เชลซี 0-2 เบรนท์ฟอร์ด : เก็บตก 5 ประเด็นหลังเกม สิงห์ป่วยเรื้อรัง พังคาบ้านอีกตามเคย
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2022/23
วันแข่งขัน: วันพุธที่ 26 เมษายน 2023
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 0-2 เบรนท์ฟอร์ด
แตก 5
ให้เดาใจ ท็อดด์ โบห์ลี่ บิ๊กบอส เชลซี คงคิดอยากนั่งไทม์แมชีนกลับไปแล้วเปลี่ยนใจไม่สั่งปลด โธมัส ทูเคิ่ล พ้นตำแหน่ง หรือไม่ก็ให้ บรูโน่ ซัลตอร์ อยู่คุมชั่วคราวยาวไป
เพราะนับตั้งแต่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เข้ามาแล้ว เชลซี ก็ได้ผลอยู่หน้าเดียว -- ผลแบบที่ต้องตั้งคำถามกันว่า ถ้าได้แค่นี้ จะมีกุนซือไปทำไม
- แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1
แพ้ เรอัล มาดริด 0-2
แพ้ ไบรท์ตัน 1-2
แพ้ เรอัล มาดริด 0-2
และแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 0-2
ที่จริง เกมนี้ควรจะเป็นอะไรที่ไม่ยากเย็นสำหรับ เชลซี เมื่อ เบรนท์ฟอร์ด อยู่ในสถานะไม่ต้องลุ้นอะไรแล้ว ลอยตัวกลางตาราง ไม่ตกชั้น ไม่น่ามีเอี่ยวตั๋วยุโรป เท่ากับเตะไปงั้นๆ รอเวลาซีซั่นรูดม่านปิดฉาก แถมฟอร์มช่วงหลังยังฟุบอีกต่างหาก (เสมอ 3 แพ้ 3)
แต่เล่นไปเล่นมา เชลซี ก็ยังคงบ้อท่าในการเจาะประตูคู่แข่งอยู่เหมือนเคย และเมื่อโดนสวนก็ลงไปกอง เบรนท์ฟอร์ด ได้ประตูนำ 1-0 จากการกระแทกลูกเข้าประตูตัวเองของ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า ทั้งที่ตอนนั้น ทีมผึ้งน้อยยังสร้างจังหวะยิงตรงกรอบไม่ได้สักครั้งด้วยซ้ำ
ไม่ต่างกัน จังหวะสวนกลับที่นับครั้งได้ในครึ่งหลัง ก็ฉีกแนวรับ เชลซี เป็นชิ้นๆ บริย็อง เอ็มเบโม่ ลากผ่าน เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ไปส่องแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา ตุงตาข่าย
แพ้ 5 เกมซ้อนในยุค แลมพาร์ด 2.0 และยังชนะใครไม่เป็นมา 8 เกมติดต่อกันในทุกรายการแล้วด้วย นับตั้งแต่บุกชนะ เลสเตอร์ 3-1 กลางเดือนมีนาคม
ระบบไม่ขี้เหร่ แต่เจาะไม่เข้า
ในการเริ่มเกมนี้ แลมพาร์ด เลือกใช้ระบบ 3-4-2-1 ที่ทำได้ดีในครึ่งแรกของเลกสอง รอบ 8 ทีมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดพบ เรอัล มาดริด
ภาพรวมของครึ่งแรก การใช้หมากนี้ก็ถือว่าไม่แย่ เมื่อ เชลซี เป็นฝ่ายควบคุมบอล คุมสถานการณ์ของเกมได้ตลอด 45 นาทีแรก แค่ว่าโชคร้ายที่ต้องมาเสียประตูจากลูกไม่คาดฝันที่บอลเตะมุมลอยมาชนตัว เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า เข้าไป
อย่างไรก็ตาม แม้ไม่แย่ แต่ก็เจาะหลังบ้านคู่แข่งไม่เข้า
เป็นอีกนัดที่ฟ้องชัดว่า ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ไม่สามารถเล่นศูนย์หน้าตัวเป้าได้ด้วยประการทั้งปวง ซึ่ง แลมพาร์ด เองก็เห็น ครึ่งหลังถึงได้ส่ง ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง ลงไปยืนหอกเป้าแทน
หน้าเป้าไม่เวิร์ค สองตัวกลางรุกที่คอยสนับสนุนอย่าง คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ - เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ก็ขาดคุณภาพสำคัญไปอย่างการ "เข้าทำ" พื้นที่สุดท้าย โดยเฉพาะ ก็องเต้ ที่แม้จะเป็นมิดฟิลด์ชั้นยอด แต่ก็ไม่สมบูรณ์แบบ คุณภาพการเล่นเกมรุกอยู่แค่ 6-7 เต็ม 10 เท่านั้น
ครึ่งหลังดีขึ้น แต่คางเปราะจังพี่
เมื่อผ่านครึ่งแรกด้วยการตามหลัง และข้างหน้าบ้อท่าในการเข้าทำ ถือว่า แลมพาร์ด ตัดสินใจได้เร็วในการเปลี่ยนตัวและปรับแท็กติก จาก 3-4-2-1 ให้เป็น 4-3-3
โอบาเมย็อง ลงไปยืนหน้าเป้า มิไคโล มูดริค ลงริมเส้นซ้าย ขยับ สเตอร์ลิ่ง มาทางขวา
ตรงกลางเอา กัลลาเกอร์ ออก แล้วถอย ก็องเต้ ไปเล่นร่วมกับ มาเตโอ โควาซิช - เอ็นโซ เฟร์นานเดซ
หลังบ้าน ถ่าง เทรโวห์ ชาโลบาห์ ออกแบ็กขวาแทน อัซปิลิกวยต้า แล้วปรับเป็นคู่เซนเตอร์ ติอาโก้ ซิลวา กับ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า แทน
การปรับระบบทำให้เกมของ เชลซี วูบวาบขึ้นทันที สเตอร์ลิ่ง เหมือนได้กลับมาสู่ที่ชอบๆ มีพื้นที่ในการกระชากลากเลื้อย หาจังหวะเปิดอันตรายๆ ได้
แต่ปัญหาก็คือ ภายหลังไม่ได้ใช้งาน โอบาเมย็อง แบบเต็มๆ มาอย่างยาวนาน (ลงตัวจริงหนสุดท้าย พ.ย. 2022) สนิมก็ดูเกาะแข้งเกาะขาหัวหอกกาบองไปแล้ว จนเป็นการเล่นที่กระโดกกระเดก ผิดจังหวะ และไม่มีความเฉียบคมเมื่อโอกาสเปิด...ถึง 4 ครั้งด้วยกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ เบรนท์ฟอร์ด ลุยโต้กลับเร็วขึ้นมาแค่ไม่กี่ครั้ง สกอร์ 2-0 ก็เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย บริย็อง เอ็มเบโม่ เล่นงาน เวสลี่ย์ โฟฟาน่า จนเสียท่า และ ติอาโก้ ซิลวา / เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ก็ตามซ้อนไม่ทัน
จึงจบลงง่ายๆ ไปอย่างนั้น เบรนท์ฟอร์ด ชนะ 2-0 ด้วยการยิงตรงกรอบ 1 ครั้งถ้วนตลอดทั้งเกม
สแตมฟอร์ด บริดจ์ รีสอร์ท & สปา
คุณอาจเคยได้ยินว่าที่ แมนเชสเตอร์ มีสปาแจ๋วๆ อยู่อย่าง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รีสอร์ท & สปา
แต่มาซีซั่นนี้ ไม่ใช่แล้ว เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ยุค เอริค เทน ฮาก แก้ปมปัญหานี้ได้แล้ว เปลี่ยนไปเป็นมีปัญหาเละเทะเกมเยือนแทน
งั้นก็เชิญที่ลอนดอนได้ค่ะ... เวลคัมยูทู สแตมฟอร์ด บริดจ์ รีสอร์ท & สปา
นี่คือผลงานเกมเหย้า 10 นัดหลังสุดของ เชลซี
- เสมอ ฟูแล่ม 0-0
แพ้ เซาแธมป์ตัน 0-1
ชนะ ลีดส์ 1-0
ชนะ ดอร์ทมุนด์ 2-0 (ชปล.)
เสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2
แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2
เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0
แพ้ ไบรท์ตัน 1-2
แพ้ เรอัล มาดริด 0-2 (ชปล.)
แพ้ เบรนท์ฟอร์ด 0-2
ก็ขนาดว่า เบรนท์ฟอร์ด ฟอร์มแกว่งๆ ทรงไม่ได้ดีเด่ ยังมาตบสิงห์ถึงที่ได้แบบนี้ คงไม่ต้องคาดหวังอะไรแล้วสำหรับ เชลซี 2022/23
สิงห์เจ้าเอย...เมื่อไหร่จะหายป่วย?
แพ้ 5 เกมรวดแล้ว จะไปสิ้นสุดลงตรงไหน?
ว่ากันแบบไม่สบประมาท ก็ต้องบอกว่า "เป็นไปได้สูง" เลยที่ เชลชี จะแพ้ต่อเนื่องอีกเป็นนัดที่ 6
เพราะนัดถัดไป อังคารหน้า เชลซี จะต้องออกไปเยือน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รังเหย้าของ อาร์เซน่อล
ใช่ที่ อาร์เซน่อล กำลังฟุบ ไม่ชนะใครมา 4 เกมซ้อน (เสมอ 3 แพ้ 1) แต่แมตช์นี้ก็อาจเป็นโอกาสให้ปืนใหญ่ได้ระบายอารมณ์ขัดข้องหมองใจออกมาเหมือนกัน ภายหลังหลุดแพ้ แมนฯ ซิตี้ ยับเยิน 1-4 ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ มิเกล อาร์เตต้า และนักเตะปืนโตจะยอมรับได้ และพวกเขาจำเป็นต้องเด้งตัวกลับมาโดยไว เพื่อไม่ให้ แมนฯ ซิตี้ ได้ใจไปมากกว่านี้
ถัดจาก อาร์เซน่อล แล้ว เชลซี จะมีคิวดวลกับ บอร์นมัธ (เยือน) ตามด้วย น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เหย้า) นี่เองจะเป็นโอกาสให้ได้สัมผัสชัยชนะ ไม่ว่าจะ 1 หรือ 2 นัดก็ตาม
เพราะถ้าไม่ชนะในสองเกมที่ว่าแล้ว ก็อาจไม่ชนะอีกเลย เมื่อ 3 เกมสุดท้ายของทัพสิงห์คืองานหนักอึ้งล้วนๆ กับการฉะ แมนฯ ซิตี้ (เยือน), แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน) และ นิวคาสเซิ่ล (เหย้า)
อ๋อ...หรือที่แพ้รัวๆ นี่เป็นเพราะ แลมพาร์ด กะจะทำสถิติใหม่ เพื่อจารึกชื่อตัวเองไว้ให้นานเท่านาน
ด้วยการแพ้ 11 เกมติดต่อ หล่อๆ ไปเลยจ้าาาา