เชลซี 1-0 ลีดส์ : เก็บตก 5 ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก สิงห์บลู เบียดชนะ ยูงทอง หวิว เมื่อคืนที่ผ่านมา

ทรงค่อนข้างดี แต่ตกลงระบบไหนดี?

เกรแฮม พ็อตเตอร์ อาจอ้างได้ว่า การปรับระบบมาใช้ 3-4-3 ในเกมนี้ เป็นเพราะมีกลุ่มนักเตะบาดเจ็บหลายราย รวมถึงปรับเพื่อรับมือ ลีดส์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะ ซึ่งก็ถือว่าการตัดสินใจนี้ได้ผลดีทีเดียว ช่วยเพิ่มความแน่นอนในเกมรับ แม้เกมรุกอาจดูยังไม่เข้าที่ แต่ก็สามารถเจาะประตูเข้าได้จากลูกตั้งเตะ และที่สุดแล้วก็กำชัยได้เป็นผลสำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ยังเป็นคำถามอยู่ต่อไปว่า ณ ตอนนี้, และต่อให้กลุ่มแข้งที่บาดเจ็บจะฟิตกลับมาหมดแล้ว, 11 คนแรกสุดที่แน่นอนของ พ็อตเตอร์ คือ 11 คนไหน และระบบไหนที่ควรยึดเป็นหลัก ซึ่งหากยังไม่สามารถค้นหาได้จริงๆ ก็ค่อนข้างน่ากังวลใจในระยะยาว

แนวรุก ยังไม่อาจพึ่งพาได้เท่าที่ควร

แนวรับวันนี้แม้จะไม่มีทั้ง ติอาโก้ ซิลวา, รีซ เจมส์, เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า หรือ มาร์ก กูกูเรย่า แต่ก็ถือว่าทำงานได้เยี่ยม กับการยืน 3 เซนเตอร์แบ็ก และมี เบน ชิลเวลล์ กับ รูเบน ลอฟตัส-ชีค คอยช่วยงานทางริมเส้น ซึ่ง เวสลี่ย์ โฟฟาน่า โดดเด่นกว่าใคร โดยเฉพาะการเป็นเจ้าของประตูโทนดับ ลีดส์ ต้นครึ่งหลัง น.53

กระนั้น ในส่วนของเกมรุก ชูเอา เฟลิกซ์, ไค ฮาแวร์ตซ์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ได้เล่นร่วมกันเกือบ 70 นาที ยังถือว่าสอบไม่ผ่าน ยังไม่อันตรายและสามารถเล่นงานแนวรับคู่แข่งได้ดีพอ โดยเฉพาะ เฟลิกซ์ กับ ฮาแวร์ตซ์ ที่มีโอกาสจบงามๆ ทั้งสองคน แต่ไม่อาจเบิกสกอร์ได้อีกเกม

แล้วก็น่าสนใจดีเหมือนกันว่า คนที่ทุ่มซื้อมา 60 กว่าล้านปอนด์อย่าง มิไคโล มูดริค ดูจะไม่ใช่คนโปรดของเจ้านายสักเท่าไร เกมนี้เป็นสำรองไม่พอ ยังเป็นสำรองไม่ได้ถูกส่งลงสนามด้วย

ลีดส์ มาเล่นแบบกลัวๆ ไปนิด

ส่วนหนึ่งต้องชมการวางหมากหนาของ พ็อตเตอร์ แต่ส่วนหนึ่งก็อาจต้องติงๆ ทาง ฆาบี กราเซีย กุนซือ ลีดส์ ยูไนเต็ด อยู่เหมือนกันที่เหมือนจะมาเล่นแบบเกรงๆ ศักดิ์ศรี หวั่นใจเจ้าถิ่นมากไปนิด จนถอยร่นไปอุดเกมตั้งรับกันเป็นพิเศษในครึ่งแรก จนเมื่อโดนเจาะประตู (น.53) แล้วก็ค่อยคิดดันเกมบุก ค่อยเปิดหน้าแลกจนสร้างโอกาสหวาดเสียวได้บ้าง ทว่าที่สุดเวลาในสนามก็มีไม่พอให้เบิกสกอร์คืนมา

3 แต้ม ปลดเปลื้องความกดดัน

ไม่ต้องสงสัย เกรแฮม พ็อตเตอร์ ได้เฮเต็มเสียงเมื่อหมดเวลา รวมถึงบิ๊กเกอร์บอส ท็อดด์ โบห์ลี ก็ได้ฉีกยิ้มกว้างกับเขาบ้างเสียที หลังคว้าชัยได้เป็นเกมแรกหลังปิดตลาดหน้าหนาวหนล่าสุดไป

นี่คือการกลับมาชนะอีกครั้งของ เชลซี ภายหลังยกพลขึ้นเรือออกทะเลนอกชายฝั่งมานาน เสมอ 3 และแพ้ 3 เกมติดต่อกันก่อนหน้านี้ เท่ากับลดความกดดันของกุนซือชาวอังกฤษลงไปได้มาก เมื่อไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าเกิดไม่ชนะหรือแพ้เกมนี้ขึ้นมา จนกลายเป็นแพ้ 4 เกมติดต่อกันในทุกรายการ กระแสต่อต้าน พ็อตเตอร์ ในกลุ่มแฟนเชลซีเอง จะแรงขึ้นขนาดไหน

จุดเปลี่ยนของ พ็อตเตอร์ หรือไม่?

โบนัสนอกเหนือจากเกมวันนี้คือ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ดันหลุดแพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1 เสียด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างอันดับ 10 เชลซี กับอันดับ 4 สเปอร์ส แคบลงกว่าเดิมแล้ว

ณ ตอนนี้ สเปอร์ส มี 45 แต้มจาก 26 นัด ส่วน เชลซี มี 34 คะแนนจาก 25 เกม เท่ากับระยะห่างลดลงมาเหลือ 11 แต้มกับสิบกว่านัดท้าย โอกาสที่ เชลซี จะโผล่ขึ้นคว้าตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในทางทฤษฎีจึงยังมีความเป็นไปได้อยู่

อย่างไรก็ตาม จะยึดถือชัยชนะนัดนี้ว่าเป็น "จุดเปลี่ยน" ให้ เชลซี ยุค พ็อตเตอร์ ติดปีกโบยบินได้เสียทีหรือไม่ ก็คงยังพูดไม่ได้เต็มปาก เมื่ออย่างน้อย พวกเขาต้องพลิกกระดานกลับมาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ใน ชปล. วันอังคารที่จะถึงนี้ ให้ได้ รวมถึงถ้าให้ดี ก็ต่อเนื่องไปยังเสาร์หน้า ที่จะดวล เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วย นั่นถึงจะถือว่า เชลซี กลับมาเข้าที่เข้าทางได้แล้วจริงๆ