ตัดเกรดนักเตะ แมนฯ ซิตี้ ถล่ม ฟลูมิเนนเซ่ 4-0 ซิวแชมป์สโมสรโลก เมื่อคืนที่ผ่านมา : Player Ratings

  • แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์สโมสรโลกไปครองได้ตามเป้าหลังถล่ม ฟลูมิเนนเซ่ 4-0
  • ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ เป็นพระเอกของงาน หลังทำไป 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์
  • โรดรี้ มีอาการบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งหลัง
Manchester City v Fluminense: Final - FIFA Club World Cup Saudi Arabia 2023
Manchester City v Fluminense: Final - FIFA Club World Cup Saudi Arabia 2023 / Eurasia Sport Images/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ

ชิงแชมป์สโมสรโลก รอบชิงชนะเลิศ

วันแข่งขัน

คืนวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566

สนาม

คิง อับดุลลาห์ สปอร์ต ซิตี้

ผลการแข่งขัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-0 ฟลูมิเนนเซ่


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรแรกจากอังกฤษที่คว้าแชมป์รายการใหญ่ถึง 5 สมัยในปีเดียวกัน หลังจากล่าสุดถล่มเอาชนะ ฟลูมิเนนเซา จากบราซิล แบบขาดลอย 4-0

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ งัดฟอร์มเก่งยิง 2 จ่ายอีก 1 ในวันที่ไร้เงา เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บไม่ได้มีส่วนร่วมตั้งแต่รอบรองชนะเลิศ

ทั้งนี้ คลับ เวิลด์ คัพ ถือเป็นแชมป์ล่าสุดของพวกเขาในศักราช 2023 ต่อจาก พรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ และ ซูเปอร์ คัพ


คะแนนนักเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เอแดร์ซอน – 6/10

จ่ายบอลผิดพลาดจนต้องไปรวบคู่แข่งล้มลงเป็นจุดโทษ ยังดีที่บอลจังหวะนั้นล้ำหน้าก่อน และมาแก้ตัวจากช็อตเซฟสำคัญก่อนจบครึ่งแรกด้วย

ไคล์ วอล์คเกอร์ – 6/10

ความเร็วของเขามีประโยชน์เสมอเมื่อเจอทีมที่พยายามใช้เกมโต้กลับ แม้เกมนี้ไม่ได้ช่วยเกมรุกมากนักก็ตาม

จอห์น สโตนส์ – 6/10

ได้เล่นเกมรับน้อย คงเพราะคู่แข่งหาโอกาสยิงไม่เยอะด้วย ทำให้เจ้าตัวมีเวลาครองบอลลบ่อยเพื่อให้ทีมเดินหน้าบุกต่อไป

รูเบน ดิอาส – 6/10

ทำได้ดีมากกับจังหวะเช็คล้ำหน้าจนทำให้ทีมรอดพ้นจากการเสียลูกจุดโทษ เกมรับโดยรวมก็ไม่มีอะไรผิดพลาดแบบชัด ๆ

นาธาน อาเก้ – 8/10

ยอดเยี่ยมต่อเนื่อง มีส่วนร่วมทั้งเกมรับและเกมรุกเลย ทำได้ดีมากเมื่อต้องรับมือกับเกมโต้กลับของคู่แข่ง แต่การจ่ายบอลของเขาในพื้นที่สุดท้ายต่างหากที่น่าชื่นชม

โรดรี้ – 7/10

ยังคงรักษามาตรฐานไว้เช่นเดิม จ่ายบอลสั่นยาวได้เปรียบแทบตลอด เช่นเดียวกับการประสานงานร่วมกับ โฟเด้น ที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างแนบเนียน ก่อนถูกเปลี่ยนตัวหลังมีอาการเจ็บ

ริโก้ ลูอิส – 6/10

อาจไม่ใช่เกมที่ดีนักของแข้งสารพัดประโยชน์วัย 19 ปี มีโอกาสพาบอลไปข้างหน้าบ่อยครั้ง แต่ยังไม่นิ่งพอในบางครั้งเช่นกัน

แบร์นาร์โด้ ซิลวา – 7/10

มีส่วนกับเกมตลอด เกมนี้ถูกจับไปเล่นปีกขวาซึ่งทำให้เขาได้มีโอกาสเผาเครื่อง มาร์เซโล่ ได้บ่อย แทบเสียบอลน้อยด้วย

ฟิล โฟเด้น – 8/10

หาตำแหน่งได้ดีมากระหว่างกองหลังกับกองกลาง และปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งได้ตลอด ครอสบอลจนเป็นเหตุให้ นีโน่ ทำเข้าประตูตัวเอง ก่อนมายิงเองได้อีกด้วย

แจ็ค กรีลิช – 6/10

ตกเป็นเป้าแนวรับของ ฟลูมิเนนเซ่ จนเล่นยากกว่าปกติ ทำให้สร้างความอันตรายได้น้อย แต่ก็ยังได้รับโอกาสอยู่ในสนามจนจบเกม

ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ – 9/10

พระเอกของงานเลย กับส่วนร่วมยิง 2 แอสซิสต์อีก 1 สงสัยเป็นเพราะเจอทีมอเมริกาใต้ด้วยกันเลยรู้แกว


มาเตโอ โควาซิช (แทน ลูอิส น. 61') – 6/10 – แย่งบอลได้สำเร็จจนเป็นที่มาประตูที่สามของทีม

มานูเอล อคานจี (แทน โรดรี้ น. 74') – 6/10 – แทบไม่ได้เจอบททดสอบ ช่วยขันเกมรับให้แน่นขึ้น

ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (แทน สโตนส์ น. 74') – 6/10 – ไม่ต่างจาก อคานจี ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร

มาเธอุส นูเนส (แทน โฟเด้น น. 81') – N/A – 

ออสการ์ บ็อบบ์ (แทน อาเก้ น. 81') – N/A –