อาร์เซนอล 3-1 เซาธ์แธมป์ตัน : ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก ปืนใหญ่ลองของ …ของเกือบเข้าตัว!

• อาร์เซนอล ยืดสถิติไม่แพ้ เซาธ์แธมป์ตัน ต่อไปในเกมเหย้าของตนเองเป็นเกมที่ 29 ติดต่อกัน

• ปืนใหญ่ คว้าชัยชนะในเกมเหย้าของตัวเองเป็นเกมที่ 400 ในพรีเมียร์ ลีก

• เซาธ์แธมป์ ตันยังไม่ชนะใครในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้ (เสมอ 1 แพ้ 6)
Arsenal FC v Southampton FC - Premier League
Arsenal FC v Southampton FC - Premier League / Rene Nijhuis/MB Media/GettyImages
facebooktwitterreddit

อาร์เซนอล รอดตัวจากการที่จัดทัพสำรองหลายคนลงสนามในเกมนี้ และพลาดท่าเสียประตูไปก่อน และทำให้พวกเขาต้องปรับทัพยกใหญ่ก่อนคัมแบ็คกลับมาเก็บสามคะแนนเต็มในเกมพรีเมียร์ ลีก นัดที่ 7 ในฤดูกาลนี้

รายการแข่งขัน : พรีเมียร์ ลีก 2024-2025
วันแข่งขัน : วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2024
สนามแข่งขัน : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน : อาร์เซนอล 3-1 เซาธ์แธมป์ตัน


การปรับทัพสำรองของปืนใหญ่

เกมนี้ อาร์เซนอล มีนักเตะบาดเจ็บบางส่วน และเลือกพักนักเตะตัวหลักบางส่วนไว้ข้างสนาม ปัญหาใหญ่คือการเสียแบ็คขวาตัวหลักทั้งหมดไปกับอาการบาดเจ็บ ซึ่งทีมผ่าทางตันด้วยการใช้งาน โธมัส ปาเตย์ ลงเล่น พร้อมใช้งานจอร์จินโญ่ ในตำแหน่งกองกลางขณะที่แนวรุกเลือกให้โอกาสแนวรุกสำรองอย่าง กาเบรียล เชซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ลงเล่นเป็นตัวจริงในแนวรุก ร่วมกับ บูคาโย่ ซาก้า และ ไค ฮาแวตซ์

มองจากภาพรวมแล้วน่าจะดูดี แต่ปัญหาของทัพสำรองของ อาร์เซนอล เกิดขึ้นจากความเข้าใจเกมระหว่างผู้เล่นมีค่อนข้างน้อยกว่าตัวหลักชัดเจน นักเตะหลายคนไม่เคยเล่นในเกมจริงด้วยกันมาก่อน ทำให้ความไหลลื่นของเกมไม่ดีเท่าที่ควร อาร์เซนอล สามารถขึงเกมรุกได้ก็จริง บอลอยู่ในเขตโทษคู่แข่งเยอะ แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างโอกาสจบสกอร์ได้มากพอ

จากการเปลี่ยนแปลงทีมหลายตำแหน่ง นำมาซึ่งการเล่นที่ไม่ไหลลื่นและสปีดเกมที่ช้าลงของ อาร์เซนอล โดย 45 นาทีแรก พวกเขายิงเข้ากรอบเพียง 1 ครั้ง

Raheem Sterling
Arsenal FC v Southampton FC - Premier League / Marc Atkins/GettyImages

ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ กาเบรียล เชซุส…ในนามแห่งความลังเลและไม่มั่นใจ

ปีกตัวยืมจาก เชลซี ถูกวิจารณ์อย่างหนักกับการเล่นของเขาที่ยังไม่เหมาะกับการเป็นตัวจริงในทีม ปืนใหญ่ อย่างมาก นักเตะมีศักยภาพส่วนตัวที่ดี แต่การเลือกใช้ให้ถูกจังหวะ กลับกลายเป็นปัญหาสำหรับเขาและ อาร์เซนอล หลายครั้งเขาเลี้ยงบอลทะลุทะลวงได้ดี แต่การตัดสินใจจังหวะต่อมากลายเป็นความผิดพลาด เลือกส่งแทนที่จะยิง เลือกยิงแทนที่จะเลี้ยง ภาพรวมของเขาตลอดทั้งเกมคือภาพที่เลี้ยงบอลหลายต่อหลายครั้ง และจบด้วยการเสียโอกาส ภาพของการล้มลงและไม่ค่อยได้ฟาลว์ แถมยังมีชอตเข้าตากับการเสียบอลกลางสนามที่เกิดจากการที่ตนเองพยายามฝืนเล่นบอลเพื่อบุกต่อ และกลายเป็นประตูนำของทีมเยือนอีกด้วย

แนวคิดของการเล่นฟุตบอลของ อาร์เซนอล กับความเป็นทีมนั่นคือสิ่งที่เขายังต้องเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้น และปัญหานี้ยิ่งเห็นชัดมากขึ้นเมื่อตัวหลักลงสนามมาแทนและเกมเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

ขณะที่ กาเบรียล เชซุส เป็นอีกคนที่ทำให้เกมรุกปืนใหญ่ไหม่ไหลลื่น หัวหอกบราซิเลียนกำลังเสียความมั่นใจอย่างหนัก วันนี้ได้รับโอกาสการลงเล่นตัวจริงก็อยากทำผลงานให้ดี อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำออกมาในวันนี้ คล้าย ๆ กับ สเตอร์ลิ่ง นั่นคือมีทักษะการเอาตัวรอดที่ดี แต่การเลือกตัดสินใจมีปัญหา และหลายครั้งกลายเป็นการดึงจังหวะการเล่นที่กำลังไหลลื่นให้ช้าลง เพราะความลังเลและไม่มั่นใจของตนเอง

“ยิ่งช้าโอกาสยิ่งน้อย ยิ่งไม่มั่นใจ ความผิดพลาดก็ยิ่งมาก”

Gabriel Jesus
Arsenal FC v Southampton FC - Premier League / Clive Mason/GettyImages

เกมสวนกลับและเกมรับของเซาธ์แธมป์ตัน

ทีมเยือนในวันนี้ เมื่อเทียบกับ อาร์เซนอล ด้วยผลงานและผู้เล่นแล้ว พวกเขามาในฐานะของทีมที่พร้อมเล่นเกมรับเต็มตัวเพื่อการได้คะแนนกลับออกไป ดังนั้นเป้าหมายของพวกเขาชัดเจนตั้งแต่แรก “การเล่นเกมรับลึกอย่างมีวินัย” เป็นสิ่งที่พวกเขาพยายามทำให้เกิดขึ้น ซึ่งทำได้ดีระดับหนึ่ง และมากพอจะใช้งานได้กับอาร์เซนอลในช่วง 45 นาทีแรกที่เล่นกันไม่ไหลลื่น คิดช้าทำช้า เมื่อเจ้าบ้านเล่นบอลช้าลง เกมรับของพวกเขาก็ตั้งหลักเกมรับได้ทัน ภาพใน 45 นาทีแรกจึงออกมาอย่างที่เห็น

เกมรุกของพวกเขาจบเกมนี้เข้ากรอบเพียง 2 ครั้ง แต่กลายเป็นหนึ่งประตู ที่ทำได้ดีมากจากจังหวะสวนกลับที่แย่งบอลมาได้ในระหว่างการเซตเกมรุกของ ปืนใหญ่ พวกเขาเล่นกันเพียง 2 จังหวะและจบด้วยการยิงประตู มีจังหวะยิงชนเสา และชนคานไปอย่างละครั้ง

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เกมรับแน่น เกมรุกยิงได้ พวกเขาเวลานั้นสามารถมองหาหนึ่งคะแนนเป็นอย่างน้อยกลับบ้าน แต่ที่มันไม่เกิดขึ้นเพราะมาตรฐานของคู่แข่งดีขึ้นจากการแก้เกมหลังเสียประตู และโมเมนตัมของเกมที่เปลี่ยนไปหลังจากนั้น

Mateus Fernandes
Arsenal FC v Southampton FC - Premier League / Clive Mason/GettyImages

ไค ฮาแวตซ์ กับประตูสำคัญ และ “หมดเวลาลองของ”

เกมวันนี้ อาร์เซนอล กลับมาได้ส่วนหนึ่งเกิดจากการได้ประตูตีเสมอเร็วหลังจากโดนขึ้นนำไปก่อน อาร์เซนอล เอาคืนได้จากการเล่นคล้าย ๆ กับสิ่งที่พวกเขาเสียไป พวกเขาตัดบอลได้จากการลำเลียงบอลของทีมเยือน และเป็นเพลย์แรก ๆ ของเกมที่พวกเขาเล่นเร็ว ซาก้า ไหลบอลให้ ฮาแวตซ์ แตะหนึ่งจังหวะยิงเข้าไปเลย นี่คือประตูที่ 4 จาก 4 เกมติดต่อกันในบ้านของดาวเตะเยอรมัน และเป็นการได้โมเมนตัมของเกมคืนกลับมา

การเปลี่ยนตัวสำรองของ อาร์เซนอล ถูกจังหวะอย่างยิ่ง หลังจากที่ลองของมาแล้วทำให้เกมเจอกับสถานการณ์ที่ยุ่งยาก การลงมาของ เลอันโดร ทรอตซาร์ และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ สองพื้นที่ตัวรุก รวมถึงส่ง มิเคล เมริโน่ ลงสนาม ในช่วงเวลาที่ยิงประตูตีเสมอได้ไม่กี่นาที เสียงเชียร์ดังกระหึ่ม ใจกำลังมา จังหวะนี้ มิเคล อาร์เตต้า และทีมงานเลือกจังหวะได้ดี

การลงมาของตัวรุกที่เล่นตัวจริงต่อเนื่องสองคน กับหนึ่งกองกลางธรรมชาติหน้าใหม่ สองคนแรกได้รับการชูมือด้วยผลงานที่สร้างความแตกต่างชัดเจน เล่นบอลตามจังหวะเกม ไม่ฝืนใด ๆ ทรอตซาร์ ทำให้บอลของอาร์เซนอลไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น ขณะที่ มาร์ติเนลลี่ ลงสนามมาพร้อมกับอีกหนึ่งประตูสุดสวย ที่ทำให้เขายิงสองประตูในสองเกมลีกติดต่อกัน และเป็นจังหวะการเล่นที่มันไม่มีจังหวะแบบนี้เลยก่อนหน้านี้ตลอดทั้งเกม กับการโยนบอลไปยังจุดนัดพบ และจบด้วยการยิงประตู

อย่างไรก็ตามการลงมาเปลี่ยนแปลงเกมของตัวสำรองก็ไม่ได้หมายความว่า อาร์เซนอล จะเล่นได้ดีกว่าเดิมมากมายนัก พวกเขาเจอกับจังหวะเกือบเสียประตูให้ต้องกังวลเช่นเดียวกัน นี่คือการแก้ไขจากของเดิมให้ดียิ่งขึ้น และมันดีพอจะนำพาทีมกลับเข้าสู่ฝั่งที่ชื่อว่าชัยชนะ ที่มาจากความเข้าใจเกมของผู้เล่น ความไหลลื่นของเกมที่ได้กลับมาของทีม

ประตูที่สามของเกมนี้ อาจจะพูดได้ว่ามีโชคช่วยพอสมควรจากการเล่นบอลไม่ละเอียดพอของแนวรับทีมเยือนที่เคลียร์บอลไม่พ้นอันตราย และกลายเป็น ซาก้า ที่จบวันนี้ด้วย 1 ประตู กับ 2 แอตซิสต์ ที่ทั้งหมดเกิดขึ้นใน 45 นาทีสุดท้าย


อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม อาร์เซนอล ได้ที่นี่

feed