อาร์เซนอล 1-0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก ปืนใหญ่ เฉือนท้ายเกม เชือด เรือใบสีฟ้า
อาร์เซนอลเก็บชัยชนะเกมที่ 6 จาก 8 เกมแรก และเป็นหนึ่งในสองทีมที่ยังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้สองเกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับจากปี 2018
รายการ : พรีเมียร์ ลีก 2023-2024
วันแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม 2023
ผลการแข่งขัน : อาร์เซนอล 1 – 0 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
อาร์เซนอล หยุดสถิติการไม่ชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ ลีก ยาวนานถึง 8 ปี ไว้ที่เกมนี้หลังจากได้หนึ่งประตูโทนในช่วงท้ายเกมที่ทำให้พวกเขาได้สามคะแนนสำคัญ พร้อมกับทำคะแนนทาบจ่าฝูงหลังผ่านไป 8 เกม
เกมที่ต่อสู้กันด้วยแท็คติก
ตลอด 90 นาทีของเกมนี้เต็มไปด้วยการตัดจังหวะคู่แข่ง แล้วดันเกมรุกขึ้นหน้า หรือไล่ล่ากันตั้งแต่แดนบนนี่คือเกมที่พร้อมจะเปิดเกมรุกเข้าหากันทั้งสองฝ่าย โดยสิ่งที่วัดผลของเกมนี้คือ “ทีเด็ดทีขาด” ที่วันนี้อาร์เซนอลได้มันมา
มองถึงสถิติหลังจบเกมการเล่นพื้นฐานที่สุดของเกมกับการ “ส่งบอล” วันนี้ส่งบอลกันไปมารวมกัน 1,021 ครั้ง (500: 521) แม่นยำเท่ากันที่ 86 % แถมการครองบอลก็เบียดมาก (49:51) แต่สิ่งที่ต่างออกไปเกมรุกที่ใครจะสามารถสร้างสรรค์โอกาสได้มากกว่า และจบสกอร์กันได้หรือไม่
เกมรุกที่ไม่เหมือนเดิมสำหรับเรือใบ
สถิติหลังจบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสยิงเพียง 4 ครั้ง และเป็นการเข้ากรอบเพียงครั้งเดียวในเกมนี้ แน่นอนนี่คือสิ่งที่ต่ำกว่ามาตรฐานสำหรับทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า การขาดหายหัวใจในแดนกลางคนสำคัญที่ทำให้ทีมไม่ต่อเนื่องในการคุมจังหวะ และการบีบพื้นที่ของกองกลางอาร์เซนอลที่ทำลายจังหวะ รวมถึงแนวรับปืนใหญ่ที่วันนี้ แม้จะทุลักทุเล มีความไม่แน่นอนในการออกบอลไปบ้าง โดยเฉพาะจังหวะของ ดาบิด ราย่า ที่เกือบจะพลาด และพลาดแล้วในเกม แต่สุดท้าย ซิตี้ กลับไม่สามารถฉวยจังหวะเหล่านั้นเข้าทำได้อันตรายมากพอ เป็นหนึ่งเกมที่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ไม่ได้จังหวะอันตรายในเกมนี้
การขาดหาย - การกลับมา และการเติมเต็มของเหล่านักเตะทั้งสองทีม
เกมนี้อาร์เซนอลไม่มีชื่อของ บูคาโย่ ซาก้า ที่บาดเจ็บและหายกลับมาไม่ทัน ขณะที่ได้ตัวของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ โธมัส ปาเตย์ กลับมาลงสนาม
“STAR BOY” ซาก้า ไม่เคยขาดหายไปจากทีมมายาวนาน และ กาเบรียล เฆซุส คือคนที่ลงมารับงานในพื้นที่ส่วนนี้ และเป็นหนึ่งคนที่สร้างจังหวะเกมรุกของทีม รวมถึงเหล่าตัวสำรองของทีมทั้ง 4 คนของปืนใหญ่ที่มีส่วนในการได้ประตูโทนเดียวในเกมนี้ อาจจะไม่ใช่วันที่พวกเขาเล่นได้ดีมากที่สุด แต่จังหวะนั้นจังหวะเดียวมันก็มากพอจะเกิดอิมแพคต่อเกมนี้
ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ ที่พักยาวเป็นหนึ่งในการขาดทีเด็ดทีขาดในพื้นที่ออกบอลสุดท้าย แต่ก็ยังไม่หนักหนาเท่ากับการขาดคนกำกับจังหวะในพื้นที่แดนกลางอย่าง โรดรี้ ที่ติดโทษแบนในเกมนี้ ที่แม้ ริโก้ ลูอิส ดาวรุ่งที่ได้รับโอกาสลงมาจะทำงานของเขาได้ดี แต่ไม่สามารถสร้างพื้นที่ขึงเกมรุก โถมแรงกดดันใส่แนวรับอาร์เซนอลได้ต่อเนื่อง หรือการเลือก เบร์นาโด้ ซิลวา ลงมาเล่นในพื้นที่ตรงกลาง แม้จะเก็บบอลได้มาก แต่ก็ทำให้เกมรุกขาดความอันตรายไปมาก เมื่อเขาไม่ได้อยู่ในระยะอันตราย
วิลเลี่ยม ซาลิบา และ ดีแคลน ไรซ์
หาก ดาบิด ราย่า คือความไม่แน่นอนสำหรับแนวรับอาร์เซนอลในวันนี้กับการพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเรื่องการออกบอล ซาลิบา คือความมั่นคงในแนวรับที่ดักจังหวะแรก และอ่านบอลจังหวะสองได้อย่างยอดเยี่ยม และทำให้เกมนี้ เกมรุกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลดอันตรายไปพอสมควร โดยเฉพาะ ฮาแลนด์ กอปรกับวันนี้เรือใบสีฟ้า ไม่มีผู้เล่นแกนหลักในการสร้งเกมรุกถึงสองคน ยิ่งทำให้บอลขาดคุณภาพไปพอสมควร ขณะที่ ดีแคลน ไรซ์ กับการลงทุน 105 ล้านปอนด์ แม้จะผ่านไปเพียง 8 เกม แต่ก็ตอบได้ชัดเจนแล้วว่า ไรซ์ คือการลงทุนที่ถูกจุด อาร์เซนอล ได้นักเตะคุณภาพระดับท็อปในงานเชิงรับที่สามารถพาบอลไปส่งถึงเหล่าตัวรุกได้อย่างเข้าระบบอย่างยิ่ง
“โชคเข้าข้าง” ที่มาจากความพยายาม
อาร์เซนอล ชนะในเกมนี้จากประตูเดียวของกาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่ยิงแฉลบนาธาน อาเก้ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป แน่นอนว่ามันคือเรื่องของโชคมีส่วนอย่างยิ่ง เพราะไม่รู้ว่าต้องยิงอีกกี่ครั้งถึงจะได้ผลลัพธ์แบบที่ออกมา แต่สิ่งที่อาร์เซนอล ทำได้ดีกว่าคือการสร้างจังหวะเกมรุกที่สามารถจบได้ถึง 12 ครั้ง ที่หมายถึง 12 โอกาสที่พวกเขาได้ลอง
ฟุตบอลบางครั้งก็อาจจะมีวันที่ไม่ต้องการจังหวะมากมายแต่จบด้วยประตูทันที แต่สุดท้ายแล้วการมีโอกาสที่มากกว่า ก็คือสิ่งที่ดีกว่าในการได้ลองทำเพื่อไปถึงเป้าหมาย วันนี้อาร์เซนอลมีทั้งโชคและมีทั้งโอกาสที่พวกเขาสร้างขึ้นมากกว่าทีมเรือใบสีฟ้า และสุดท้ายจังหวะลุ้นสุดท้ายของพวกเขาในเกม ตอบแทนพวกเขาด้วยประตูชัย ขณะที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สร้างโอกาสได้น้อยกว่ามาตรฐานของพวกเขา
RISING – MAINTENANCE
นี่เป็นหนึ่งเกมที่ตึงเครียดที่สุดของทั้งสองทีม อาร์เซนอล กลายเป็นหนึ่งในทีมที่ขึ้นมาลุ้นเบียดความสำเร็จกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งแต่ปีที่แล้ว นี่คือปี “ต่อยอด” ของพวกเขา ขณะที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาลที่แล้ว และนี่คือปีที่พวกเขา “รักษามาตรฐาน” ที่พวกเขาทำไว้ชนขอบเพดานไปแล้วให้ทะลุขึ้นไปอีกให้ได้ คำถามในเรื่องของ “แรงจูงใจ” ว่าทีมจะสามารถเก็บความรู้สึกกระหายในสิ่งเหล่านั้นได้ต่อไปหรือไม่ ความพ่ายแพ้ในเกมนี้จะเป็นยาดีสสำหรับแชมป์เก่าอย่างแน่นอนในการไปกันต่อเหมือนที่กวาร์ดิโอล่ากล่าวว่า “ฤดูกาลนี้ยังอีกไกล” หลังจบเกมนี้
ขณะที่อาร์เซนอล เต็มไปด้วยการสร้างแรงจูงใจมากมายเพื่อยกระดับทีมให้กลับมาสู่เส้นทางที่เคยรุ่งเรือง การเล่นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็คือหนึ่ง “เงื่อนไข” ที่พวกเขาอยากทำให้ได้มาโดยตลอด วันนี้ทำได้ วันนี้ดีพอ ต่อจากนี้คือ “ดีสม่ำเสมอ” แค่ไหน หลังจากบทเรียนปล่อยถ้วยหลุดมือกันไปในช่วง 8 เกมสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้วยังคงเป็นข้อเท็จจริงที่พวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเองไปตลอดฤดูกาลนี้