บอร์นมัธ 1-3 เชลซี : เก็บตก 5 ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก สิงห์น้ำเงิน ประเดิมชัยยุค แลมพาร์ด

AFC Bournemouth v Chelsea FC - Premier League
AFC Bournemouth v Chelsea FC - Premier League / Steve Bardens/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2022/23
วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม 2023
สนาม: ไวทัลลิตี้ สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน: บอร์นมัธ 1-3 เชลซี


3 แต้มแรกมาแล้ว

ในที่สุด หลังจากรอคอยมา 1 เดือนเต็ม และผ่านความพ่ายแพ้ติดต่อกันมา 6 นัดซ้อน เชลซี ยุค แฟร้งค์ แลมพาร์ด 2.0 ก็เข้าป้ายคว้าชัยชนะหนแรกได้สำเร็จ--เสียที

แม้อาจโงนเงนง่อนแง่นอยู่เล็กน้อยภายหลัง คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ โขกนำ (น.9) แล้ว มาติอัส วินญ่า ส่องตาข่ายตีเสมอ 1-1 ให้ บอร์นมัธ แต่ท้ายเกม เชลซี ก็ฮึดขึ้น (ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นนานแล้ว) ได้ประตูจาก เบอนัวต์ บาเดียชิล น.82 และ เจา เฟลิกซ์ น.86

ที่สำคัญ นอกจากเป็นชัยชนะแรก แต้มแรกในยุค แลมพาร์ด แล้ว ยังทำให้ เชลซี ยุติสถิติเลวร้ายไม่ชนะใครเลยทั้งสิ้นใน พรีเมียร์ลีก ลงได้เรียบร้อยที่ 7 เกมติด หรือเป็นเสียงเฮดังๆ อีกครั้ง หลังจากสาวกสิงห์ไม่ได้เฮเต็มเสียงแบบนี้ตั้งแต่ที่บุกชนะ เลสเตอร์ 3-1 กลางเดือน มี.ค. ทีเดียว

Frank Lampard
AFC Bournemouth v Chelsea FC - Premier League / Bryn Lennon/GettyImages

แต่ควรถือว่าแค่ "รอดตัว"

อย่างไรก็ตาม แม้จะมี 2 ประตูเกิดขึ้นในช่วงท้ายเกม ช่วยให้ เชลซี ข้ามผ่านเกมนี้ด้วย 3 แต้มเต็ม แต่ก็ควรต้องบอกว่า อันที่จริง ประตู 2-1 น่าจะเป็นของ บอร์นมัธ มากกว่า

และถ้าเกิดขึ้นจริง ก็มีโอกาสสูงเลยที่ เชลซี ของน้าแฟร้งค์ จะแพ้เป็นเกมที่ 7 ติดต่อกัน

นั่นคือจังหวะเตะมุมนาที 79 ที่ เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา โขกชงมาให้ ดันโก้ อ็อตตาร่า เข้าขวิดต่อจากระยะแค่ 3-4 หลาแบบไร้ตัวประกบ แต่ อ็อตตาร่า กลับโหม่งลูกด้วยองศาที่ไม่ดีจนบอลหลุดข้ามคานออกไป...ท่ามกลางเสียงเป่าปากโล่งอกของแฟนๆ สิงห์น้ำเงิน

และหลังจากนั้นแค่ 3 นาที เชลซี ก็พลิกกระดานนำหน้า 2-1 นั่นเอง

FBL-ENG-PR-BOURNEMOUTH-CHELSEA
FBL-ENG-PR-BOURNEMOUTH-CHELSEA / IAN KINGTON/GettyImages

เกมรุกยังเป็นปัญหา

นอกจากกำชัยได้แบบเอาตัวรอดแล้ว ก็ควรต้องจี้ปมปัญหาที่ เชลซี 2022/23 แก้ไม่ตก อีกสักครั้ง ว่าเกมรุกของพวกเขาอยู่ในขั้นที่ "น่าผิดหวัง" ทั้งที่ลงทุนไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

เช่นกัน ก็ต้องจี้ไปยังศูนย์หน้าตัวเป้าที่ แลมพาร์ด เลือกใช้ในเกมนี้อย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์ ว่าน่าส่ายหัวอย่างยิ่ง กับภาพที่แสดงให้เห็นถึงความกระโดกกระเดก ไม่มั่นใจ ไม่อันตราย เอาชนะคู่แข่งไม่ได้เลยในการดวลตัวต่อตัว

เกมนี้ ตัวรุกเยอรมันมีโอกาสสับไก 1 ครั้งถ้วน ไม่ตรงกรอบ และสื่อหลายๆ เจ้าตัดเกรดให้ไม่เกิน 4/10

และที่น่าแปลกกว่า ก็คือ เห็นแบบนี้ แลมพาร์ด ยังอุตส่าห์จะให้โอกาส ฮาแวร์ตซ์ อยู่ในสนามนัดนี้ถึง 84 นาที

Kai Havertz, Dango Ouattara
AFC Bournemouth v Chelsea FC - Premier League / Steve Bardens/GettyImages

เจา เฟลิกซ์ ไม่ชัวร์ได้ไปต่อ

สำหรับคนที่ลงสำรองไปแทน ฮาแวร์ตซ์ อย่าง เจา เฟลิกซ์ เกมนี้ถือว่ามีผลงานน่าพอใจ กับการพังประตูได้ทันทีจากการสัมผัสบอลหนแรก

นี่คือลูกที่ 3 ของกองหน้าโปรตุเกส จากการเล่นให้ทีมตราสิงห์ 17 นัด

อย่างไรก็ตาม แฟนๆ คงต้องลุ้นกันหนักหน่อยว่า จะได้เห็น เฟลิกซ์ อยู่ค้าแข้ง
ใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปอีกนานสักเท่าไร

เพราะแม้จะมีข่าวออกมาตลอดว่า เชลซี พร้อมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อขาด เฟลิกซ์ จาก แอตเลติโก มาดริด แต่จากสถานการณ์ที่เป็น ณ ตอนนี้ ก็ต้องบอกว่าดีลนี้ "ไม่แน่ไม่นอน" แต่อย่างใด

เนื่องจากเพราะ 1) ค่าตัวที่จะไม่เบาเลยของ เฟลิกซ์ หลังจาก แอตฯ มาดริด ทุ่มถึง 126 ล้านยูโร ซื้อจาก เบนฟิก้า เมื่อปี 2019 และทีมตราหมีจะไม่ลดราคามาจากตัวเลขนั้นมากนัก

และ 2) เฟลิกซ์ เริ่มจะหลุดจากทีมแล้วในช่วงหลัง โดยเป็นตัวสำรองมา 5 เกมติดต่อกัน โดยนัดแพ้ อาร์เซน่อล 1-3 ไม่ถูกใช้งาน และเกมวันนี้ก็ได้เล่นแค่ 5 นาทีสุดท้ายเท่านั้น

ก็ลองลงสำรองแล้วมีสกอร์แบบนี้ ถ้านัดหน้า (เสาร์หน้า รับมือ ฟอเรสต์) ยังต้องนั่งต่อเนื่องอีก ก็คงพอคาดเดาอนาคตได้แล้ว

Joao Felix
AFC Bournemouth v Chelsea FC - Premier League / Steve Bardens/GettyImages

42 แต้มเข้ากระเป๋า...รอดชัวร์แล้ว?

นอกจากจะเป็นชัยชนะนัดแรกที่รอคอยแล้ว ก็ยังเป็นชัยชนะที่ช่วยส่งให้ เชลซี ขยับอันดับแซงหน้า คริสตัล พาเลซ ขึ้นไปยืนอันดับ 11 อีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้น ยังทำให้พวกเขาทำแต้มทะลุ "หลัก 4 ที่รัก" ที่ว่ากันว่า ทีมจะรอดตายจาก พรีเมียร์ลีก ได้ ต้องเก็บแต้มผ่านหลัก 40 เป็นอย่างน้อย

ว่าแต่ มันคือเรื่องจริงหรือไม่จริง ไปย้อนดูชัดๆ สัก 5 ปี

  • ทีมตกชั้น 2017/18 : สวอนซี 33, สโต๊ค 33, เวสต์บรอมวิช 31

    ทีมตกชั้น 2018/19 : คาร์ดิฟฟ์ 34, ฟูแล่ม 26, ฮัดเดอร์สฟิลด์ 16

    ทีมตกชั้น 2019/20 : บอร์นมัธ 34, วัตฟอร์ด 34, นอริช 21

    ทีมตกชั้น 2020/21 : ฟูแล่ม 28, เวสต์บรอมวิช 26, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 23

    ทีมตกชั้น 2021/22 : เบิร์นลี่ย์ 35, วัตฟอร์ด 23, นอริช 22

พบว่า ตลอด 5 ปีหลัง ไม่มีทีมตกชั้นรายใดทำแต้มได้ถึง 40 คะแนน สักราย

ส่วนสถิติที่ พรีเมียร์ลีก บันทึกไว้ พบว่ามีเพียง 3 ทีมเท่านั้นคือ เวสต์แฮม (42) 2002/03, ซันเดอร์แลนด์ (40) 1996/97 และ โบลตัน วันเดอเรอร์ส (40) 1997/98 ที่เอาตัวไม่รอด ตกตายไปทั้งที่ทำแต้มถึงหลักสี่

ฉะนั้น ก็อาจต้องประกาศ ณ ตรงนี้ว่า เชลซี ที่กดแล้ว 42 คะแนน จะ "รอดตกชั้น" อย่างแน่นอนแล้ว แม้เพิ่งกำชัยนัดแรกในยุค แลมพาร์ด ก็ตาม

ว่าแต่...มันน่าภูมิใจไหมละเนี่ย...

Benoit Badiashile, Raheem Sterling
AFC Bournemouth v Chelsea FC - Premier League / Bryn Lennon/GettyImages