เชลซี 2-0 ดอร์ทมุนด์ : เก็บตก 5 ประเด็นหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สิงห์ ตะปบ เสือเหลือง ลิ่วเขรอบ 8 ทีมสุดท้าย
รายการ: ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022/23 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกสอง
วันแข่งขัน: วันอังคารที่ 7 มีนาคม 2023
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 2-0 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (สกอร์รวม 2-1)
เริ่มชัดถึงหมาก 3 เซนเตอร์แบ็ก เชลซี
เกรแฮม พ็อตเตอร์ เริ่มทำให้เห็นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเขาจะใช้ระบบ 3 เซนเตอร์แบ็กเป็นทางเลือกแรกของทีมชุดนี้ โดยอาจปรับระหว่าง 3-4-3 หรือ 3-5-2 แล้วแต่เกม แล้วแต่คู่ต่อสู้ไป โดยนัดนี้ที่ขาดกัปตันทีม ติอาโก้ ซิลวา (กับ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า) เป็นทางแบ็กซ้ายราคาแพงอย่าง มาร์ก กูกูเรย่า ที่ถูกขยับมายืนเซนเตอร์แทน และก็ทำได้ดีทีเดียวตลอดเกม
อันที่จริงในช่วงต้นของเกมนี้ หมาก 3-4-3 ซึ่งเกมรับจะถูกปรับโดยอัตโนมัติให้กลายเป็น 5-2-3 นั้น ไม่ได้ช่วยให้ เชลซี กุมความได้เปรียบอะไร โดยในยี่สิบนาทีแรก ดอร์ทมุนด์ คุมเกมดีกว่าชัด เอาบอลไปเล่นได้มากว่าถึง 70 ต่อ 30%
เพียงแต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง พร้อมๆ กับสกอร์ 2-0 มาได้เร็ว หมาก 3-4-3 ก็เริ่มสร้างประโยชน์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในช่วงที่ ดอร์ทมุนด์ ต้องโถมเกมลุยใส่แล้ว เชลซี สามารถถอยร่นได้เต็มที่กับกองหลัง 5 ตัว แถมยังมีการหย่อนกองกลางสำรองลงไปช่วยบดบี้แทนตัวรุกด้วย จนสุดท้ายก็ตรึงสกอร์กำชัย 2-0 ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ
สามประสานแนวรุก ยังก้ำกึ่งคาบเส้น
เกมนี้ ทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ต่างมีสกอร์ก็จริง รวมถึง เจา เฟลิกซ์ ก็มีเกมที่วูบวาบ แต่ว่าในภาพรวมที่เป็นในสนาม ก็ยังก้ำๆ กึ่งๆ จะบอกว่า 3 ประสานแนวรุกสิงห์ชุดนี้ สอบผ่านหรือไม่อย่างไร
นอกจากหมาก 3 เซนเตอร์แบ็กแล้ว การวางแผงรุกเป็น สเตอร์ลิ่ง - ฮาแวร์ตซ์ - เฟลิกซ์ ก็เริ่มชัดมากขึ้นเช่นกันว่านี่คือแนวรุกทางเลือกแรกของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ในขณะที่ ฮาคิม ซีเย็ค, โนนี่ มาดูเอเก้, คริสเตียน พูลิซิช หรือปีกเจ้าของค่าตัว 62 ล้านปอนด์ มิไคโล มูดรีค เป็นแค่อะไหล่เสริม
แต่ก็อย่างที่ว่า ทั้ง สเตอร์ลิ่ง - ฮาแวร์ตซ์ - เฟลิกซ์ ยังก้ำกึ่งว่าควรได้รับคำชมเชยหรือไม่ เมื่ออย่างน้อยที่สุด ประตูที่ขึ้นนำ 1-0 เกิดขึ้นโดยที่ สเตอร์ลิ่ง ยิงแป้กทีแรกจนกองหลังทีมเยือนเสียจังหวะ ก่อนที่เขาจะถูไถหาช่องซัดหนสองเข้าไปได้ ส่วนจุดโทษ 2-0 ฮาแวร์ตซ์ กดไปชนเสาอย่างจัง (จากนั้นต่างฝ่ายต่างรอเริ่มเล่นจากลูกทุ่มแล้ว) ปรากฏว่าผู้ตัดสินก็ย้อนมาเป่าให้ยิงใหม่โทษฐานที่แข้ง ดอร์ทมุนด์ เข้าเขตโทษก่อนบอลขยับ จน ฮาแวร์ตซ์ ได้ยิงแก้ตัวและซัดเข้าไปได้
ภาพรวม สเตอร์ลิ่ง - ฮาแวร์ตซ์ - เฟลิกซ์ อาจวูบวาบมีอันตราย แต่ชัดเจนว่าความเฉียบคมและคุณภาพการปิดสกอร์ ยังต้องพัฒนา
ดอร์ทมุนด์ โชคไม่ดี
ในขณะที่ เชลซี มีโชคพอสมควรในทั้งสองประตูที่ได้ ทางฝั่ง ดอร์ทมุนด์ นั้น...
1) มาเยือนโดยไม่มี 2 กองหน้าคนสำคัญ คาริม อเดเยมี่ กับ ยุสซูฟา มูโกโก้ ที่ต่างก็บาดเจ็บ
2) เสียนายทวารมือหนึ่ง เกรกอร์ โคเบล บาดเจ็บก่อนเกม ต้องเป็น อเล็กซานเดอร์ เมเยอร์ มือสอง ลงเฝ้าเสาแทน
3) ครึ่งแรกที่เล่นได้ดี มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลเหนือกว่า ลงเอยด้วยการตามหลัง 0-1 ในนาที 43
4) ครึ่งหลังลงสนามไปแบบมุ่งมั่นจะเอาคืนเต็มที่ ปรากฏเสียจุดโทษแบบค้านสายตา และสกอร์ฉีกเป็นตาม 0-2 หลังเริ่มเล่นไปแค่ 5 นาที
เคปา มือหนึ่งเต็มตัว
คงไม่มีแฟนบอล เชลซี คนไหน คิดถึงหรือโหยหา เอดูอาร์ เมนดี้ อดีตมือหนึ่งชาวเซเนกัล อีกต่อไป เมื่อ เมนดี้ บ่อยครั้งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนชั้นในเรื่องการใช้เท้า แม้คุณภาพในการเซฟประตูจะไม่ขี้เหร่ก็ตาม
กับช่วงนี้ที่ เมนดี้ บาดเจ็บ ก็เป็นโอกาสของ เคปา อาร์ริซาบาลาก้า เต็มตัว
และถัดจากการเก็บคลีนชีตในนัดชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-0 แล้ว เคปา ก็นำทีมเก็บคลีนชีตต่อเนื่องในวันนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากๆ ด้วยของการพลิกสยบ ดอร์ทมุนด์ เพื่อผ่านเข้ารอบแบบสกอร์รวมพอดีคำ 2-1
นายทวารสแปนิช ซูเปอร์เซฟลูกฟรีคิกของ มาร์โค รอยส์ ที่เหมือนจะเบียดเสาเข้าตอนต้นเกม เช่นเดียวกับปัดป้องลูกตะบันเต็มแรงของ มาริอุส โวล์ฟ ที่เกือบจะเป็นลูกตีไข่แตกกลางครึ่งหลัง แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการเซฟประตู และเมื่อคนเป็นประตูมั่นใจแล้ว ก็ส่งผลดีกับเกมรับในภาพรวมตามไปด้วย
รอบหน้า ใครก็ได้!
ในพรีเมียร์ลีก เชลซี อาจต้องจำยอมรับสภาพว่าโควตาท็อปโฟร์ คงหลุดมือไปแล้ว กับการจมกลางตารางและตามหลังอันดับ 4 สเปอร์ส ห่างไกล 11 แต้ม พร้อมกันนั้น บอลถ้วยในประเทศก็หลุดมือไปหมด คาราบาว คัพ กับ เอฟเอ คัพ ร่วงรอบ 3 ทั้งคู่ (เมื่อดันจับเจอ แมนฯ ซิตี้ ทั้งสองถ้วย)
แต่ในยุโรปแล้ว กรุณาอย่าประมาท เชลซี เป็นอันขาด
เชลซี เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นสองทีมแรก (ร่วมกับ เบนฟิก้า) โดยพวกเขาจะต้องรอการจับสลากประกบคู่รอบถัดไป ในช่วงกลางเดือนนี้ 17 มี.ค. แต่ถ้าฟ้าจะส่งใครมาก็ได้ทั้งนั้น เพราะทุกคู่แข่งก็ล้วนแต่หนักอึ้งพอๆ กันอยู่แล้ว
สิ่งสำคัญของชัยชนะนัดนี้ นอกจากการเข้ารอบ ก็คือการชนะแบบไม่เสียประตู 2 นัดติดต่อกัน ซึ่งแน่นอนว่าช่วยปลดเปลื้องความกดดันบนบ่า เกรแฮม พ็อตเตอร์ ไปได้เยอะ เช่นกัน ท่านประธาน ท็อดด์ โบห์ลี่ ก็คงกล้าสู้หน้าแฟนๆ ได้มากขึ้น กับการจิ้มเลือก พ็อตเตอร์ มา และยืนยันในตลอดช่วงที่ผ่านมาว่านี่แหละ คนที่ใช่ ขอดูใจกันยาวๆ