ออสเตรีย 0-1 ฝรั่งเศส: เก็บตกประเด็นหลังเกม ยูโร 2024 ทัพ "เลส์ เบลอส์" ประเดิมหืดจับ แต่ปิดจ๊อบสำเร็จ
• เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ซิว ''แมน ออฟ เดอะ แมตช์''
• ราล์ฟ รังนิค แสดงให้เห็นแล้วว่า ทีมของพวกเขาไม่ใช่ทีมที่ใครจะมาเอาชนะได้ง่าย ๆ
รายการ | ยูโร 2024 รอบแบ่งกลุ่ม, กลุ่ม ดี |
---|---|
วันแข่งขัน | คืนวันจันทร์ ที่ 17 มิ.ย. 2024 |
สนาม | ดุสเซลดอร์ฟ อารีน่า |
ผลการแข่งขัน | ออสเตรีย 0-1 ฝรั่งเศส |
หืดจับ แต่ปิดจ๊อบสำเร็จ
ก่อนหน้านี้ทีมชาติ อังกฤษ หนึ่งในตัวเต็ง ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปแบบการเล่นที่ดูไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่ เพราะหนักไปทางระมัดระวังตัวเองและเน้นผลการแข่งขัน
กับ ฝรั่งเศส ภายใต้การควบคุมของ ดีดิเยร์ เดส์ชองส์ ก็คงจะถูกวิจารณ์ไม่แพ้กันสำหรับนัดแรกของศึก ยูโร 2024 แถมประตูชัยของพวกเขาดันเกิดจากจังหวะที่คู่แข่งโหม่งเข้าประตูตัวเองอีกต่างหาก
เดส์ชองส์ พูดไว้ก่อนเกมว่า ทีมงานของเขาศึกษาการเล่นของ ออสเตรีย 4 เกมหลังสุด พวกเขาทราบดีว่าทีมของ ราล์ฟ รังนิค มีความแข็งแกร่งและน่ากลัว ที่สำคัญประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
อันที่จริงทัพ ''ตราไก่'' น่าจะชนะมากกว่านี้ แต่ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กัปตันทีม ยิงหลุดออกกรอบไปอย่างน่าเหลือเชื่อจากจังหวะหลุดเดี่ยวในครึ่งหลัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อบวกเพิ่มไม่ได้ ก็อย่าเสีย และพวกเขาก็คว้าสามคะแนนสำคัญไปครอง และปิดงานของตัวเองได้สำเร็จ
ฟุตบอลที่เล่นเป็นระบบของ ออสเตรีย
แม้ชื่อชั้น ออสเตรีย จะเป็นรอง ฝรั่งเศส อยู่มาก แต่สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ ฟุตบอลที่เล่นกันเป็นระบบของ ราล์ฟ รังนิค
พวกเขาเล่นกันเป็นทีมไม่เห็นแก่ตัว ไม่พึ่งพานักเตะเพียงคน ๆ เดียว
อดีตกุนซือขัดตาทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ติดตั้งระบบ 4-2-3-1 ให้กับลูกทีม แผนของเขาคือ ให้นักเตะเพรสซิ่งใส่แข้งฝรั่งเศส เพื่อไม่ให้ตั้งเกมได้ง่าย
เฉพาะอย่างยิ่งการเพรสในแดนกลาง และแดนหลังของตัวเอง พวกเขาช่วยกันเล่นเกมรับและเกมรุก จัดระเบียบเกมรับได้ดี และมีสมาธิกับเกมสูงมาก
พวกเขาหวงพื้นที่ของตัวเอง ไม่ต้องการเปิดพื้นที่หรือให้เวลาผู้เล่นที่มีความเร็วสูงอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และ อุสมาน เดมเบเล่ มากนัก
น่าเสียดายที่พวกเขามาพลาดท่าจากจังหวะที่ปราการหลังอย่าง มักซิมิเลียน วูเบอร์ โหม่งเข้าประตูตัวเองในช่วงท้ายครึ่งแรก
ยินดีต้อนรับการกลับมา
เอ็นโกโล ก็องเต้ กองกลางจอมเก๋าวัย 33 ปี กลับมาสตาร์ทตัวจริงใน ทัพ "เลส์ เบลอส์" อีกครั้ง หลังหายหน้าหายตาไปราว 2 ปี
เขาคือ ''แมน ออฟ เดอะ แมตช์'' ในนัดนี้ เขาอยู่ทุกที่ของสนาม วิ่งไม่มีหมด ดักตัดบอลและช่วยเกมรับได้หลายครั้ง
เฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่วิ่งลงมาช่วยสกัดบอลในช่วงท้ายเกม เขามีส่วนร่วมทั้งเกมรับและเกมรุก นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไม ดีดิเยร์ เดส์ชองส์ ถึงเรียกเขากลับมาติดธงอีกครั้ง
สถิติระบุว่า ก็องเต้ สร้างสรรค์โอกาสไป 2 ครั้ง, เคลียร์บอลได้ 1 ครั้ง, ดักตัดบอล 2 และ แท็คเกิ้ล อีก 3
''ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ผมดีใจที่ได้กลับมา มันรู้สึกดีสุด ๆ เลยล่ะ ผมชอบเล่นให้กับทีมชาติ'' อดีตกองกลาง เชลซี กล่าวหลังเกม
''ผมชอบมันมาก ๆ ตอนที่แฟน ๆ เริ่มตะโกนเรียกชื่อผม ขอบคุณ ขอบคุณ จริง ๆ''
ไม่น่าเชื่อว่าเขาอายุ 33 ปีแล้ว !
สถานการณ์ของ กลุ่ม ดี
บทสรุปของกลุ่ม ดี หลังผ่านเกมแรกไป - เนเธอร์แลนด์ รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม มีแต้มเท่ากับ ฝรั่งเศส ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 แต่ ทัพ ''อัศวินสีส้ม'' ยิงได้มากกว่า ''ตราไก่'' อยู่ 1 ลูก
ด้าน โปแลนด์ และ ออสเตรีย รั้งอันดับ 3 และ 4 ตามลำดับ โดยทั้งสองทีมมีประตูติดลบเท่ากันที่ -1 แต่ โปแลนด์ ผลิตสกอร์ได้มากกว่า ออสเตรีย อยู่ 1 ลูก
สำหรับโปรแกรมนัดที่สองจะแข่งขันกันคืนวันศุกร์ ที่ 21 มิถุนายน นี้ โดย โปแลนด์ จะดวลกับ ออสเตรีย (23.00 น.) ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ จะพบกับ ฝรั่งเศส (02.00 น.) ตามเวลาประเทศไทย