เชลซี 3-2 นิวคาสเซิ่ล : เก็บตกหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัด สิงห์น้ำเงิน สานต่อสถิติ 'ข่ม' สาลิกาดง ไว้ต่อ - FEATURE
• แม้จะเสีย 2 ประตู แต่ เชลซี ก็ยังผ่าน นิวคาสเซิ่ล ได้สวยๆ
• เชลซี สานต่อสถิติเหนือกว่า นิวคาสเซิ่ล เอาไว้ได้ต่อไป และยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญของชัยชนะเกมนี้
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2023/24
วันแข่งขัน: วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567
สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
ผลการแข่งขัน: เชลซี 3-2 นิวคาสเซิ่ล
แบ๊คทูเบสิก
ถัดจากหมากเซอร์ไพรส์ 3 เซนเตอร์แบ็กในเกมที่แล้ว (ซึ่งก็ยังไม่อาจนำชัยชนะมาให้ได้) มาเกมนี้ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เปลี่ยนตัวผู้เล่น 2 รายเท่านั้น แต่ "แบ๊คทูเบสิก" กลับคืนสู่ระบบ 4-2-3-1 ที่คุ้นเคยอีกครั้ง
กัปตันทีม เบน ชิลเวลล์ ที่ชัดเจนว่าเมื่อหายเจ็บกลับมาแล้ว ฟอร์มยังไม่เข้าที่เข้าทาง กับ ลีวาย โคลวิลล์ กองหลังดาวรุ่งสารพัดประโยชน์ หลุดจากทีมเพราะบาดเจ็บ
ที่เข้ามาคือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ลงที่ปีกซ้าย
กับ "แบ็กที่ถูกลืม" มาร์ก กูกูเรย่า ลงที่แบ็กซ้าย
นี่คือเกมที่ 13 เท่านั้นในซีซั่นนี้ของแบ็กสแปนิชหัวฟู และเป็นการกลับลงตัวจริงหลังหายหน้าไปตั้งแต่เกมแพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 เมื่อ 10 ธ.ค.
หรือก็คือ นี่คือนัดแรกของ กูกูเรย่า ในปี 2024 นี้เลย
เจ็บไปเจ็บมา
เชลซี : เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, โรมิโอ ลาเวีย, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, รีซ เจมส์, เลสลี่ย์ อูโกชุควู, ลีวาย โคลวิลล์, เบน ชิลเวลล์, เบอนัวต์ บาเดียชิล
นิวคาสเซิ่ล : คีแรน ทริปเปียร์, โชลินตอน, นิค โป๊ป, แม็ตต์ ทาร์เก็ตต์, คัลลั่ม วิลสัน, คีแรน ทริปเปียร์, ซานโดร โตนาลี่ (แบน), ลูอิส ฮอลล์ (ลงไม่ได้)
8 : 8 เท่ากันพอดี นี่คือรายชื่อนักเตะบาดเจ็บสะสมของทั้ง เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล
นี่ไม่รู้ว่า กว่าจะถึงเกมที่ 38 นัดสั่งลาซีซั่น ทั้ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และ เอ๊ดดี้ ฮาว จะมีฝ่ายไหนได้ใช้งาน "ฟูลทีม" ตัวเลือกลูกทีมครบๆ บ้างไหม
เกมรุกลงล็อก
เริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม และควรถือว่าดีเกินคาด
กับจังหวะซัดของ โคล พาลเมอร์ ที่ฝ่าวงล้อมแข้งสองฝั่งเข้าหาประตู และเสี้ยววินาทีนั้น นิโคลัส แจ๊คสัน ฉวยโอกาสที่ลูกพุ่งเข้าหาพอดี ตวัดส้นเปลี่ยนทางลูกเข้าสู่ก้นตาข่าย โดยที่แม้จะเปลี่ยนองศาบอลไม่มาก แต่ก็มากพอจะทำให้ มาร์ติน ดูบราฟก้า เสียจังหวะจนพุ่งไปไม่ถึง
เชลซี นำ 1-0 เร็วจี๋ในเพียง 5 นาทีเศษๆ เท่านั้น
นี่คือประตูที่ 12 แล้วของกองหน้าเซเนกัลในซีซั่นนี้ และเป็นประตูที่ 9 ใน พรีเมียร์ลีก สำหรับเจ้าของค่าตัว 32 ล้านปอนด์จาก บียาร์เรอัล
และในครึ่งหลัง ขณะที่สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 (อเล็กซานเดอร์ อิซัค ยิงเสียบเสาจากโอกาสซัดตรงกรอบหนเดียวในครึ่งแรก น.43) และเกมดูคู่คี่สูสี โคล พาลเมอร์ ก็จัดแจ่มๆ ให้อีกครั้ง - พาลูกเลี้ยงเลาะขึ้นไปส่องด้วยซ้ายเสียบเสาพอดิบพอดี น.57
นี่คือลูกที่ 13 แล้วของ "ของดี" จากอะคาเดมี่ แมนฯ ซิตี้ และเป็นลูกที่ 11 ใน พรีเมียร์ลีก ของเจ้าหนูวัย 21
เข้าช่วงสิบห้านาทีท้าย สกอร์ก็ถ่างเป็น 3-1 คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ครองบอลได้หน้าเขตโทษแล้วโดน มิไคโล มูดริค ขโมยลูกขึ้นหน้าอย่างอุกอาจ--แต่ดันทำได้ดี หนีกองหลังได้ทั้งเซ็ตก่อนกระชากผ่าน ดูบราฟก้า ไปส่องตาข่าย
ในภาพรวมอาจยังไม่ค่อยน่าปลาบปลื้ม แต่ซีซั่นนี้ มูดริค ก็มีสกอร์แล้ว 6 ตุง เป็นในพรีเมียร์ลีก 4
หนึ่งคือ เชลซี วันนี้เกมรุกเฉียบคมอย่างเห็นได้ชัด
สองคือ การที่ นิวคาสเซิ่ล ไม่มี นิค โป๊ป นายประตูระดับ "พิเศษ" ที่เซฟลูกยากได้เป็นเรื่องปกติ แล้วต้องใช้ มาร์ติน ดูบราฟก้า นายประตูฝีมือดี--แต่ไม่มีความพิเศษ คืออีกข้อแตกต่าง
มองไปมองมา ก็น่าดัน ลอริส คาริอุส ขึ้นมารับโอกาสในบางเกมแทนบ้างเหมือนกัน
เว้นอยู่คนเดียว...
เกมรุกภาพรวมของ เชลซี วันนี้ดี
แต่มันก็คือมี "บางคน" ที่ทำตัวเป็นข้อยกเว้น อยู่เสมอ
ซึ่งวันนี้ ก็คือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ในการตัดเกรดหลังจบเกมของเรา สเตอร์ลิ่ง เอาไป 4 เต็ม 10 พอ
เช่นกัน ฟุตบอล.ลอนดอน ให้ 5/10 หรือ 90min UK ก็ตัดที่ 5/10
ถาม โปเช็ตติโน่ บางทีก็อาจไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไงแล้ว เมื่อ สเตอร์ลิ่ง คุ้มดีคุ้มร้ายเสียเหลือเกิน วันไหนดีก็เอาซะกองหลังคู่แข่งน้ำตาตกใน วันไหนร้าย--อย่างวันนี้ ก็เงียบฉี่ เหมือนไม่ได้พกวิญญาณลงสนามไปด้วย
ขนาดมีจังหวะแตะหลบ ดูบราฟก้า ไปแล้ว และเพื่อน (รู้สึกจะ พาลเมอร์) วิ่งตีคู่รออยู่ข้างๆ พี่แกยังเลือกยิงเอง...และติดตัวคุมเส้นมันดื้อๆ
ศึกนี้สิงห์ข่ม
เชลซี ลงสนามเกมวันนี้ด้วยสถิติที่ยอดเยี่ยม อาทิ
- • แพ้นัดเดียวเท่านั้นจากเกมเหย้า 12 นัดหลังสุด (ชนะ 8 เสมอ 3)
• ไม่แพ้คารัง ในเกม พรีเมียร์ลีก เดือนมีนาคม มาตั้งแต่ปี 2001 คิดเป็นจำนวน 37 นัด
• เชลซี มี นิวคาสเซิ่ล เป็นเสมือน "ขุมทรัพย์" ให้ตักตวงแต้ม โดยเฉพาะการเล่นใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่ผูกปีชนะได้ 9 จาก 10 ครั้งหลังสุด
หนสุดท้ายที่ นิวคาสเซิ่ล บุกชนะได้ที่นี่ ต้องย้อนไปไกลถึง 2011/12 ที่สองประตูจาก ปาปิสส์ ซิสเซ่ สยบสิงห์ลงสวยๆ 2-0 แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา...
- 2012/13 เชลซี ชนะ 2-0
2013/14 เชลซี ชนะ 3-0
2014/15 เชลซี ชนะ 2-0
2015/16 เชลซี ชนะ 5-1
2017/18 เชลซี ชนะ 3-1
2018/19 เชลซี ชนะ 2-1
2019/20 เชลซี ชนะ 1-0
2020/21 เชลซี ชนะ 2-0
2021/22 เชลซี ชนะ 1-0
2022/23 เสมอ 1-1
ดังนั้น ผลสกอร์วันนี้ที่ออก 3-1 จึงไม่ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากนัก เมื่อก็ยังมีอีกสถิติว่า นิวคาสเซิ่ล แย่มากๆ สำหรับเกมนอกบ้านซีซั่นนี้ ชนะแค่ 3 เท่านั้นจาก 13 เกมเยือน (วันนี้คือเกมที่ 14)
สู้เพื่อ 8
ไม่ใช่ 8 ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด หรือ 8 บนล่าง อย่างที่เราท่านลุ้นกันอยู่ทุกต้นเดือนกลางเดือน
แต่ถ้าไม่นับเป้าหมายอย่างแชมป์บอลถ้วย (ที่ตอนนี้เหลือ เอฟเอ คัพ ถ้วยเดียว) แล้ว
สำหรับ พรีเมียร์ลีก คงตีได้ประมาณนี้ -- เป้าหมายที่เป็นไปได้ของ เชลซี คือการสู้เพื่อจบสูงสุดที่อันดับ 8
เพราะ 3 แต้มที่ได้มาในวันนี้ ทำให้พวกเขาสะสมเพิ่มเป็น 39 คะแนน ตามหลังอันดับ 7 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แค่ 4 แต้มเท่านั้นเอง แถมยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด
อย่างไรก็ตาม เชลซี จะหวังสูงนักไม่ได้เลย เมื่อ...
1. ปัญหาเกมรับยังคงอยู่ วันนี้เสียเพิ่มอีก 2 ลูก เท่ากับเสียนัดละ 2 ประตูมาแล้ว 3 เกมซ้อน และเสียรวม 45 ลูกในลีก
2. ปัญหาเกมเยือน ก็ยังคงอยู่ 9 นัดหลังชนะแค่ 2 (เสมอ 2 แพ้ 5)
และ 3. ใช่ว่า เชลซี จะมีเกมรุกร้อนแรงแบบนี้ทุกวันเสียเมื่อไหร่
นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม 11 เกมที่เหลือของ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ที่ยังพอหวังได้ของ เชลซี ก็คงเป็นอันดับ 8
ส่วนเรื่องว่า ถ้าเข้าป้ายที่ 8 แล้ว จะถือว่าประสบความสำเร็จหรือไม่อย่างไร โปเช็ตติโน่ ยังคงเป็น "คนที่ใช่" อยู่ไหม คงเป็นเรื่องที่บอร์ดต้องพิจารณากันต่อไป...