เชลซี 0-1 แอสตัน วิลล่า : ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัด สิงห์น้ำเงิน แพ้แล้วแพ้อีก ด้วยปัญหาค้างปีซ้ำเดิม
• เป็นการแพ้ 3 จาก 6 เกมแรกของ พรีเมียร์ลีก 2023/24
• ที่จริง เชลซี ก็เล่นไม่แย่ โอกาสจบมี แต่ปัญหาเก่าๆ ค้างปี ชัดเจนว่ายังคงเดิม
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023/24
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน 2566
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 0-1 แอสตัน วิลล่า
ไลน์อัพที่ไม่ค่อยเข้าใจ
ที่จริง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แทบไม่ได้เปลี่ยน 11 คนแรกจากเกมก่อนที่เสมอ บอร์นมัธ 0-0 เลย มีแค่ มอยเซส ไคเซโด้ ที่ลงแทน เลสลี่ย์ อูโกชุควู นอกนั้นคงเดิมทั้งแนวรุกแนวรับ ข้างหน้า นิโคลัส แจ๊คสัน ค้ำหอกเป้า โดยมี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ และ มิไคโล มูดริค คอยปั้นเกมสนับสนุน
แนวรับก็มาแผงเดิม แบ็กโฟร์จากขวาไปซ้าย มาโล กุสโต้ - อักเซล ดิซาซี่ - ติอาโก้ ซิลวา - ลีวาย โคลวิลล์
ก็ตรงนี้แหละที่น่าตั้งคำถาม -- เซนเตอร์แบ็กธรรมชาติอย่าง ลีวาย โคลวิลล์ ไปทำอะไรตรงพื้นที่แบ็กซ้าย ในเวลาที่รองกัปตันทีมอย่าง เบน ชิลเวลล์ ก็พร้อมให้เรียกใช้ มีชื่ออยู่ที่ม้านั่งสำรอง
เมื่อ ชิลเวลล์ ไม่ได้เล่น เกมรุกสนับสนุนทางซ้ายก็หาย เป็นงานหนัก มิไคโล มูดริค คนเดียว และเมื่อถูกส่งลงสำรอง (น.61) ชิลเวลล์ ก็เกือบยิงตีเสมอได้ แสดงให้เห็นถึงคุณภาพ...ที่น่าแปลกใจว่าทำไม โปเช็ตติโน่ ถึงยังจะให้ CB อย่าง โคลวิลล์ ได้ออกสตาร์ทก่อน
ยิง 10 ตรงกรอบ 4 ประตู 0
ให้เดา คงไม่ต่ำกว่าสิบรอบที่พื้นที่นี้จั่วหัวหลังเกม เชลซี ตลอดทั้งซีซั่นก่อนและซีซั่นนี้ว่า "จบไม่คม ทำพัง"
เพราะเกมนี้ก็อีกครั้ง ความไร้คมในแนวรุก เป็นปัญหาเรื้อรังที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แก้ไม่ตก
วันนี้ เชลซี สร้างโอกาสจบทั้งหมดได้ 10 ครั้ง ตรงกรอบ 4
- นิโคลัส แจ๊คสัน 1
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 1
มอยเซส ไคเซโด้ 1
เบน ชิลเวลล์ 1
ทั้งหมดไม่ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ จอมหนึบแชมป์โลกของ วิลล่า
แจ๊คสัน & สเตอร์ลิ่ง
โดยชื่อชั้นและการลงทุน 2 คนนี้ควรเป็นการเสริมทัพที่ "เข้าท่า" ของ เชลซี
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 47.5 ล้านปอนด์จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (2022)
นิโคลัส แจ๊คสัน 32 ล้านปอนด์จาก บียาร์เรอัล (2023)
แต่คนแรก จนถึงตอนนี้ นิยามได้ว่า "ขึ้นๆ ลงๆ" เอียงไปทางลงมากกว่าขึ้น
ส่วนคนหลัง ขึ้นสุดๆ ในช่วงปรีซีซั่น แต่ก็ลงสุดๆ เหมือนกันเมื่อ พรีเมียร์ลีก ของจริงมาถึง
"นิว เนย์มาร์" ที่ทำไว้ซะดีเลยตอนปรีซีซั่น ยิงในเกมจริงได้ 1 ลูกถ้วน เกมชนะ ลูตัน ทาวน์ และในขณะที่ยิงได้ 1 ประตู หัวหอกเซเนกัลกลับโดนใบเหลืองไปแล้ว 5 ใบ เรียกว่าแต่ละเกมเหมือนลงไปทำฟาวล์มากกว่าควานหาประตู
แพ้ 3 จาก 6 นัด
- เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1
แพ้ เวสต์แฮม 1-3
ชนะ ลูตัน ทาวน์ 3-0
แพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1
เสมอ บอร์นมัธ 0-0
แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-1
อย่างที่เคยบอกไว้ สองเกมแรก เชลซี เจอคิวหนัก ถ้าจะมีสักแต้มหรือแพ้รวด ไม่ประหลาด
แต่สี่ซ้าห้าเกมถัดจากนั้น เราประเมินไว้ว่า เชลซี อาจเดินหน้าเข้าวินแบบยิงยาว 3-4 เกมรวดเอาได้ ด้วยชื่อชั้นของคู่แข่งที่ดูไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่
ถึงตรงนี้ ชัดเจนว่านั่นคือความเชื่อที่ผิดถนัด
และถึงขั้นว่าแพ้ฟอเรสต์ เสมอบอร์นมัธ แพ้วิลล่า ได้แล้ว หลังจากนี้ จะเสียแต้มเกมไหนอย่างไรอีกบ้าง ก็คงไม่แปลกสำหรับ เชลซี
เลิกพูดท็อปโฟร์ โฟกัสกับตัวเอง
เพราะแม้ซีซั่นก่อนจะเตะหลุดอย่างหนักด้วยอันดับ 12 แต่ด้วยการเสริมทัพก็ดี การทุ่มทุนมหาศาลก็ดี หรือการได้โค้ชเป็น โปเช็ตติโน่ ก็ดี แฟนๆ เชลซี คงแอบหวังลึกๆ ถึงการกลับมา "สู้เพื่อท็อปโฟร์" ในซีซั่นนี้
หรืออย่างแย่ๆ ก็สู้เพื่อท็อป 6 ให้ได้ไปถ้วยเล็ก ยูโรป้า ลีก ก็ยังดี
แต่ถึงตรงนี้ ที่แม้จะเพิ่งผ่านไปแค่ 6 เกม หรือ 2 เดือนแรกของซีซั่นอันยาวไกล คงพอตีตราได้ตรงนี้ว่า เชลซี หลุดจากวงโคจรท็อป 4 ไปเรียบร้อย ด้วยว่าเพิ่งจะชนะเป็นแค่นัดเดียวถ้วนๆ เท่านั้น
ฉะนั้น เลิกหวังไปได้เลยกับเป้าหมายระยะยาวอย่างการจบอันดับสูงๆ
สิ่งที่ เชลซี ต้องทำคือการเน้นระยะสั้น การว่ากันทีละนัด ลุยไปเกมต่อเกม และปล่อยให้ปีนี้เป็น "ซีซั่นทดลอง" ลองผิดลองถูกของ โปเช็ตติโน่ ไปก่อน
- 2 ต.ค. เยือน ฟูแล่ม
7 ต.ค. เยือน เบิร์นลี่ย์
21 ต.ค. เหย้า อาร์เซน่อล
28 ต.ค. เหย้า เบรนท์ฟอร์ด
4 พ.ย. เยือน สเปอร์ส
11 พ.ย. เหย้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้
6 เกมข้างหน้านี้ ถ้าได้สัก 10 แต้มอัพ ก็คงมากพอให้เปิดแชมเปญฉลอง...