บาเยิร์น มิวนิค 1-0 อาร์เซนอล : ประเด็นหลังเกม “ปืนใหญ่” สิ้นสุดทางฝันตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก
• บาเยิร์น มิวนิค ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020
รายการ | ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2023/24 รอบ 8 ทีมสุดท้ายเลก 2 |
---|---|
วันแข่งขัน | คืนวันพุธที่ 17 เมษายน 2024 |
สนาม | อัลลิอันซ์ อารีนา |
ผลการแข่งขัน | บาเยิร์น มิวนิค 1-0 (3-2) อาร์เซนอล |
อาร์เซนอล สิ้นสุดเส้นทาง แชมเปี้ยนส์ ลีก ไว้เพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย พร้อมกับการได้ไปต่อของ บาเยิร์น มิวนิค ที่กลับมาสู่มาตรฐานการเล่นที่เหนียวแน่น และเร่งจังหวะเพื่อหาประตูชัยได้ตามต้องการในเกมนี้ ก่อนเข้ารอบด้วยผลสกอร์รวมสองเกม 3-2 เข้าไปพบกับ เรอัล มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ
45 นาทีแรกแห่งความระมัดระวังตัว
การเจอกับระหว่างทั้งสองทีมในปีนี้ ถูกมองว่าสูสีกันตั้งแต่ผลประกบคู่ออกมาแล้ว ผลลัพธ์เกมแรกที่เสมอกันมาแล้ว แทงกันได้คนละสองแผล ทำให้เกมนี้ต่างกังวลที่จะเสียประตูด้วยกันทั้งสองฝ่าย บาเยิร์น ไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไรนัก กับการต้องมาเล่นเกมรอสวนกลับ ส่วน อาร์เซนอล ได้เล่นแบบที่ชอบ เซตบอลจากแนวรับออกบอลกันเยอะมาก แต่ก็เจาะไม่ได้ เพราะ บาเยิร์น ก็แน่นหนามีวินัย และรอโอกาสสวนกลับที่พวกเขาก็ทำได้เด่นมาก เมื่อมีคนออกบอลอย่าง จามาล มูเซียล่า มีริมเส้นเร็วจัดอย่าง เลอรอย ซาเน่ และมีกองหน้าตัวเป้าอย่าง แฮร์รี่ เคน พวกเขาอันตรายอยู่แล้ว ดังนั้นพอกระแสเกมมีจังหวะให้พวกเขาได้บุกบ้าง พวกเขาก็สร้างปัญหาให้ทีมเยือนได้กังวลกัน
แต่ด้วยเกมที่เกมรับเจ้าบ้านก็ไม่ได้ว่าแน่นหนา ส่วนทีมเยือนก็มีบทเรียนเลกแรกบุกหนักแล้วหลังดันแน่นไม่สุด พลาดก็พัง ดังนั้นเกมเลยออกมาเป็นลักษณะของการไม่ได้ก็ต้องห้ามเสียในช่วง 45 นาทีแรก โอกาสไม่เปิดก็ไม่พร้อมแลก
สถิติครึ่งแรกเลยออกมาแบบสูสีกันมากทั้งการครองบอล, การผ่านบอล หรือกระทั่งการสร้างโอกาส
45 นาทีหลังที่ดุดันและเก๋าเกมของ “เสือใต้”
บาเยิร์น มิวนิค ครึ่งหลังเริ่มต้นด้วยการลุ้นโอกาสถึงสองครั้งที่น่าจะได้ประตู แน่นอนไม่ได้ประตูแต่ในแง่ของกำลังใจพวกเขามาเต็มเปี่ยมว่าพวกเขาเปิดแผลทีมเยือนได้แน่ เกมครึ่งหลังของบาเยิร์น ช่วงมองหาประตูขึ้นนำ เราได้เห็นการเคลื่อนที่มีส่วนร่วมในแดนกลางของบาเยิร์น มากขึ้น โกเรตซ์ก้า หรือ คิมมิช ขับเคลื่อนได้ดีในการเติมเกมรุก โดยเฉพาะ คิมมิช ที่เติมจากแบ็คขยับขึ้นมาเล่นกลาง แล้วทีมได้ทะลวงขึ้นมา จนสุดท้ายกลายเป็นคนทำประตูสำคัญในเกมนี้ จากจังหวะวิ่งสอดเข้ามาโหม่งเต็มแรงในเขตโทษ ที่สมบูรณ์แบบ
อาร์เซนอล หลังการเสียประตูพวกเขาพยายามเร่งเกม เปลี่ยนตัวสำรองลงมาสู้ สวนทางกับบาเยิร์น มิวนิค ที่ปรับการเล่นให้แน่นอนขึ้น ออกบอลแบบเน้นความแน่นอนให้อาร์เซนอลต้องไล่ล่าบอล ที่เป็นการทำลายพละกำลังอย่างยิ่ง ยิ่งเวลาลดลง อาร์เซนอลยิ่งเร่ง ยิ่งเหนื่อย และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ปืนใหญ่ ไม่มีตัวจบสกอร์ที่เฉียบคมมากพอในพื้นที่สุดท้ายด้วย
คอนราด ไลเมอร์...
กองกลางออสเตรีย เป็นกองกลางสไตล์สารพัดประโยชน์ที่การเจอกับอาร์เซนอลทั้งสองเกม ทำหน้าที่ในการประกบการเคลื่อนที่ของ มาร์ติน เออเดการ์ด กองกลางตัวรุกปืนใหญ่ ซึ่งการทำงานของเขาก็ยอดเยี่ยมมากที่ทำให้ตัวประกบไม่สามารถเล่นในเกมที่ต้องการมากนักมีผลต่อเกมรุกทีมเยือนโดยตรง กับการทำงานหนักตลอดเกมของเจ้าตัว
ปัญหาการสร้างโอกาสของทีมเยือน
อาร์เซนอล จบเกมนี้ด้วยการยิงเข้ากรอบไป 3 ครั้ง น้อยที่สุดในรอบหลายเกมของพวกเขา นั่นหมายถึงการสร้างโอกาสที่ต่ำกว่ามาตรฐานในเกมรุก และความยอดเยี่ยมของเกมรับทีมเจ้าบ้าน อาร์เซนอล จำเป็นต้องมองถึงใครสักคนที่เป็นตัวหลักในการผลิตสกอร์ให้ทีม นอกเหนือไปจากการวางภาระนี้ให้กับผู้เล่นหลายคนในทีมแบ่งกันทำงานนี้ โดยเฉพาะในวันที่ต้องการใครสักคน พวกเขาคิดถึงใครได้บ้างเมื่อต้องการประตู กาเบรียล เซชุส และ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย ยิงประตูครั้งสุดท้ายได้เมื่อไร…คนแรกปลายเดือนมกราคม อีกคนไปโน่นเลยตุลาคม 2023 นี่คือหน้าเป้าธรรมชาติของทีมลุ้นแชมป์?
การเล่น False 9 ของ ไค ฮาแวตซ์ เป็นสิ่งที่เติมเต็มเข้ามาในฤดูกาลนี้ และมันได้ผลดีก็จริง แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะโดดเด่นในการทำประตู และอย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่ตัวผลิตสกอร์ที่ใครจะมาหวังว่าเขาจะทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำในแต่ละฤดูกาล แต่มองว่าเป็นทางเลือกในแต่ละเกมที่เพิ่มโอกาสในการช่วยทีมให้เป็นผู้ชนะได้มากกว่า