ตัดเกรดนักเตะ เชลซี และ ลิเวอร์พูล เกม พรีเมียร์ลีก นัดเปิดซีซั่นใหม่ แบ่งแต้มสุดมันส์ 1-1 : Player Ratings
• ลิเวอร์พูล นำก่อน เชลซี ไล่ตีเสมอ และจากนั้นไม่มียิงกันเพิ่ม
• ที่สุดแล้วเท่ากับเสมอกันอีกครั้ง และนี่คือเรตติ้งของนักเตะทั้ง 2 ฝั่ง
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023/24
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2566
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 1-1 ลิเวอร์พูล
ท่ามกลางหมากการเล่นเซอร์ไพรส์ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แผลในแนวรับที่ยังมีให้เห็นก็ทำให้ ลิเวอร์พูล เจาะประตูนำได้ก่อนจาก หลุยส์ ดิอาซ น.18 แต่ เชลซี ก็ฮึดขึ้นเร็ว ไล่ทวงคืน 1-1 จาก อักเซล ดิซาซี่ น.37 ส่วนครึ่งหลังไม่มีการยิงกันเพิ่ม ที่สุดแล้วจึงเป็นอีกเกมที่จบแบบแบ่งแต้มกันไป เหมือนเช่นเคย
คะแนนนักเตะ เชลซี
โรเบิร์ต ซานเชซ - 6
ได้ลงตัวจริงอย่างส้มหล่นเมื่อ เคปา อาร์ริซาบาลาก้า กำลังจะย้ายออก โดยถือว่ามีครึ่งแรกที่ไม่มีบทบาทมากนัก ไม่ได้โชว์เซฟสวยๆ มากมาย ส่วนลูกที่เสียไปก็ถือว่าค่อนข้างจนปัญญา จากนั้นครึ่งหลังก็ไม่ได้เซฟเยอะเหมือนกัน แต่ก็ถือว่าไว้ใจได้ในการตัดบอลกลางอากาศ
อักเซล ดิซาซี่ - 7
ปล่อยพื้นที่ให้ หลุยส์ ดิอาซ หลุดเข้ายิงโล่งๆ อย่างน่าผิดหวัง แต่แล้วก็แก้ตัว ยิงตีเสมอ 1-1 ได้ในนาที 37 และจากนั้นก็ไม่เล่นพลาดอีก เท่ากับภาพรวมจัดว่าโอเคเลยกับเกมแรกของการเล่นพรีเมียร์ลีก
ติอาโก้ ซิลวา - 7
เป็นหลักในเกมรับ ยืนเซนเตอร์แบ็กตัวกลางในระบบแผงหลัง 3 คน ซึ่งนอกจากการหลุดพื้นที่จนเสียประตูลูก 1-0 แล้ว ก็ไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น เป็นเกมที่เล่นได้แข็งแกร่ง
ลีวาย โคลวิลล์ - 7
กลับมาจากยืมตัวที่ ไบรท์ตัน และชัดเจนว่า โปเช็ตติโน่ พร้อมเปิดโอกาสให้โชว์ของได้เต็มที่ เกมนี้เจอปัญหาพอควรกับการรับมือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยตรง แต่ก็ถือว่าทำได้ไม่เลว
รีซ เจมส์ - 7
เดินเกมรุกได้อย่างคุกคาม อันตรายสำหรับแนวรับคู่แข่ง รวมถึงถอยช่วยเกมรับอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ซึ่งก็พอเข้าใจได้ถึงการโดนถอดออกครึ่งหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บซ้ำ
เอ็นโซ เฟร์นานเดซ - 7
เล่นด้วยเทคนิคชั้นเชิงสูง ยังคงเป็นตัวออกบอลจากแดนกลางที่สำคัญ และชัดเจนว่าก็ยังคงจะเป็นแกนหลักในแดนกลาง เชลซี ยุคกุนซือใหม่อย่าง โปเช็ตติโน่ ต่อไป
คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ - 6
มีจังหวะฝืนเล่นยากไปหน่อยในบางครั้ง จนเสียบอลให้กับคู่แข่งง่ายไปนิด โดยเกมนี้ถูกสั่งให้เน้นรับมากหน่อย ทำให้ไม่ค่อยมีบทบาทกับเกมรุกเหมือนนัดก่อนๆ
คาร์นี่ย์ ชุคเวเมก้า - 6
โฉ่งฉ่างไปนิด เปิดปุ่มลอยเข้าใส่ โกนาเต้ จนโดนใบเหลืองตั้งแต่ 4 นาทีแรก ทำให้ต้องพยายามไม่ฟาวล์รุนแรงอีกในตลอดเกมหลังจากนั้น โดยรวมถือว่ามีเกมที่ไม่แย่ แม้จะไม่เด่นนัก
เบน ชิลเวลล์ - 7
ทะลุเข้าไปหักหลบ อลิสซอน แล้วยิงเข้าไปในนาที 39 แต่ก็โดนจับล้ำหน้าย้อนหลัง ก่อนที่จะมาโหม่งทำแอสซิสต์ลูก 1-1 โดยรวมถือเป็นอีกเกมที่เล่นได้อย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะเกมรุกที่นัดนี้ได้รับมอบหมายให้ยืนสูงหน่อย
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง - 5
ปีที่ 2 ของการเป็นแข้งสิงห์ ยังคงเริ่มต้นได้ไม่สวยนัก จากชื่อชั้นและสิ่งที่เคยทำได้ตอนเก่าๆ ทำให้ สเตอร์ลิ่ง น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ น่าสร้างอันตรายให้กับคู่แข่งได้มากกว่านี้หน่อย
นิโคลัส แจ๊คสัน - 5
มีโอกาสดีที่จะยิงขึ้นนำในนาทีที่ 15 แต่ไม่อาจเอาชนะ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ได้ และท้ายครึ่งแรกก็พลาดโอกาสทอง ยิงจาก 8 หลาข้ามคานไปเอง โชคยังดีที่จังหวะบอลกระทบเปลี่ยนทางต้นครึ่งหลัง ไม่ผลุบเข้าประตูตัวเองไปเสีย แม้จะปั่นป่วนหลังบ้านหงส์ได้ดี แต่ถือว่าเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ยังเริ่มได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
สำรอง
มาโล กุสโต้ (แทน รีซ เจมส์ น.76) 6
มีเวลาอยู่ในสนามค่อนข้างน้อย แต่ก็ลงไปเพิ่มเติมความสดชื่นในการช่วยเกมรับ
ยาน มาตเซ่น (แทน คาร์นี่ย์ ชุคเวเมก้า น.81) 5
สิบนาทีสุดท้ายที่ลงไป ถือเป็นเวลาที่น้อยเกินไปหน่อย เมื่อสัมผัสบอลไปนับครั้งได้ เกมก็จบลงแล้ว
มิไคโล มูดริค (แทน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง น.81) 5
ควรทำได้ดีกว่านี้ในจังหวะทะลุเข้าหา อลิสซอน เบ็คเกอร์ 90+3 แต่เมื่อเลือกจะหักหลบแล้วจ่ายคืนเพื่อนก็โดนตัดไปเสีย
เลสลี่ย์ อูโกชุควู (แทน เบน ชิลเวลล์ น.90) N/A
คะแนนนักเตะ ลิเวอร์พูล
อลิสซอน เบ็คเกอร์ - 7
เซฟลูกชาร์จของ นิโคลัส แจ๊คสัน ในนาที 15 เอาไว้ได้ แต่ถือเป็นเกมที่ไม่ได้มีงานยากอะไร แค่ต้องรักษาสมาธิเอาไว้ให้อยู่กับเกม เพื่อตั้งรับจังหวะตัดบอลและออกบอล
เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ - 7
สกัดลูกเปิดสำคัญของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้ในนาที 36 รวมถึงเล่นในรูปแบบกึ่งแบ็กกึ่งมิดฟิลด์ได้ดีเหมือนเช่นเคย สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้โดยตรงทั้งรุกและรับ
อิบราฮิมา โกนาเต้ - 7
รับมือเกมบุกของเจ้าถิ่นได้อย่างยอดเยี่ยม เล่นด้วยเซนส์และเทคนิคที่ดี ส่วนลูกที่เสีย (จากเตะมุม) ไปถือว่าก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากเป็นทุน
เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ - 7
ไม่ใช่เกมที่ต้องเหน็ดเหนื่อยมากนัก เมื่อต้องชนกับ นิโคลัส แจ๊คสัน ที่เป็นหน้าเป้าตัวเดียวของเชลซี โดยเมื่อเทียบผลงานส่วนตัวกันแล้ว ถือว่า ฟาน ไดค์ ทำได้ดีกว่าหัวหอกเจ้าถิ่น
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน - 6
ไม่มีบทบาทหรือการได้เล่นกับบอลมากครั้งนัก แต่ก็ปิดเกมของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้ดีพอสมควร
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ - 7
สาดแม่นๆ ขึ้นหน้าให้ โม ซาลาห์ ทำแอสซิสต์ในประตูแรก (หลุยส์ ดิอาซ) โดยแม้ภาพรวมจะเสียบอลง่ายไปนิด แต่ก็ดูมีสัญญาณความหวังดีๆ จากฟอร์มส่วนตัว
โดมินิค โซบอสซ์ไล - 7
เติมเกมรุกได้อย่างดุดัน และไม่เกรงกลัวที่จะเผชิญหน้ากับคู่แข่ง เพียงแต่ครึ่งหลังก็ดูเงียบๆ ไปสักนิด
โคดี้ กัคโป - 6
ไม่ใช่เกมที่โดดเด่น ตรงกันข้ามถือว่ามีเกมอื่นๆ ที่เล่นได้ดีกว่านี้ จนกระทั่งถูกถอดออกไปพักในครึ่งหลัง
หลุยส์ ดิอาซ - 7
หลุดกับดักล้ำหน้าไปพังประตู 1-0 แบบไร้ตัวประกบ แต่นอกจากจังหวะยิงแล้ว ก็ถือว่าค่อนข้างเงียบ ไม่มีโอกาสเล่นลูกมากครั้งนัก
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ - 8
เกือบซัดขึ้นนำตั้งแต่หัววัน กับลูกยิงหน้าเขตโทษ น.12 ที่ลอยไปชนคานเข้าอย่างจัง แต่หลังจากนั้นก็จ่ายงามๆ ให้ หลุยส์ ดิอาซ เปิดสกอร์ 1-0 รวมถึงยังมีจังหวะยิงเข้าเองแล้วแต่โดน VAR จับล้ำหน้าด้วย
ดีโอโก้ โชต้า - 6
พยายามใช้ความเร็วและคล่องแคล่วเล่นงานแนวรับเชลซี แต่ก็ไม่ใช่เกมที่จะทำอะไรได้มาก และตัวที่ลงไปแทนอย่าง ดาร์วิน นูนเยซ ดูวูบวาบกว่าเล็กน้อย
สำรอง
ดาร์วิน นูนเยซ (แทน ดีโอโก้ โชต้า น.66) 6
หวิดจะเป็นเจ้าของประตูชัย 90+2 เมื่อลูกยิงนอกเขตโทษโค้งวาบเฉี่ยวเสาไปแค่คืบ แต่นั่นก็เป็นโอกาสหวาดเสียวครั้งเดียวหลัง นูนเยซ ลงไปในยี่สิบกว่านาทีท้าย
เคอร์ติส โจนส์ (แทน โคดี้ กัคโป น.66) 6
ลงไปเสริมความสดในการไล่บดบี้แดนกลาง แต่ก็มีซีนออกจอค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเพื่อน
เบน โด๊ค (แทน โม ซาลาห์ น.77) 6
การได้ลงสำรองนัดนี้คงหมายถึงว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ มีแผนจะใช้งานเต็มตัวในซีซั่นนี้ แต่เกมนี้ถือว่าไร้อิทธิพล
ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (แทน หลุยส์ ดิอาซ น.77) 6
ลงไปเติมแดนกลาง ด้วยหน้าที่ลักษณะเดียวกับ เคอร์ติส โจนส์