโลกแล้วในทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2024 เพราะทีมชาติบ้านเกิดของพวกเขาอย่าง สก็อตแลนด์ ตกรอบไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยสถิติสร้างโอกาสยิงเพียง 17 ครั้งเท่านั้นตลอดทั้งการแข่งขัน ถือว่าน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว โดยมีถึงสองเกมที่พวกเขาไม่ได้ง้างเท้ายิงเลยสักครั้งในช่วงครึ่งเวลาแรก

ยิ่งไปกว่านั้นกุนซืออย่าง สตีฟ คลาร์ก ยังออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมเชิงดูถูกผู้ตัดสินชาว อาร์เจนติน่า จนทำให้เป็นประเด็นอีก เรียกได้ว่าเป็นทัวร์นาเม้นต์ฝันร้ายสำหรับนักเตะและแฟนบอล "เบรฟฮาร์ท" เลยทีเดียว

3. สเปน - ผู้ชนะ

Albania v Spain - EURO 2024
Albania v Spain - EURO 2024 / Anadolu/GettyImages

ทัพ กระทิงดุ น่าจะเป็นทีมที่ดูดีที่สุดหลังจบรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะเก็บชัยชนะได้ถึง 3 นัดรวดแล้ว พวกเขายังเอาชนะคู่แข่งสุดหินอย่าง โครเอเชีย และ อิตาลี ไปได้โดยไม่เสียสักประตูเดียว รวมถึงในเกมกับ แอลเบเนีย ก็ได้รับโอกาสทดลองผู้เล่นชุดสำรองยกแผงลงมาต่อกรกับคู่แข่งที่ระดับพลังต่างกันและเอาชนะไปได้แบบไม่เสียประตูอีกเช่นเคย ดังนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทีมชาติ สเปน น่าจะฟิตมีทั้งกำลังใจและกายพร้อมจะต่อสู้กับ จอร์เจีย อย่างเต็มถัง

4. ลูก้า โมดริช - ผู้แพ้

Luka Modric
Croatia v Italy: Group B - UEFA EURO 2024 / Dan Mullan/GettyImages

ในโลกฟุตบอลที่เต็มไปด้วยการแข่งขันรอบทิศทาง หายากนักที่จะมีนักเตะสักคนที่แทบจะไม่มีคนเกลียดชังเลย ซึ่ง ลูก้า โมดริช คือหนึ่งในนักเตะประเภทนั้น น่าเสียดายที่ทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2024 สำหรับดาวเตะรายนี้จบลงอย่างไม่สวยงามนักด้วยการที่ทีมชาติ โครเอเชีย ไม่ชนะใครเลยตลอดการแข่งขันทั้ง 3 เกมที่ผ่านมา จนสุดท้ายเราอาจจะได้เห็น โมดริช ลงเล่นเกมทีมชาติแมตช์สุดท้ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

5. คริสเตียน เอริคเซ่น - ผู้ชนะ

Christian Eriksen
Denmark v England: Group C - UEFA EURO 2024 / James Gill - Danehouse/GettyImages

อย่าว่าแต่ลงเล่นในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่เลย คงไม่มีใครเชื่อด้วยซ้ำว่า คริสเตียน เอริคเซ่น จะกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพได้อีกหลังเหตุการณ์ในสนามเมื่อปี 2021 ซึ่งเจ้าตัวล้มฟุบลงไปในสนามจนหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุมานะและความพยายาม เอริคเซ่น กลับมาได้อีกครั้งใน ยูโร 2024 ด้วยร่างกายที่ฟิตพร้อมลุยเต็มที่ โดยดาวเตะวัย 32 ปีได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมสองในสามแมตช์ที่ลงสนาม ด้วยการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนไปแล้วกว่า 13 ครั้ง(มากที่สุด) รวมถึงการเปิดบอลเข้าเป้าไปแล้วกว่า 10 ครั้ง ใครจะรู้ว่า เอริคเซ่น จะพาทีม โคนม เข้ารอบลึกไปได้ขนาดไหน

6. อังกฤษ - ผู้แพ้

Harry Kane
England v Slovenia: Group C - UEFA EURO 2024 / Stu Forster/GettyImages

ทีมชาติ อังกฤษ จบลงด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มแบบไร้พ่าย แต่หากมองลึกลงไปในรายละเอียด พวกเขาน่าจะเป็นหนึ่งในทีมแชมป์กลุ่มที่มีผลงานย่ำแย่สุดในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล ด้วยสไตล์การทำทีมแสนจืดชืดของ แกเร็ธ เซาธ์เกต สวนทางกับขุมกำลังซึ่งอุดมไปด้วยผู้เล่นคุณภาพมากมาย จนแฟนบอลทั้งรุ่นใหม่รุ่นเก่าต่างพากันส่ายหัวและหมดศรัทธาไปตาม ๆ กัน

แน่นอนว่าแฟนบอลทัพ สิงโตคำราม ไม่หวังอะไรมากนอกจากขอให้ทีมรักของตนช่วยเล่นให้สมราคานักเตะหน่อย ซึ่งถ้าหากพวกเขายังไม่พัฒนาในเกมรอบ 16 ทีมกับ สโลวาเกีย จนตกรอบขึ้นมา เราอาจได้เห็นการรุมทึ้งจากสื่อมวลชนและแฟนบอลเฉกเช่นเดียวกับตอน ฟุตบอลโลก 1998 ที่ เดวิด เบ็คแฮม โดยวิจารณ์อย่างหนักจากสื่อที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดในโลก

7. เอ็นโกโล ก็องเต้ - ผู้ชนะ

N'Golo Kante
N'Golo Kante of France looks on during the Uefa Euro 2024... / Marco Canoniero/GettyImages

การกลับมาอีกครั้งของกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ซึ่ง ดิดิเยร์ เดชองส์ เรียกเขากลับมาติดทีมชาติ ฝรั่งเศส แบบช็อคหน้าหนังสือพิมพ์หลังจากที่เจ้าตัวห่างหายจากการรับใช้ทีม ตราไก่ ไปร่วมสองปีด้วยอาการบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม นายใหญ่ชาว ฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ก็องเต้ ได้ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของตนเองกลับมาฟิตเต็มถังแล้ว ซึ่งดาวเตะอารมณ์ดีรายนี้ก็โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจจนคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมได้ในสองจากสามแมตช์ที่ลงสนามอีกด้วย แม้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ของ ฝรั่งเศส ยังคงต้องกระตุ้นฟอร์มอีกสักหน่อยก็ตาม

8. ราล์ฟ รังนิค - ผู้ชนะ

Ralf Rangnick
Netherlands v Austria: Group D - UEFA EURO 2024 / Christina Pahnke - sampics/GettyImages

"ชายคนนี้ไม่ใช่โค้ชด้วยซ้ำ ตลอดทั้งอาชีพการค้าแข้งของผม ผมจะเรียกโค้ชทุกคนว่าบอสเสมอ เพราะนั่นคือความเคารพต่อผู้คนในตำแหน่งนั้น แต่ลึก ๆ แล้วผมไม่เคยเห็นชายคนนี้เป็นบอสเลย"

เชื่อว่าทุกคนยังจำคำพูดแทงใจดำของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่มีต่อ ราล์ฟ รังนิค ได้ขึ้นใจเป็นอย่างดี ซึ่งเอาจริง ๆ ถ้า "พี่โด้" และพลพรรคนักเตะ ปีศาจแดง ให้ความเคารพ "อาจาร์ราล์ฟ" สักหน่อย แมนฯ ยูไนเต็ด อาจไม่ต้องตกที่นั่งลำบากเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็ได้

ใน ยูโร 2024 ราล์ฟ รังนิค แสดงให้คนทั้งโลกเห็นแล้วว่าเขาไม่ได้จับฉลากได้ตำแหน่งผู้จัดการทีมมา แต่เป็นบารมีและความรู้ที่พาเขามาถึงจุดนี้ได้ โดยเฉพาะเมื่อเขาพาทีมชาติ ออสเตรีย จบในตำแหน่งแชมป์กลุ่มเหนือ ฝรั่งเศส ภายใต้ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม น่าสนใจว่าทีมม้ามืดทีมนี้จะไปได้ไกลขนาดไหนใน ยูโร 2024

9. โรเมลู ลูกากู - ผู้แพ้

Romelu Lukaku
Belgium v Romania: Group E - UEFA EURO 2024 / Image Photo Agency/GettyImages

แม้จะออกสตาร์ทด้วยความมั่นอกมั่นใจเต็มกระเป๋า แต่ โรเมลู ลูกากู ยังคงเป็นดาวยิงไร้สกอร์ในทัวร์นาเมนต์ ยูโร ครั้งนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาจากไหน เพราะทุกประตูที่เจ้าตัวส่งไปนอนในก้นตาข่ายได้กลับถูกริบคืนโดยผู้ตัดสิน รวมถึงโอกาสโล่ง ๆ ที่น่าจะทำให้เป็นประตูได้ก็กลับพลาดไปอย่างน่าเหลือเชื่อ จนแม้แต่เพื่อนร่วมทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ยังออกอาการไม่พอใจหลัง ลูกากู เปลี่ยนบอลงาม ๆ จากเท้าเขาเป็นประตูไม่สำเร็จ แน่นอนว่า "พี่ตู้" ยังคงต้องงมหาฟอร์มเก่งของตนเองต่อไป

10. มิสเตอร์ โอน โกล & นักยิงไกล - ผู้ชนะ

Donyell Malen
Holland v Austria -EURO / Soccrates Images/GettyImages

หากจะถามถึงดาวยิงสูงสุดของ ยูโร 2024 ในตอนนี้ ชื่อของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้, แฮร์รี่ เคน, หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจไม่ติดอยู่ในโผ เพราะผู้ที่ทำประตูได้มากที่สุดในตอนนี้คือ "มิสเตอร์ โอน โกล" หรือ "การทำเข้าประตูตัวเอง" โดยในขณะนี้มีการทำเข้าประตูตัวเองไปแล้วกว่า 7 ครั้งในทัวร์นาเม้นต์ครั้งนี้ ซึ่งมีแววว่าจะแซงหน้าสถิติตลอดกาล 11 ครั้งในอีกไม่ช้า ในขณะเดียวกันก็มีประตูสุดสวย 14 ประตูจากนอกกรอบเขตโทษ ซึ่งอาจทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลของ ยูโร 2020 ที่ 19 ประตูเช่นเดียวกัน

11. ยูเครน - ผู้แพ้

Mykola Matviyenko
Ukraine v Belgium: Group E - UEFA EURO 2024 / Clive Mason/GettyImages

ทีมชาติ ยูเครน กลายเป็นผู้โชคร้ายตกรอบ ยูโร 2024 ทั้ง ๆ ที่มีคะแนนถึง 4 แต้ม โดยที่อีกสามทีมในกลุ่มเดียวกันกอดคอกันเข้ารอบด้วยคะแนน 4 แต้มเท่ากันแต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่า โดยทีมชาติ ยูเครน พลาดท่าแพ้ โรมาเนีย ไป 0-3 ในนัดเปิดสนาม ก่อนที่ในสองนัดถัดมาพวกเขาจะเร่งฟอร์มเก่งออกมาได้ แต่ด้วยผลการแข่งขันของคู่อื่น ๆ ที่ไม่เป็นใจ ยูเครน จึงต้องกลับบ้านเร็วกว่าที่หวังไว้ โดยที่พวกเขารู้ดีว่าทำเต็มที่แล้ว

12. จอเจียร์ - ผู้ชนะ

Georges Mikautadze
Georgia v Czechia: Group F - UEFA EURO 2024 / Alex Livesey/GettyImages

ก่อนทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2024 จะเริ่มต้นขึ้น ทีมอย่าง จอร์เจีย ซึ่งลงเดบิวต์รายการนี้เป็นครั้งแรกไม่ได้อยู่ในสายตาของบรรดาคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ แต่แล้วพวกเขากลับโชว์ฟอร์มได้อย่างเหนือความคาดหมายด้วยการเอาชนะทีมชาติ โปรตุเกส ไปได้ในนัดสุดท้าย คว้าตั๋วเข้าไปเล่นรอบ 16 ทีมได้สำเร็จ ภายใต้การนำทัพของ ควิชา ควารัตสเคเลีย ดาวเตะฝีเท้าร้อนแรงจาก นาโปลี ดังนั้นพวกเขาเป็นทีมที่ สเปน จะประมาทไม่ได้โดยเด็ดขาดในรอบถัดไป

13. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - ผู้แพ้

Cristiano Ronaldo
Georgia v Portugal: Group F - UEFA EURO 2024 / BSR Agency/GettyImages

โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ดูจะมีปัญหาในการบริหารเวลาการเล่นของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดาวเตะคนนี้อายุถึง 39 ปีเข้าไปแล้ว เขาไม่ควรจะได้ลงเล่นถึง 3 เกมติดต่อกันในทัวร์นาเม้นต์ระดับนี้ ในขณะที่ทีมชาติ โปรตุเกส แทบจะลอยลำเข้ารอบไปแล้วตั้งแต่สองนัดแรก ซึ่ง โรนัลโด้ ก็ไม่ได้เฉียบขาดเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ จนเป็นเหตุให้สุดยอดดาวเตะรายนี้ยิงไม่ได้ในรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ในขณะที่ดาวเตะรุ่นใหม่อย่าง ดิโอโก้ โจต้า และ กอนซาโล่ รามอส ได้แต่นั่งรอคอยโอกาสบนม้านั่งสำรอง

14. เยอรมัน - ผู้ชนะ

Jamal Musiala, Ilkay Gundogan
Germany v Hungary: Group A - UEFA EURO 2024 / Image Photo Agency/GettyImages

ไม่ว่าคุณจะเชียร์ทีมไหน สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือการเป็นเจ้าภาพทัวร์นาเม้นต์ย่อมสร้างความได้เปรียบให้กับทีมได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับ เยอรมัน ในปีนี้ซึ่งอุดมไปด้วยชุดผู้เล่นเลือดใหม่สุดแกร่งอย่าง จามาล มูเซียล่า และ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ พวกเขาเปิดหัวการแข่งขันได้อย่างน่าประทับใจด้วยการถล่มคู่แข่งอย่าง สก็อตแลนด์ ไปถึง 5-1 ก่อนจะเก็บอีก 4 แต้มสำคัญมาได้ในสองนัดที่เหลือ สมราคาเต็งแชมป์ในปีนี้ทุกประการ ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะได้ประลองฝีแข้งกับทีมชาติ สเปน ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายซึ่งกองเชียร์ที่มากกว่าอาจเป็นปัจจัยสำคัญในเกมวันนั้น