อังกฤษ 0-1 บราซิล : เก็บตกหลังเกม แซมบ้า ยุคใหม่ของกุนซือใหม่ บุกสยบสิงโตคำราม ถึงเวมบลีย์ - FEATURE
• แต่สุดท้ายโดนสวนกลับ จนเสียประตูให้ บราซิล จากลูกก้ำกึ่งล้ำหน้า
• เหล่านี้คือสิ่งที่เห็นได้จาก 90 นาทีล่าสุดนี้ที่เวมบลีย์
รายการ: ฟุตบอล กระชับมิตรทีมชาติ
วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567
สนาม: เวมบลีย์
ผลการแข่งขัน: อังกฤษ 0-1 บราซิล
สิงโตกับแซมบ้า
- 2000 (กระชับมิตร) เสมอ 1-1
2002 (ฟุตบอลโลก) บราซิล ชนะ 2-1
2007 (กระชับมิตร) เสมอ 1-1
2009 (กระชับมิตร) บราซิล ชนะ 1-0
2013 (กระชับมิตร) อังกฤษ ชนะ 2-1
2013 (กระชับมิตร) เสมอ 2-2
2017 (กระชับมิตร) เสมอ 0-0
เทียบในแง่ของการอยู่คนละทวีป ถือว่า อังกฤษ กับ บราซิล เจอกัน "บ่อย" ทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงยุคเก่า 60-70-80 โดยจนถึงก่อนเกมนี้ รวมเจอกันมา (ตามที่มีบันทึก) 26 ครั้ง
บราซิล เหนือกว่าชัดที่ชัยชนะ 11 กับเสมอ 11 ที่เหลือ อังกฤษ ชนะได้แค่ 4 เท่านั้น
ยังต่อเนื่องมาในช่วงปีหลังๆ ที่ไม่ว่าเจอกันที่ไหนเมื่อไร บราซิล ก็ข่มอยู่ตลอด -- 7 เกมหลังสุด เมื่อเข้าสู่ยุคมิลเลนเนียมเป็นต้นมา อังกฤษ เป็นฝ่ายกำชัยแค่หนเดียวถ้วน (2013)
ส่วนแผลจากเมื่อปี 2002 แม้จะจางหายไปแล้ว ก็ยังเหลือเป็นเรื่องเล่าเคล้าน้ำเก๊กฮวย กับการไปไม่ถึงดวงดาวของ "ดรีมทีม" สิงโตคำราม เมื่อโดนลูกยิงลูกนั้นของ โรนัลดินโญ่ เข้าไป
ก้าวแรกของ โดริวัล จูเนียร์
สภาพทีมสำหรับเกมวันนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต มีปัญหาอยู่พอตัว ทั้งการขาด แฮร์รี่ เคน, บูกาโย่ ซาก้า, แจ๊ค กรีลิช, ลุค ชอว์, รีซ เจมส์, คีแรน ทริปเปียร์, มาร์ก เกฮี ไปในเกมประเดิมปีใหม่ เตรียมทีมลุย ยูโร 2024 นัดนี้
อาจดูเหมือนเยอะ แต่ "จิ๊บจ๊อย" ไปเลยเมื่อเทียบกับเกมประเดิมงานกุนซือบราซิลของ โดริวัล จูเนียร์ โค้ชวัย 61 จาก เซา เปาโล ที่เข้ามาแทนที่ แฟร์นันโด ดินิซ เมื่อต้นปี
เพราะนี่คือ "ตัวเจ็บ" ที่ โดริวัล จูเนียร์ ไม่อาจใช้งานได้ในการมาเยือน เวมบลีย์ สเตเดี้ยม - เอแดร์ซอน, อลิสซอน, มาร์กินญอส, กาเบรียล มากัลเญส, วานแดร์ซอน, คาโย่ เอ็นริเก้, กาเซมิโร่, โชลินตอน, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, เนย์มาร์
ส่วน กาเบรียล เชซุส, ชูเอา เปโดร, อันโตนี่, มาเตอุส คุนญ่า, ราฟาเอล เวก้า, เอแดร์ มิลิเตา, อเล็กซ์ เตลเลส, เอแมร์ซอน โรยัล, เรนัน โลดี้ ไม่ถูกเรียกมาติดทีม
นับไปนับมาก็ขี้เกียจนับ... และนี่คือเหตุผลว่าทำไม บราซิล ชุดเปิดงานของ โดริวัล จูเนียร์ วันนี้ ถึงเต็มไปด้วย "ใครครับเนี่ย?" เต็มไปหมด
ยิ่งนานวันยิ่งชัด
นี่คือเกมที่ อังกฤษ เล่นได้ไม่แย่ แค่ว่าเจาะหลังบ้าน บราซิล ไม่เข้า และในที่สุดก็โดนสวนเข้าปลายคาง -- ที่ก้ำกึ่งๆ เสียด้วยว่าประตูที่เกิดขึ้น ตกลงแล้วล้ำหน้าหรือไม่อย่างไร
แต่ยิ่งนานวันยิ่งชัด... จู๊ด เบลลิงแฮม กำลังก้าวไปสู่ "อีกระดับ" ของความเป็นยอดนักเตะ
เรอัล มาดริด คิดถูกมากที่คว้าเอา เบลลิงแฮม ไปเสริมทัพ ที่ซึ่งฟุตบอลของ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็เอื้อให้หนุ่มวัย 20 ฉายแสงออกมาอย่างโดดเด่นด้วย จนตอนนี้กดแล้วถึง 20 ประตูจาก 31 นัด
ความดีงามยังต่อยอดมาถึงในช่วงสวมเสื้อสิงโตคำราม ว่า เบลลิงแฮม ก็ "เจ๋งจริง" ไม่อิงนิยาย
เกมนี้ แนวรับ บราซิล ต้องเจองานหนักมากในการรับมือพลังพลุ่งพล่าน การเติมเกมในทุกจังหวะของอดีตแข้ง เบอร์มิงแฮม ซิตี้ และเช่นเดียวกับที่ 3 แดนกลางแซมบ้าก็ต้องคอยเข้าปะทะไล่ตัดเกม เผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งพลังงานแรงสูงของ เบลลิงแฮม ด้วยเช่นกัน
แต่ในขณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อ เบลลิงแฮม ไม่มีสกอร์ และโดยเฉพาะหลังจากถูกถอดออกไปพัก ก็ปรากฏในเรื่องของ "ความต่าง" ขึ้นชัดเจน เมื่อตัวสำรองลงที่มาแทน จาร์ร็อด โบเว่น หรือใคร ก็ไม่ได้อยู่ในระดับมาตรฐานเดียวกัน
อังกฤษ หลังจากไม่มี เบลลิงแฮม แล้ว ความดุดันในเกมรุก ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เช่นเดียวกัน โอลลี่ วัตกิ้นส์ ไม่อาจทดแทน แฮร์รี่ เคน ได้
แม้กระทั่ง ฟิล โฟเด้น ที่วันนี้ถูกวางไว้กราบขวา ก็ยังดูทำอะไรไม่ค่อยได้ และน่าลุ้นว่าถ้าเป็น บูกาโย่ ซาก้า จะเชี่ยวชาญการงานประเภทนี้มากกว่า
อังกฤษ กำลังมาดีแล้ว ขุมกำลังชุดแรกสวยแล้ว จุดเด่นเห็นชัดคือเกมรุกร้อนแรงเร้าใจ
แต่เมื่อพ้นจากทีมตัวจริง ยังเห็นช่องว่างถ่างเป็นคืบ
สำรองที่มี ยังไม่ดีเพียงพอจะเสียบแทนกันได้ในระนาบเดียวกัน
ประเด็นที่ต้องเคลียร์
อีกหนึ่งจุดที่ เซาธ์เกต ต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ คือตำแหน่งแบ็กขวา
ในหลายๆ การยกย่อง แบ็กขวาตัวท็อปโลกนาทีนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถือว่าเข้าข่าย
หนึ่งในแบ็กขวาที่ดีที่สุดของโลกและของอังกฤษ...กลับไม่อยู่ในทีมชาติอังกฤษ
หรือไอ้ครั้นเรียกมาติดทีม ก็ให้สวมเบอร์ 10 ลงเล่นมิดฟิลด์เต็มตัวไปเสียอย่างนั้น (ในเกมก่อนๆ)
เซาธ์เกต คงต้องจัดการในเรื่องนี้ให้ชัด ก่อนที่ ยูโร 2024 จะมาถึง
ตกลงล้ำไม่ล้ำ?
อย่างที่ว่า อังกฤษ ไม่ได้ขี้เหร่เลยกับรูปเกมกลางสนาม
ในหลายๆ จังหวะ พวกเขากด บราซิล อยู่ฝ่ายเดียว และบีบให้ โดริวัล จูเนียร์ ต้องติดตั้งระบบ "รับแล้วโต้" ให้กับทีมแชมป์โลก 5 สมัย
ประตูตัดสินเกมที่ได้ในนาทีที่ 80 ก็เช่นเดียวกัน เป็นจังหวะโต้กลับเร็วที่กองหลังอังกฤษโขกสกัดไม่ขาด จน วินิซิอุส จูเนียร์ ควบบอลเข้าไปส่องติดเซฟ จอร์แดน พิคฟอร์ด และลูกเด้งเข้าทาง เอ็นดริค สังหารเข้าไป
1. ในความก้ำกึ่งล้ำหน้า ตามความเห็นของผู้เขียน จังหวะนี้ก็ล้ำหน้าจริง ล้ำตั้งแต่การออกบอลแรกขึ้นหน้าแล้ว
2. แต่ในมุมของวีเออาร์และ "ความเห็น" ของทีมผู้ตัดสิน จังหวะออกบอลแรกขึ้นหน้า แม้ เอ็นดริค จะยืนเหลื่อมอยู่ ก็ไม่มีส่วนร่วม บอลเป็นของ วินิซิอุส จนกระทั่งลูกติดเซฟมาเข้าทาง ณ ตรงนั้น เอ็นดริค ยืนเท่าๆ กับ วินิซิอุส อยู่พอดี
ประตูที่เกิดขึ้น ทำให้ อังกฤษ แพ้เกมลับแข้งคาบ้านเป็นครั้งแรก นับแต่ มี.ค. 2016 ที่แพ้ เนเธอร์แลนด์ 1-2 และหยุดสถิติไร้พ่ายในบ้านไว้ที่ 18 นัด
'เอ็นดริค'
เห็นได้ชัดว่า เจ้าหนูวัย 17 ลงสนามไปอย่างสดชื่น ครึกครื้นกระดี๊กระด๊า กับการลงสำรองในนาทีที่ 71 เพื่อแทนที่ โรดรีโก้ โกเอส
มีทั้งจังหวะโชว์ลีลา โชว์พลัง โชว์ความกระตือรือร้นและกระหายที่จะโชว์ผลงาน
จนในที่สุดก็เป็นเจ้าของประตูชัย
นี่คือลูกยิงที่ทำให้ "เอ็นดริค เฟลิเป้ โมเรยร่า เด ซูซ่า" เปิดสกอร์แรกกับทีมชาติชุดใหญ่ ในวัย 17 ปีกับอีก 246 วัน เท่านั้น
ที่น่าสนใจมากขึ้นอีก คือในช่วงกลางปีนี้ เอ็นดริค จะอายุครบ 18
และเวลานั้น เขาจะย้ายจาก พัลไมรัส ไปสู่ เรอัล มาดริด อย่างเป็นทางการ (60+12 ล้านยูโร)
เอ็นดริค - วินิซิอุส - โรดรีโก้ - เบลลิงแฮม สนับสนุนเกมรุกให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เข้าจบสกอร์
ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม...
ที่เห็นและจะเป็นไป
การแพ้นัดนี้ของ อังกฤษ แม้น่าเสียดายอยู่หน่อยๆ ว่าที่จริงก็เล่นได้โอเคแล้ว ดันมาเสียประตูเอาในช่วงท้าย
แต่ก็แน่นอนว่า บทเรียนบางอย่างจะถูกนำไปปรับแก้ ในฐานะของการที่เป็น "เกมใหญ่" ซึ่ง อังกฤษ ไม่ได้ผ่านมาเยอะนัก
บททดสอบถัดไปของ อังกฤษ มีรออยู่ในวันอังคารที่จะถึงนี้ กับเกมพบ เบลเยียม ที่ชัวร์แล้วว่า แฮร์รี่ เคน ยังคงไม่พร้อม และกลับสู่ บาเยิร์น มิวนิค ไปแล้ว
ส่วน บราซิล แม้จะกำชัย แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่ "โล่งอก" ไม่ได้หรอก โดริวัล จูเนียร์ ยังมีงานให้ต้องทำอีกเยอะ เพื่อไขว่คว้าวันคืนเก่าๆ กลับมา
นัดถัดไป บราซิล จะเตะกับ สเปน 26 มี.ค. นี้เช่นกัน
ก็คงได้เห็นกันเพิ่มเติมว่า "ยุคสมัยใหม่" ของอดีตแชมป์โลกผู้น่าเกรงขาม มีย่างก้าวเป็นอย่างไรแน่