เชลซี 2-2 ฟอเรสต์ : เก็บตก 5 ประเด็นหลังเกม สิงห์น้ำเงิน ฝ่าวิกฤตแข้งเดี้ยงจัดสำรองลงแบ่งแต้ม เจ้าป่า
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2022/23
วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 15 เมษายน 2023
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 2-2 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
เจ็บเยอะ...และเยอะขึ้นอีก
นี่คือรายนามนักเตะบาดเจ็บของ เชลซี ที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าเล่นไม่ได้ชัวร์ - รีซ เจมส์, เมสัน เมาท์, อาร์มันโด้ โบรย่า, มาร์ก กูกูเรย่า, คาลิดู คูลิบาลี่, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า
ส่วนนี่คือที่เดี้ยงเพิ่มเอาก่อนเกมวันนี้ - เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เบน ชิลเวลล์
และยังมีที่เจ็บเพิ่มอีกในระหว่างเกม - มาเตโอ โควาซิช
ประเด็นคือ ก็องเต้ ดูจะไม่ได้เจ็บแค่มดกัด รายงานจากสื่อลอนดอนระบุว่าเป็นอาการบริเวณโคนขาหนีบ ซึ่งต้องใช้เวลาพักแข้งสักระยะ จะกลับมาได้เร็วสุดน่าจะเปินนัดปิดฤดูกาลกับ นิวคาสเซิ่ล โน่นเลย
ด้าน โควาซิช ยังต้องรอผลสแกนที่แน่ชัด แต่สื่อก็ชี้ว่า มีความเป็นไปได้เลยที่จะต้อง "ปิดเทอม" แล้วอีกคน
สองกองกลางคีย์แมนเดี้ยงเพิ่ม...ออกรูปนี้ ทั้ง แมนฯ ซิตี้ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เตรียมเตะ เชลซี สองนัดถัดไป ก็ยิ้มแฉ่งเลย
เป็นโอกาสลองของ
จากการที่ตัวเจ็บ เชลซี เยอะขึ้นอีกก่อนเกมวันนี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จึงเกาหัวแกรก เลี่ยงไม่ได้จะต้องปรับส่งสำรองและดาวรุ่งบางรายลงตัวจริง โดยเฉพาะแนวรับที่โฉมหน้าต่างไปจากทีมชุดแรกสุดเยอะมาก - ลูอิส ฮอลล์, เบอนัวต์ บาเดียชิล, ติอาโก้ ซิลวา, เทรโวห์ ชาโลบาห์
หากเป็นในสถานการณ์ปกติที่ทุกคนฟิต แผงแบ็กโฟร์ชุดนี้จะมีแค่ ติอาโก้ ซิลวา รายเดียวเท่านั้นที่ได้เล่น
แต่ขณะเดียวกัน ด้วยสถานการณ์ที่คลี่คลายและผ่อนคลายแล้ว เชลซี ไม่ตกชั้นแน่ๆ แล้ว ก็ทำให้ แลมพาร์ด เลือกเปิดทางให้ เอดูอาร์ เมนดี้ นายประตูเซเนกัล กลับลงตัวจริงแทนที่ เคปา อาร์ริซาบาลาก้า ดูบ้าง หลังเป็นตัวจริงหนสุดท้ายตั้งแต่ก่อนบอลโลก นัดแพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-1 กลางเดือน พ.ย.
คำตอบปรากฏชัด
อย่างไรก็ตาม การจิ้มเลือก เมนดี้ ก็ปรากฏคำตอบชัดสำหรับ แลมพาร์ด -- รวมไปถึงใครที่กำลังจะเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้ในอนาคตอันใกล้ (เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่?) ว่าถ้าจะเปลี่ยนจาก เคปา อาร์ริซาบาลาก้า ไปเป็นอื่น...
ก็ต้อง "ซื้อใหม่" เข้ามาเท่านั้น
เมนดี้ อาจเคยสร้างความฮือฮาได้ก็จริง แต่ยิ่งนานวันก็ยิ่งชัดว่าระดับคุณภาพของเขา ไม่อยู่ในจุดที่สามารถไว้วางใจได้เต็มที่ เผยจุดอ่อนชัดว่ามีปัญหากับการเล่นลูกด้วยเท้า และเกมนี้ก็ตัดสินใจพลาดในการป้องกันลูกโด่ง จนโดน ไทโว่ โอโวนิยี่ โขกตัดหน้าเป็นประตูนำ 1-0 ของ ฟอเรสต์
ส่วนแข้งสำรองและดาวรุ่งอื่นๆ ที่ได้เล่นในเกมนี้ ไม่ถือว่าทำผิดพลาดอะไร โดยเฉพาะ ลูอิส ฮอลล์ แบ็กซ้ายดาวรุ่งอังกฤษ ที่แม้จะทำให้เห็นว่ายังห่างชั้นจาก เบน ชิลเวลล์ อยู่เยอะ แต่ก็น่าทึ่งแล้วกับการที่เด็กอายุ 18 จะลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกได้แบบขาไม่สั่น
แง่ดีอยู่ที่ปีก 2 ข้าง
ผลเสมอ 2-2 แสดงให้เห็นว่า เชลซี ยังคงมีปัญหาที่แก้ไม่ตกในเกมรับ เพียงแต่นัดนี้ก็คงจี้ลงไปได้ว่าเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลเสียมากกว่า
เพราะก็คง "เข้าใจแล้ว" ว่าต้องจัดทีมด้วยระบบไหนถึงจะ "เหมาะกับนักเตะที่มี" มากที่สุด แฟร้งค์ แลมพาร์ด จึงเลือกสูตรเบสิกอย่าง 4-3-3 ไม่เล่นท่ายากด้วยหมากอื่นใด--ที่เห็นกันแล้วในช่วงที่ผ่านมาว่าไม่เวิร์ค
และระบบนี้ก็ช่วงส่งเสริมให้ทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ปีกซ้าย กับ โนนี่ มาดูเอเก้ ที่ปีกขวา มีเกมที่น่าพึงพอใจทีเดียว
โดยเฉพาะรายแรก นี่คือการ "ซัดสอง" เป็นเกมที่ 2 เท่านั้นหลังย้ายมาจาก แมนฯ ซิตี้ เมื่อซัมเมอร์ เท่ากับชัดมากๆ ว่า สเตอร์ลิ่ง เหมาะกับการเล่นริมเส้นที่มีพื้นที่ให้ทำอะไรๆ ได้เยอะ รวมถึงสอดเข้าทำจากจุดที่กองหลังไม่ทันสังเกตเห็น เท่านั้น
ส่วน มาดูเอเก้ ก็คงจัดเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ "มีแววดี" จากหลายดีลที่ ท็อดด์ โบห์ลี่ ดึงเข้ามาใน 2 ตลาดหลัง และน่าจับตาว่าในระยะยาว เจ้าหนูวัย 21 จะเติบโตขึ้นในลักษณะไหน
แต้มที่ดีของเจ้าป่า
1 แต้มที่ เชลซี ได้ ไม่ถือว่าทำให้อะไรต่างไปจากเดิมนัก และดูท่าว่าก็คงจบซีซั่นที่ประมาณนี้แหละ -- สูงสุดอันดับ 11 ต่ำสุดอันดับ 14
แต่ 1 แต้มที่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ได้ไป แน่นอนว่าคือเรื่องดี เป็นแต้มที่ดีของทีมหนีตายอย่างพวกเขา
กับคิวเตะที่เหลือแค่ 2 นัดท้าย แม้ยังไม่การันตีรอดตาย แต่ ฟอเรสต์ ก็มีโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ ในการจะปักหลักอยู่ต่อใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้า ภายหลัง 4 เกมล่าสุด เก็บเข้ากระเป๋าได้ถึง 7 แต้ม
ตัด เซาแธมป์ตัน ที่ตกชั้นแน่นอนแล้วหนึ่งราย (วันนี้แพ้ ฟูแล่ม คาบ้าน ก็จบเห่เลย) จะเหลือ เลสเตอร์ 30 แต้ม, ลีดส์ 31, เอฟเวอร์ตัน 32 และ ฟอเรสต์ 34 ที่ต้องไปดิ้นหนีตายกันใน 2 โควต้า
อย่างน้อย ชะตาของตัวเองก็อยู่ในกำมือตัวเอง
ถ้า ฟอเรสต์ ได้ผลไม่ขี้เหร่ในสองเกมสุดท้ายกับ อาร์เซน่อล (เหย้า) และ คริสตัล พาเลซ (เยือน) ก็เปิดแชมเปญฉลองให้การอยู่ต่อได้เลย