เชลซี 2-4 วูล์ฟส์ : เก็บตกหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัดสิงห์ไปไม่เป็น โดนหมาป่าบุกถลุงถึงรัง - FEATURE
• ยังเริ่มต้นเกมได้ดี ขึ้นนำจาก โคล พาลเมอร์
• แต่เล่นไปเล่นมา ก็เละเทะ ปิดเกมที่ความพ่ายแพ้คาบ้านอย่างย่อยยับ อีกนัด
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2023/24
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 2-4 วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส
ไม่อยู่ในจุดที่ดี และจะไม่ใช่เกมที่ง่าย
เป็นเรื่องจริงที่ก่อนเกมกับ ลิเวอร์พูล กลางสัปดาห์ที่แล้ว เชลซี อยู่ในจุดที่ดี ชนะมา 5 จาก 7 เกมหลังสุด
แต่ก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกันที่ก่อนเกมกับ ลิเวอร์พูล วี่แววก็ส่อแล้วว่า เชลซี กำลังสั่นคลอน เริ่มจากที่เสมอ แอสตัน วิลล่า 0-0 (กระสุนหมดหลังจากยิง มิดเดิ้ลสโบรช์ 6-1) แล้วตามด้วยแพ้ ลิเวอร์พูล ขาดลอย
มาเกมนี้ ชื่อชั้นภาพรวมของ เชลซี อาจเหนือกว่า วูล์ฟส์ โดยเฉพาะว่าเป็นเกมใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ และทีมหมาป่าก็มีผลงานนอกบ้านไม่ค่อยสู้ดี 6 นัดหลังใน พรีเมียร์ลีก แพ้มาถึง 4 นัดซ้อน
แต่กับใครที่คิดว่านี่จะเป็นเกมง่าย การันตีชัยชนะสำหรับ เชลซี ก็ขอให้คิดใหม่
เพราะ 1) หลังบ้านเชลซี มีรอยรั่วเพียบ เมื่อต้องมาเจอบรรดาตัวรุกความเร็วสูง รอบจัดของ วูล์ฟส์ ก็น่าเสียวไส้
กับ 2) หน้าบ้านของ เชลซี ก็ใช่ว่าจะดี ตัวเลือกที่น้อยอยู่แล้วยังน้อยลงอีกเมื่อ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เปิดไฟเขียวส่ง อาร์มันโด้ โบรย่า ย้ายยืมไป ฟูแล่ม ในวันปิดตลาดหน้าหนาว และเกมนี้เปลี่ยนมาใช้ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู บ้าง ก็เป็นคำถามว่า หอกฝรั่งเศสฟิตเต็มถังแล้วหรือยังเถอะ
มายังไง 47 : 23%
ใช่ ต้องถามว่า OPTA เอาอะไรมาเป็นปัจจัยในการคำนวณ ว่า เชลซี เหนือกว่ามาก มีโอกาสชนะสูงถึง 47% เมื่อเริ่มเกม ในขณะที่ วูล์ฟส์ มีสิทธิ์เฮเต็มเสียงแค่ 23% เท่านั้น
แรกสุดคือ 2 ปัจจัยในข้อข้างบน ที่นอกเหนือจากนั้นก็ยังพบว่า เป็นทาง วูล์ฟส์ ต่างหากที่ "ข่ม" เชลซี ในช่วงหลังที่พบกัน
- 2020/21 วูล์ฟส์ ชนะ 2-1, เสมอ 0-0
2021/22 เสมอ 0-0, เสมอ 2-2
2022/23 วูล์ฟส์ ชนะ 1-0, เชลซี ชนะ 3-0
2023/24 วูล์ฟส์ ชนะ 2-1
7 เกมหลังก่อนวันนี้ วูล์ฟส์ ข่มด้วยการชนะ 3 เสมออีก 3 ส่วน เชลซี โค่นหมาป่าลงแค่หนเดียวถ้วน
เช่นกัน บรรดาตัวเจ็บของ โปเช็ตติโน่ ก็ยังเยอะ วันนี้อาจได้ นิโคลัส แจ๊คสัน กลับมานั่งสำรอง แต่ก็ยังเหลือตัวเดี้ยงอยู่อีก 8 ราย อย่าง เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, รีซ เจมส์, มาร์ก กูกูเรย่า, โรมิโอ ลาเวีย, โรเบิร์ต ซานเชซ, เลสลี่ย์ อูโกชุควู, เทรโวห์ ชาโลบาห์ และ ลีวาย โคลวิลล์
ผลคือ 11 คนแรก ไม่ได้ต่างจากเกมก่อนๆ มากนัก ยอร์เย่ เปโตรวิช เฝ้าเสา หลังบ้านใช้ ติอาโก้ ซิลวา ยืนคู่ อักเซล ดิซาซี่ และแบ็กซ้าย-ขวาเป็น เบน ชิลเวลล์ - มาโล กุสโต้
ตรงกลาง มอยเซส ไคเซโด้ ยืนต่ำหน่อย คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ยืนสูงเยื้องขวาหน่อย เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ก็ออกเยื้องซ้ายนิด โดยมี โคล พาลเมอร์ กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นเหมือนกลางรุกกึ่งปีก สนับสนุนหน้าเป้า คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู
ตัวผู้เล่นเดิมๆ อาจปรับเล็กๆ ที่แท็กติกการยืน ว่า กัลลาเกอร์ กับ เอ็นโซ จะต้องมีส่วนร่วมกับทั้งรุกและรับ เป็นขุมพลังขับเคลื่อนแดนกลาง ปล่อยให้ ไคเซโด้ ยืนต่ำสุดดูแลเกมรับคนเดียวไป
แม้แต่ 'ดวง' ก็ไม่ดี
เชลซี เริ่มต้นเกมได้ดี ตั้งแต่นาทีที่ 3 เลยกับจังหวะหลุดของ เอ็นคุนคู ที่เกือบได้ล่อเป้าสบายๆ แล้ว แต่ยังมีกองหลัง วูล์ฟส์ มาตามพัวพันจนเสียจังหวะไป
แต่แม้จะไม่ได้ลูกที่ว่า นาที 19 ก็นำเร็วจากการปิดสกอร์ของ โคล พาลเมอร์ ที่ มอยเซส ไคเซโด้ แทงทะลุช่องงามๆ มาให้เช็คบิล ซึ่งนับเป็นประตูที่ 12 แล้วของเจ้าหนูวัย 21 อดีตเด็กปั้น แมนฯ ซิตี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นต้องถือว่า เชลซี "โชคไม่ดี" อย่างเห็นได้ชัด
สามนาทีหลังจากขึ้นนำ 1-0 สกอร์กลับมาเท่ากันด้วยจังหวะซัดของ มาเตอุส คุนญ่า ที่กดไปแฉลบ ติอาโก้ ซิลวา เปลี่ยนทางเข้าประตู
ท้ายครึ่งแรก นาที 43 คราวนี้เป็นการซัดของ รายัน เอต-นูรี่ บ้างที่ลูกมาชนขา อักเซล ดิซาซี่ ผลุบเข้าก้นตาข่าย
ทั้งสองจังหวะ ยอร์เย่ เปโตรวิช ทำได้แค่ส่ายหัวมองตาละห้อย
และทำให้ เชลซี สิ้นครึ่งแรกไปด้วยการตามหลัง 1-2 พร้อมเสียงโห่เซอร์ราวน์ดรอบทิศอัฒจันทร์ สแตมฟอร์ด บริดจ์
สุดท้ายเหลือ 1%
ไม่มีปาฏิหาริย์ โดยเฉพาะเมื่อถึงนาที 63 สกอร์ก็ฉีกเป็น 3-1 สำหรับทีมเยือน กับจังหวะวิ่งแข่งของ เปโดร เนโต้ ที่ทิ้ง ติอาโก้ ซิลวา เป็นทุ่ง เข้าไปแอสซิสต์ให้ มาเตอุส คุนญ่า ยิงเม็ดสองของตัวเองง่ายๆ
เมื่อสกอร์ถ่างเป็น 3-1 และหอกสำรอง นิโคลัส แจ๊คสัน โชว์โขกทิ้งขว้างหมูหกไป 1 ที่ทำให้ไม่มีเม็ดไล่กระชั้น 2-3 แล้ว
OPTA ก็ประเมินใหม่ ตัดโอกาสชนะของ เชลซี ลงเหลือแค่ 1% เท่านั้น และให้ วูล์ฟส์ ชนะสูง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ทีเดียว
และถือว่าถูกต้องตรงเผง เมื่อ วูล์ฟส์ มาได้จุดโทษจากจังหวะลุยของ คุนญ่า เองเข้าไปโดน มาโล กุสโต้ แท็กล้ม ซึ่งก็เป็นหอกแซมบ้าอดีตแข้ง แอตฯ มาดริด นั่นเองที่สังหารจุดโทษปิดเกม 4-1 น.82
แม้ว่าช่วงท้าย เชลซี จะพยายามรุกไล่และได้ 2-4 จากลูกโขกของ ติอาโก้ ซิลวา แต่เมื่อบรรดาตัวสำรองอย่าง นิโคลัส แจ๊คสัน, มิไคโล มูดริค หรือ คาร์นี่ย์ ชุคเวเมก้า ไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นตัวทีเด็ดเปลี่ยนเกม ก็จบไปง่ายๆ อย่างนั้น
เชลซี เสีย 4 ประตูเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน และแพ้เป็นนัดที่ 10 จากเกม พรีเมียร์ลีก 23 แมตช์ -- จำนวนเกมแพ้สูงกว่าอย่างอื่นแล้วตอนนี้ (ชนะ 9 เสมอ 4 แพ้ 10) และหล่นเป็นอันดับ 11 ตามหลัง วูล์ฟส์ ไปแล้ว
จงทำใจ
กับการพ่ายแพ้เป็นนัดที่ 10 และการที่ยังมองไม่เห็นเลยว่า เชลซี จะไต่อันดับขึ้นสูงได้ด้วยวิธีไหน เมื่อตลาดหน้าหนาวก็ผ่านไปแบบมีแค่ฝุ่นเท่านั้นที่ตลบกลาง "ฤดูฝุ่น" ไม่มีใครเข้ามาเป็นตัวความใหม่ทั้งสิ้น พวกที่ดึงกลับมาอย่าง เซซาเร่ คาซาเดอี หรือ ดีเอโก้ โมเรยร่า ก็แค่อะไหล่ตัวเสริม
ก็ขออนุญาตแจ้งว่าแฟนๆ เชลซี ควร "ทำใจ" เอาไว้ล่วงหน้าเลยว่า พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ บทสรุปออกมาไม่ดี ค่อนข้างแน่
อย่างดีคือจบในท็อป 10 อย่างแย่คือหลุดลงต่ำสิบ อาจจะ 12-13-14 เป็นไปได้หมด
ที่ โปเช็ตติโน่ และเด็กๆ สิงห์ ต้องมุ่งมั่นเต็มที่ ใส่สุดชีวิต มีเท่าไหร่ใส่เท่านั้น ก็คือ คาราบาว คัพ กับ เอฟเอ คัพ
รายการแรกรอชิงถ้วยกับ ลิเวอร์พูล สิ้นเดือนนี้ 25 ก.พ. ส่วนรายการหลัง รอชี้ชะตากับ แอสตัน วิลล่า (พุธ 7 ก.พ. นี้แหละ) ว่าใครจะชิงตั๋วเข้ารอบ 5 ได้
ก่อนนี้ เคยมีกระแสข่าวรายงานว่า บอร์ดเชลซี วางเป้าไว้แค่ซีซั่นนี้ ขอจบอันดับในลีกแบบไม่แย่เกินทำใจ ส่วนถ้ามีแชมป์บอลถ้วยติดไม้ติดมือ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วสำหรับ โปเช็ตติโน่
ฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของบอลถ้วยจริงๆ ที่ เชลซี จะต้องทำให้ได้
ไม่มีทางเลือกอื่นมากไปกว่านี้อีก