เบิร์นลี่ย์ 0-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เก็บตกประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก เรือใบสีฟ้า ประเดิมซีซั่นใหม่สมราคาแชมป์เก่า
- แมนฯ ซิตี้ ประเดิมฤดูกาลใหม่ได้อย่างสวยหรู
- เควิน เดอ บรอยน์ ได้รับบาดเจ็บแฮมสตริง
- เรือใบสีฟ้าจะเจอ เซบีญ่า ในศึกยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ เป็นเกมต่อไป
โดย Asree Samuyae
รายการ | พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 |
---|---|
วันแข่งขัน | วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2023 |
ผลการแข่งขัน | เบิร์นลี่ย์ 0-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ |
สนาม | เทิร์ฟ มัวร์ |
1. แมนฯ ซิตี้ สมราคาแชมป์เก่า
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์เมื่อฤดูกาลที่แล้วด้วยการเป็นทีมที่สองในยุคพรีเมียร์ลีกที่คว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน
เมื่อถึงจุดนี้หลายคนคาดการณ์ว่าพวกเขาจะดร็อปลงเล็กน้อย แต่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่มีปัญหาในการสั่งสอนน้องใหม่อย่าง เบิร์นลี่ย์ ถึงถิ่นเทิร์ฟ มัวร์
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ยังคงไว้ใจได้เสมอเมื่อทีมต้องการประตู ขณะเดียวกัน โรดรี้ ดูท่าจะแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้
เรือใบสีฟ้าหาโอกาสยิงได้มากถึง 17 ครั้ง (ตรงกรอบ 8) เมื่อเทียบกับเจ้าถิ่น เบิร์นลี่ย์ ที่ยิงได้เพียง 6 ครั้ง (ตรองกรอบ 1) รวมถึงมีเปอร์เซ็นต์ครองบอลห่างแบบขาดลอยถึง 66%
2. เดอ บรอยน์ โดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน
แม้คว้า 3 แต้มด้วยสกอร์ที่ขาดลอย และคลีนชีตอีกด้วย แต่ แมนฯ ซิตี้ ต้องเจอข่าวร้ายเมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บแฮมสตริงจนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 23 แล้วให้ มาเตโอ โควาซิช ลงไปแทน
มันเป็นอาการเจ็บแผลเดิมจากเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เจอ อินเตอร์ มิลาน เมื่อเดือนมิถุนายน เมื่อเขาโดนเปลี่ยนตัวในช่วงครึ่งแรกเช่นกัน
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หวังว่ามิดฟิลด์ชาวเบลเยียมจะเจ็บไม่หนัก แต่คาดว่าเขาจะพลาดเกมยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ที่จะพบกับ เซบีญ่า ในคืนวันพุธ
3. ฮาลันด์ เครื่องร้อนตั้งแต่เกมแรก
หลังจากซัดไป 36 ประตูในพรีเมียร์ลีกซีซั่นที่แล้ว ฮาลันด์ ออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ด้วยการเหมาสองประตูในครึ่งแรก เป็นการสานต่อจากจุดที่เขาค้างเอาไว้
เขาใช้เวลาเพียง 4 นาทีในการเปิดบัญชีลูกแรกของฤดูกาล จากความไวที่สามารถฉกยิงได้ก่อนแนวรับเบิร์นลี่ย์ที่ห้อมล้อมทั่วเขตโทษด้วยแนวรับ
จากนั้นนาทีที่ 36 หัวหอกวัย 23 ปีบวกสกอร์เพิ่ม จากการยิงเสียบใต้มุมอย่างสวยงาม แต่น่าเสียดายที่ ฮาลันด์ อดทำแฮตทริกเมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวนาทีที่ 79
ฮาลันด์ ฝากสถิติที่น่าสนใจอีกครั้งเมื่อเขาเป็นเพียงผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ยุคพรีเมียร์ลีกที่ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูในนัดเปิดฤดูกาลเป็นปีที่สองติดต่อกัน ต่อจาก ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตำนานกองหน้าเชลซี
4. เป๊ป กุนซือที่รักความสมบูรณ์แบบ
ผลงานของ ฮาลันด์ ในครึ่งแรกจัดว่ายอดเยี่ยมแบบสุด ๆ เมื่อเขาเหมาสองให้ทีมนำห่าง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะแฮปปี้กับฟอร์มของดาวยิงชาวนอร์เวย์
ฮาลันด์ อาจทำได้ 2 ประตู หลังจากสัมผัสบอลเพียง 9 ครั้ง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าดาวเตะวัย 23 ปี ใช้โอกาสไม่เปลืองเลย แต่เขาก็ยังมีจุดที่ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่พอใจจนต้องเข้าไปติเตียนถึงในสนามตอนพักครึ่ง
กวาร์ดิโอล่า เปิดเผยถึงสาเหตุที่เฉ่ง ฮาลันด์ ว่า "เขาต้องการให้เพื่อจ่ายบอลจากข้างหลัง และบอลนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างหลัง บางครั้งคุณก็ต้องอดทนเพื่อหาจังหวะที่เหมาะสม เขาไม่คับข้องใจ ผมก็ไม่คับข้องใจ ฟุตบอลมันเกิดขึ้นได้เสมอ อย่าดราม่า"
ด้าน ฮาลันด์ ยืนกรานว่าเขาเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นกัน โดยเขากล่าวว่า "มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ทำงานร่วมกับกุนซือแบบเขา มันไม่มีใครอีกแล้วที่จะทำงานกับนักเตะวัยหนุ่มได้ดีไปกว่าเขา ผมต้องพยายามพัฒนาต่อไป, เอ็นจอยกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบตัวผม และทำผลงานให้ดีในสนาม"
ความเพอร์เฟคชั่นนิสต์ของ กวาร์ดิโอล่า นี้เองคือเบื้องหลังที่ทำให้ กวาร์ดิโอล่า ประสบความสำเร็จมากมาย
5. ริโก้ ลูอิส ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ
ถ้าไม่ใช่แฟนบอล แมนฯ ซิตี้ เชื่อว่าแทบไม่มีใครคุ้นชื่อของ ริโก้ ลูอิส เลยก่อนเริ่มฤดูกาลที่แล้ว แต่ตอนนี้เขากลายเป็นตัวเลือกสำคัญของ กวาร์ดิโอล่า เนื่องจากความสารพัดประโยชน์และความเข้าใจทางแท็คติก
ลูอิส สร้างความประทับใจได้อีกครั้งแม้ถูกจับไปเล่นเป็นแบ็คซ้ายก็ตาม กระนั้นแข้งวัย 18 ปี ไม่ทำตัวเป็นภาระให้กับทีมเลย แถมยังมีส่วนสำคัญเมื่อทีมบิลด์อัพเกมอีกด้วย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมช่วงหนึ่งของซีซั่นที่แล้ว ลูอิส ถึงเบียดเอาชนะทั้ง ไคล์ วอล์เกอร์ และ เจา คันเซโล่ ได้ โดยเฉพาะรายหลังที่ถึงกับต้องย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค แบบยืมตัว