เชลซี 2-2 เอฟเวอร์ตัน : เก็บตก 5 ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก สิงห์น้ำเงิน โดนทอฟฟี่ ฮึดตีเสมอเฮือกท้าย
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2022/23
วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2023
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 2-2 เอฟเวอร์ตัน
4 เกมซ้อน...ไม่มา
แค่เฮือกเดียว อึดใจเดียวเท่านั้นที่กั้นขวางไม่ให้ เชลซี ของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ พุ่งชนชัยชนะเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน (รวมทุกถ้วย) ได้
อย่างไรก็ตาม จะบอกว่านี่คือผลที่น่าผิดหวังอย่างที่สุด รึเปล่า ก็คงไม่ใช่
เพราะอย่าลืมว่า หลังจบเกมที่แพ้ สเปอร์ส 0-2 สิ้นเดือนที่แล้ว อันเป็นความพ่ายแพ้ 3 นัดติดต่อกัน กระแสข่าวเรื่องปลดกุนซือ หรือกระแสต่อต้าน พ็อตเตอร์ ในกลุ่มแฟนๆ มันรุนแรงขนาดไหน
แต่เมื่อกลับมาด้วยชัยชนะเหนือ ลีดส์ 1-0 จนมาถึงวันนี้ที่เป็นผลชนะ 3 เสมอ 1 ก็ชัดเจนว่า เมฆหมอกแห่งความทะมึนทึมเหนือ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้พัดผ่านไปแล้ว
อาจใช่ที่ 1 แต้มล่าสุดนี้ ไม่ได้ช่วยให้ เชลซี ขยับพ้นไปจากกลางตาราง อันดับ 10 ได้ แต่ต่อให้จะฟัด 3 แต้มเต็มขึ้นมา ก็ควรต้องตั้งคำถามกันจริงๆ ว่า (แฟน) เชลซี เซ็ตเป้าหมายสำหรับช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ ไว้ว่าอย่างไรแน่
ยังหวังจะแทรกตัวไปจบในท็อปโฟร์ ตีตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จริงๆ หรือ?
เอาจริง?
ทิศทางจัดว่าน่าพอใจ
ในมุมของเรา 1 แต้มนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าส่ายหัว และในภาพรวม ก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องตำหนิ -- โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสัก 1 เดือนก่อนหน้า
นายประตู โอเคแล้วกับ เคปา อาร์ริซาบาลาก้า
หลังบ้านที่ใช้ 3 เซนเตอร์แบ็ก ก็ไม่แย่กับการมี คาลิดู คูลิบาลี่ เป็นหลัก สอดประสานด้วย เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, เบอนัวต์ บาเดียชิลด์, มาร์ก กูกูเรย่า หรือในวันที่ ติอาโก้ ซิลวา ฟิตสมบูรณ์ ก็น่าจะดีขึ้นไปอีก
แดนกลาง เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ กับ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ส่วนทาง มาเตโอ โควาซิช ก็ระดับคุณภาพอยู่แล้ว และเดี๋ยวก็น่าจะมี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กลับมาช่วยงาน
ริมเส้นสองฝั่ง เด่นสุดในลีกทีมหนึ่งกับการมี เบน ชิลเวลล์ - รีซ เจมส์ ดูแลซ้ายขวา
ก็คงมีแค่เกมรุกที่ยังดูฝืดๆ ไม่ดุดันพลังแรงสูงเหมือน เชลซี ที่เคยเป็นในปีก่อนๆ เท่านั้น
โดยรวม ทั้งฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ทั้งผล 4 นัดหลังที่เกือบชนะรวด ก็ไม่รู้ว่าจะร้องขออะไรได้มากไปกว่านี้
เกมที่ยอดเยี่ยมของ เจา เฟลิกซ์
ในรอยด่างของเกมรุกที่ภาพรวมยังไม่ถือว่าน่าพอใจนัก อย่างน้อยเกมกับ เอฟเวอร์ตัน คนที่ได้รับคำชมจากสื่อหลายเจ้าก็คือ เจา เฟลิกซ์
- - อยู่ในสนาม 86 นาที
- ยิงรวม 4 ครั้ง
- ยิงตรงกรอบ 2 หน
- ได้ 1 ประตู เป็นลูกที่ 2 จากการเล่น 9 นัด
ฟุตบอล.ลอนดอน แจกแจงฟอร์มของหัวหอกโปรตุเกสในเกมนี้ไว้ว่า "ดูคึกคักมากในวันนี้ การเคลื่อนไหว การสัมผัสบอล และความตื่นตัวในวันนี้ดีมาก ทั้งในครึ่งแรกและครึ่งหลัง รวมไปถึงพังประตูได้อย่างยอดเยี่ยม และนี่คือสิ่งที่คู่ควรกับเขาแล้ว บางทีอาจเป็นฟอร์มที่ดีที่สุดของการเล่นให้ เชลซี จนวันนี้"
ก็ชัดเจนว่า เฟลิกซ์ เริ่มปรับตับเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้มากขึ้น และเริ่มอันตรายกับทุกกองหลังคู่แข่งมากขึ้นเช่นกัน
แน่นอน ว่าก็ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่ เชลซี จะทุ่มเงินอีกก้อน ซื้อขาดจาก แอตเลติโก มาดริด ในช่วงเปิดตลาดซัมเมอร์
เอฟเวอร์ตัน ก็มาถูกทาง
คงสามารถใช้นิยามเดียวกับ เชลซี ได้เลยเหมือนกัน ว่า เอฟเวอร์ตัน กำลังมา "ถูกทาง"
เมื่อภายใต้การทำงานของ ชอน ไดช์ นับตั้งแต่สิ้นเดือน ม.ค. เป็นต้นมา จนถึงตอนนี้ ทีมทอฟฟี่ลงสนามในลีกไปทั้งสิ้น 8 นัด
8 นัด ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 3
จำนวนเกมชนะที่อดีตนายใหญ่ เบิร์นลี่ย์ ทำได้ เทียบเท่ากับที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทำไว้...ตลอดครึ่งซีซั่นแรก 20 นัด (ชนะ 3 เสมอ 6 แพ้ 11)
และผลงานดีๆ เหล่านี้ก็นำมาซึ่งการ "โผล่พ้นน้ำ" ได้แล้วของพวกเขา - เวลานี้ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 15 ด้วยการมี 26 แต้ม นำหน้าโซนแดง (อันดับ 18 เวสต์แฮม) อยู่ 2 คะแนน
แน่นอนว่า เอฟเวอร์ตัน ยังต้องสู้ยิบตากับ 10 เกมสุดท้ายที่เหลือ และไม่อาจติดประมาทได้เลยแม้สักนัด--จนกว่าจะรอดตายชัวร์แล้วจริงๆ เพียงแต่ด้วยตำแหน่งที่ยืนที่กำลังอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่กำลังเป็น หมากเกมนี้ก็พลิกมาอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว หากว่าไม่พลาดเองเสียอย่างก็สบายไป
ไม่จำเป็นต้องพึ่งสิ่งที่ควบคุมไม่ได้อย่าง "ผลงานของทีมอื่น" ที่ ณ ตอนนี้ อยู่ล่างไปจาก เอฟเวอร์ตัน ถึง 5 ราย (ฟอเรสต์, เลสเตอร์, เวสต์แฮม, บอร์นมัธ, เซาแธมป์ตัน) แล้วทีเดียว
ใครคือ เอลลิส ซิมม์ส?
เมื่อ โดมินิก คัลเวิร์ต-เลวิน มีปีที่แย่ที่สุดในรอบหลายปี (12 นัด 1 ประตู) หรือตัวใหม่ที่ทุ่มซื้อมาอย่าง นีล โมปาย ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างหวัง (22 นัด 1 ประตู) ปัญหาการจบสกอร์ก็คือเรื่องที่ เอฟเวอร์ตัน แก้ไม่ตกมาตลอดซีซั่น
แต่บางที ปัญหานี้อาจหมดไปหากให้โอกาส เอลลิส ซิมม์ส มากกว่าที่เป็น
แฟนบางรายอาจพอรู้จักหรือคุ้นชื่อ "เอลลิส รีโก้ ซิมม์ส" อยู่บ้างแล้ว เมื่อที่จริง หัวหอกวัย 22 ก็ได้ลงสนามมาบ้างบางนัดในช่วงที่ผ่านมา ก่อนจะงัดทีเด็ดเรื่องความแข็งแกร่งสูงใหญ่ มาเอาชนะเซนเตอร์แบ็กท็อปคลาสอย่าง คาลิดู คูลิบาลี่ จนหลุดเข้าไปกระทุ้งประตู 2-2 ใส่ เชลซี
นี่คือประตูแรกของ ซิมม์ส ที่ทำได้ภายใต้เครื่องแบบ เอฟเวอร์ตัน
อันที่จริง กองหน้าเชื้อสายจาเมกา เจ้าของส่วนสูง 191 ซม. เคยอยู่ในอะคาเดมี่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาก่อนด้วย ก่อนที่ เอฟเวอร์ตัน จะคว้ามาปั้นต่อตอนเจ้าตัวอายุ 16 และจับเซ็นสัญญาอาชีพใน 3 ปีให้หลัง แล้วจึงส่งออกยืมตัวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตามแนวทางปั้นเด็ก
2020/21 แบล็คพูล 24 นัด 10 ประตู
2021/2 ฮาร์ทส์ 21 / 7
2022/23 ซันเดอร์แลนด์ 17 / 7
ก็ในช่วงครึ่งซีซั่นแรกนี่เองที่ ซิมม์ส ในเฉิดฉายกับทีมแมวดำ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งเมื่อผลงานดี บวกกับผลงานของกองหน้าทอฟฟี่มันแย่ เขาจึงถูกเรียกตัวกลับคืนทีมในช่วงครึ่งซีซั่นหลัง และได้เป็นตัวเลือกทีมชุดใหญ่ทันที
ส่วนหลังจากที่ได้สัมผัสเกมเป็นนัดที่ 6 (สำรองซะ 5) ซิมม์ส ก็เล่นงาน คูลิบาลี่ เข้าอย่างจังแบบที่เราเห็นกัน
เอาเข้าจริง ก็ยังจับตาดูเส้นทางของกองหน้าวัย 22 กันต่อว่าจะไปได้สวยขนาดไหน จะรุ่งหรือจะร่วง ยังไม่มีใครรู้ เพียงแต่จากวี่แววที่เห็นก็คงถือได้ว่า เอฟเวอร์ตัน ถือไพ่เด็ดใบหนึ่งอยู่ในมือแล้ว