เชลซี 4-2 เลสเตอร์ : เก็บตกหลังเกม สิงห์น้ำเงิน เร่งเครื่องบวก 2 เม็ดทดเจ็บ ทะยานตัดเชือก เอฟเอ คัพ - FEATURE

• รายการ: ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2023/24 รอบก่อนรองชนะเลิศ
• วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม 2567
• สนาม: สแตมฟอร์ด บริดจ์
• ผลการแข่งขัน: เชลซี 4-2 เลสเตอร์ ซิตี้

ระหว่างสิงห์กับจิ้งจอก

ซัดกันมาหนุบหนับนัวเนียพอตัวในช่วงทศวรรษหลัง ก่อนจะมาเว้นวรรคเอาในปีนี้ ที่ เลสเตอร์ กดลิฟท์ลงสู่ อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ

สถิติฟ้องว่า เชลซี ถือไพ่เหนือกว่าค่อนข้างชัด อย่างน้อย 5 เกมหลังที่เจอกันใน พรีเมียร์ลีก เป็นทาง สิงห์ ที่ข่ม จิ้งจอก ด้วยผลชนะ 4 เสมอ 1

อย่างไรก็ตาม รอยแผลเป็นจากเกมเมื่อ 3 ปีก่อน -- 15 พ.ค. 2021 ยังติดตรึงและเอาไม่ออกไปจากหัวใจแฟนบอล เชลซี สักเท่าไหร่เลย

นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2021 เชลซี ของ โธมัส ทูเคิ่ล หมายมั่นปั้นมือจะไปถึงแชมป์ โดยเฉพาะเมื่อเขี่ยตัวเต็งอย่าง แมนฯ ซิตี้ พ้นทางไปในรอบตัดเชือก แต่ปรากฏว่าในเกมที่เวมบลีย์ นอกจากเจาะหลังบ้านจิ้งจอกไม่เข้าแล้ว ก็ยังโดนสวนถึงปลายคาง ยูรี่ ตีเลมันส์ สังหารนำชัยให้ เลสเตอร์ น.63

เป็นความพลิกล็อกและมหัศจรรย์อีกครั้งที่ เลสเตอร์ ทำสำเร็จ ถัดจากแชมป์ พรีเมียร์ลีก ครั้งประวัติศาสตร์เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า

ขยับลำบาก

คล้ายว่า มองไปทางซ้ายล่ะก็ติ๊ด มองไปทางขวาละก็ติด มองไปข้างหน้าล่ะก็ติ๊ด มองไปข้างหลังละก็ติด ติดจนอีรุงตุงนัง มันติดกันจังฉันล่ะงุดละหงิด

นี่คือเรื่องของ "สภาพทีม" ที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ คงต้องทำใจแล้วล่ะว่าซีซั่นนี้ทั้งซีซั่น สลัดปัญหานี้ไม่พ้นแน่ รอดูกันซีซั่นหน้าเลยแล้วกันถึง "ฟูลทีม" แบบที่ เชลซี ควรเป็น

เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, โรมิโอ ลาเวีย, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, รีซ เจมส์, เลสลี่ย์ อูโกชุควู, ลีวาย โคลวิลล์, เบอนัวต์ บาเดียชิล เหล่านี้คือชื่อแข้งสิงห์ที่ขาดหายในเกมนี้

และต้องบวกด้วย เอ็นโซ เฟร์นานเดซ ที่ติดแบน 1 นัด อีกคน

ที่ โปเช็ตติโน่ จะพอทำได้ ก็คือหมุนเวียนแค่บางตำแหน่ง ยึดแกนหลักหน้าเดิมๆ เอาไว้แทบทั้งหมด โรเบิร์ต ซานเชซ ได้สิทธิ์ลงเฝ้าเสาแทน ยอร์เย่ เปโตรวิช ส่วนแดนกลางที่ไม่มี เอ็นโซ ก็ถอย คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ลงต่ำนิด แล้วหย่อน มิไคโล มูดริค ลงไปเป็นหนึ่งในแผงรุก

ปัญหาของจิ้งจอก

ฝั่ง เลสเตอร์ ของ เอ็นโซ มาเรสก้า ก็มีปัญหาสภาพทีมอยู่บางจุดเหมือนกัน โดยเฉพาะแนวรุกที่ไร้ท่านผู้เฒ่า เจมี่ วาร์ดี้ วัย 37 เจ้าของ 15 ประตูซีซั่นนี้

ขาดแค่ไม่กี่คน แต่ก็ดันเป็นคนสำคัญอย่าง วาร์ดี้

ก็ขนาดอายุ 37 ยังยิงกระจาย 15 ลูก ในขณะที่แนวรุกคนอื่นๆ ทำผลงานได้ลดหลั่นกันไป สเตฟี่ มาวิดิดี้ 10, แพ็ตสัน ดาก้า 7, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ 6, อับดุล ฟาตาวู 4

แม้ในทางหนึ่ง อาจเป็นจุดที่ฟ้องถึงปมปัญหาว่า จนป่านนี้ เลสเตอร์ ก็ยังต้องพึ่งพา วาร์ดี้ โดยหาใครมาแทนที่ไม่ได้เลย

แต่ในอีกทางหนึ่ง ก็อาจพูดได้เลยว่า การไม่อยู่ของ วาร์ดี้ ทำให้เกมรุกจิ้งจอกลดพลังลงไปเยอะ

และอาจเป็นจุดที่ทำให้ เลสเตอร์ ต้องหยุดเส้นทางใน เอฟเอ คัพ ปีนี้ไว้เพียงเท่านี้

ยุทธวิธีจู่โจมเร็ว

ก็อาจไม่ได้ถึงกับตั้งใจเซ็ตติ้งให้ เชลซี กลายเป็นทีม "รุกเร็ว" ฉึบฉับว่องไว แต่ปรากฏว่าในช่วงสี่ซ้าห้าเกมหลัง (ถัดจากที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-1 นัดชิง คาราบาว คัพ แล้ว) สิงห์น้ำเงิน เจาะตาข่ายชาวบ้านเขาได้เร็วแทบทั้งสิ้น

• ชนะ ลีดส์ 3-2 ตกเป็นรองไปก่อน น.8 แต่ นิโคลัส แจ๊คสัน ทวงคืนได้ 1-1 น.15
  
  เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 2-2 รอนานนิด แต่เจ้าเดิม นิโคลัส แจ๊คสัน ยิงนำ 1-0 น.35
  
  ชนะ นิวคาสเซิ่ล 3-2 นิโคลัส แจ๊คสัน อีกแล้วครับท่าน เปิดสกอร์นำ 1-0 น.6
  
  ชนะ เลสเตอร์ 4-2 นิโคลัส แจ๊คสัน ไม่ได้ยิง แต่จ่ายถวายพานให้ มาร์ก กูกูเรย่า สอยตาข่าย น.13
  

หนึ่งคือรุกเร็วร้อนแรงฉับไว สองคือ ลูกแรกมาแล้ว ก็ไหลตามมาอย่างสะดวก

จน 4 นัดหลังมานี้ เชลซี ยิงรวม 12 ประตูด้วยกัน

นั่นหมายถึงว่า แม้ปัญหาหอกตัวเป้าจะไม่ถึงกับหายไปเสียทีเดียว แต่ "พลังรุก" ของ เชลซี ก็ไม่ขี้เหร่นะ

ภาพที่แตกต่าง

ไม่ขี้เหร่... นิโคลัส แจ๊คสัน กลายเป็นเล่นดีอย่างต่อเนื่อง และกด 3 ลูกจาก 4 เกมหลังสุด

โคล พาลเมอร์ มาตรฐานสูงปรี๊ด ฝากความหวังได้เต็มที่ทั้งยิงทั้งจ่าย

ตัวเสริมอย่าง มิไคโล มูดริค, โนนี่ มาดูเอเก้ ก็ไม่แย่ รวมถึง คาร์นี่ย์ ชุคเวเมก้า ดาวรุ่งวัย 20 ก็กดแล้ว 2 ประตูจากแค่ 9 เกมในสนาม

แทบทุกจุดของแนวรุกสิงห์ออกมาดี ยกเว้น... ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

หนักกว่าเกมที่แล้ว (3-2 นิวคาสเซิ่ล) ซึ่งเล่นในระดับ 4/10 หรือ 5/10

มานัดนี้ ถ้าไม่มี 1 แอสซิสต์ให้ โคล พาลเมอร์ ยิงลูก 2-0 แล้ว ก็อยากจะตัดเกรด 0 เต็ม 10 ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป!

• - ต้นเกม รับบอลจาก แจ๊คสัน มาส่องเน้นๆ ติดบล็อกง่ายๆ
  
  - จังหวะต่อเนื่อง บอลไปถึง มูดริค ยิงเข้าหาประตู...ติดขา สเตอร์ลิ่ง เต็มใบ
  
  - ได้จุดโทษจากที่ตัวเองโดนตัดล้ม ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารจุดโทษไปติดเซฟ ยาคุบ สโตลาร์ซิค
  
  - ครึ่งหลัง มอยเซส ไคเซโด้ เคาะให้หลุดเดี่ยวไปยิงแบบโล่งๆ มีทั้งพื้นที่และเวลา...กดหลุดกรอบไปเอง
  
  - ฟรีคิกบนเส้นเขตโทษ น.75 (คัลลั่ม ดอยล์ โดนใบแดง) ก็อัดข้ามไปอย่างไร้ทิศทาง
  

อาจดูใจร้ายไปนิดกับเสียงโห่ของแฟน เชลซี เองที่มีต่อ สเตอร์ลิ่ง

แต่ว่ากันตามตรง...เมื่อเล่นได้แค่นี้...

ถูกต้องแล้ว

เลสเตอร์ อาจสร้างความหนักใจให้กับ เชลซี ได้อีกครั้ง และทำให้แฟนๆ สิงห์ใจสั่น แอบเสียวว่าจะไม่ได้ไปต่อ ด้วยการแก้สกอร์จาก 0-2 มาเป็น 2-2

แต่อันที่จริง บทสรุปของเกมที่จบลงด้วยชัยชนะ 4-2 ของ เชลซี ก็ถือว่า "ดีแล้ว" เหมาะสมคู่ควรกับทุกฝ่ายแล้ว

เชลซี ได้ไปต่อ เพื่อลุ้นความสำเร็จเดียวที่ยังเหลือของซีซั่นนี้

เลสเตอร์ ก็ถึงเวลาโยนบอลถ้วยทิ้งไปซะ แล้วมุ่งสมาธิเต็มๆ ไปกับการเลื่อนชั้นกลับสู่ พรีเมียร์ลีก ให้ได้

เพราะจากที่เคยทิ้งห่างผู้ตามอย่างสบาย 11-12 แต้มในช่วงหนึ่ง มาถึงตอนนี้ คดีพลิกกลายเป็น ลีดส์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำจ่าฝูงแทนไปแล้ว!

แรกสุดคือ เลสเตอร์ แผ่วจัดในช่วงหลัง 5 เกมลีกหลังชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 3

ถัดมาคือ ทั้ง ลีดส์ ทั้ง อิปสวิช ต่างก็จ้ำพรวดๆ

และสุดท้ายการที่ เลสเตอร์ ต้องมาเตะ เอฟเอ คัพ จนทำให้ต้องเลื่อนเกม ชปช. สุดสัปดาห์ล่าสุดนี้ออกไป ก็กลายเป็นปัจจัยร่วมทำให้ เลสเตอร์ หล่นจากตำแหน่งจ่าฝูงเป็นการชั่วคราว ทันที

ตารางหัวแถว ชปช. ล่าสุด

ถ้าได้ไปต่อใน เอฟเอ คัพ ก็แหงอยู่แล้วว่า เลสเตอร์ จะต้องแบ่งสมาธิและพละกำลังมาใส่ให้สุดในบอลถ้วย เมื่อเหลืออีกแค่ไม่กี่ก้าวจะถึงเส้นชัย

แต่เมื่อตกแล้วก็จบกัน เป็นเรื่องดีเสียอีกที่จะได้ถึงเวลาโฟกัสกับ ชปช. 100% เต็ม เพื่อดาวดวงนั้น ที่ฝันที่อยากเป็น...

เหมือนเคยกับ 'หลังบ้าน'

เชลซี ตีตั๋วเข้าตัดเชือกแล้ว เท่ากับเหลือ 2 ก้าวเท่านั้น ถึงแชมป์

และจะเป็นการชดเชยจากความพ่ายแพ้ในนัดชิง คาราบาว คัพ เมื่อต้นปี อย่างสวยงาม

อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ในรอบถัดไปของ เชลซี คือ "ของแข็งสุด" อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เตะ 20/21 เม.ย.)

แม้ว่า 2 เกมของซีซั่นนี้ เรือจะกินสิงห์ไม่ลงเลย เสมอ 4-4 กับ 1-1 แต่ก็ไม่ได้มีการันตีใดทั้งสิ้นว่า เชลซี จะได้ผลที่ดีแน่ๆ จากการฟัดเรือ ยก 3 ของซีซั่นนี้

โดยเฉพาะเมื่อปัญหา "เสียง่าย" ยังเป็นของพวกเขาอยู่ ด้วยไม่ว่าจะเปลี่ยนคู่เซนเตอร์แบ็กเป็นคู่ไหน สลับนายทวารเป็นใคร คู่แข่งเล็กหรือใหญ่

เชลซี ก็มี 2 ประตูเสิร์ฟให้ผู้มาเยือนอย่างอิ่มหมีพีมัน

ไม่ต้องสงสัย หากจะยังคงเสีย 2 ประตูในเกมตัดเชือก

ฝันของ เชลซี ก็อาจจบลงที่ตรงนั้น...