อังกฤษ 2-0 ฟินแลนด์ : เก็บตกหลังเกม ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก นัด สิงโตคำราม ปราบคู่แข่งไม่ลำบาก แฮร์รี่ เคน หวิดแฮตทริก
• ไม่ว่ามุมไหน อังกฤษ ก็ดีกว่าทั้งหมด เป็นการออกตัวที่ยอดเยี่ยม 2 เกมแรกของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก
• และนี่คือหลายๆ สิ่งที่พอมองเห็นได้จากเกมนี้
รายการ: ฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2024/25
วันแข่งขัน: จันทร์ 10 กันยายน 2567
สนาม: เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน : อังกฤษ 2-0 ฟินแลนด์
เปลี่ยนน้อย (กว่าที่คิด)
ในการกะเก็งของผู้เขียน รวมถึงสื่อหลายเจ้า มองว่า ไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่ที่ ลี คาร์สลี่ย์ จะ "จัดเต็ม" กับเกมนี้ ภายหลังอัด ไอร์แลนด์ สวยๆ มาแล้วเป็นการเปิดตัว แม้ว่านัดนี้จะถือเป็น "เกมแรกในบ้าน" ในเวมบลีย์ สำหรับ อังกฤษ ยุคเปลี่ยนผ่าน ก็ตาม
บางสำนักเชื่อว่า มีโอกาสที่ คาร์สลี่ย์ จะ "เปลี่ยนทั้งยวง" 10-11 คน เพื่อ 1) พักบรรดาตัวหลักไม่ให้บอบช้ำ เลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับสโมสรต้นสังกัด, 2) เพื่อจะได้เห็นฟอร์มของบรรดาตัวสำรองและดาวรุ่งจากทีมเด็ก ในการเล่นชุดใหญ่แบบเต็มๆ และ 3) กับทีมอย่าง ฟินแลนด์ ไม่เห็นต้องซีเรียส!
กระนั้นสุดท้ายแล้ว คาร์สลี่ย์ เลือกจะเปลี่ยนไม่มากนัก แค่หลังบ้านกับตรงกลางเล็กน้อย ริโก้ ลูอิส แทนที่ ลีวาย โคลวิลล์ ที่แบ็กซ้าย คู่เซนเตอร์สลับเป็น จอห์น สโตนส์ - เอซรี่ คอนซ่า และแดนกลางพัก ค็อบบี้ เมนู เปิดทางให้รุ่นพี่ (24) อังเคล โกเมส ได้ลองเชิงบ้าง
นอกนั้น คงเดิม 7 ตำแหน่งที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แจ๊ค กรีลิช, ดีแคลน ไรซ์ และ 3 แนวรุก แอนโธนี่ กอร์ดอน, บูกาโย่ ซาก้า, แฮร์รี่ เคน
ผ่านฉลุย
เมื่อไลน์อัพตัวจริงออกมาแบบนี้ จุดที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ ก็อยู่ที่ อังเคล โกเมส สำหรับการประเดิมตัวจริงนัดแรกกับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ รวมถึง ริโก้ ลูอิส เด็กปั้นวัย 19 จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แต่ท้ายสุด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ "ผ่านฉลุย" กรุยกรายเฉิดฉายบนพรมแดงด้วยกันทั้งคู่
อังเคล โกเมส ทำประโยชน์ทั้งรุกรับ เป็นอีกคนที่ช่วยให้แดนกลางของ อังกฤษ เอาชนะ ฟินแลนด์ แบบเบ็ดเสร็จ จนเหมือนนัดนี้ไม่ใช่เกมประเดิมตัวจริงกับชุดใหญ่แต่อย่างใด
ริโก้ ลูอิส เล่นได้อย่างน่าประทับใจในบทบาทของ อินเวิร์ต-ฟูลแบ็ก ที่มักขยับเข้าช่วยเกมตรงกลางเมื่อเป็นฝ่ายรุก เป็นอีกคนที่ช่วยให้เกมของ อังกฤษ ข่มทีมเยือนแบบมิดด้าม ทั้งยังมีโอกาสได้ส่องเองบางครั้งด้วย
สำหรับ โกเมส จนถึงตอนนี้ชัดเจนว่าการเลือกอำลา แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแสวงหาโอกาสลงตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ และลองลิ้มชิมรสฟุตบอลแบบใหม่ๆ ที่ฝรั่งเศส คือการเลือกที่ "ถูกต้อง" เมื่อมิดฟิลด์วัย 24 สอบผ่านกับ ลีลล์ เรียบร้อยแล้วจนกลายเป็นตัวหลักแดนกลางของต้นสังกัด (เล่นแล้ว 118 นัดใน 3 ปีเศษ)
และตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โกเมส จะกลายเป็นตัวเลือกแดนกลางของ คาร์สลี่ย์ ไปยาวๆ -- โดยไม่ต้องมีคำอ้างแบบของใคร (กันนะ?) อีกว่า หาตัวตายตัวแทนของ แคลวิน ฟิลลิปส์ ไม่ได้
ขณะที่ ลูอิส ก็ชัดเจนว่านี่แหละ ตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็กซ้าย โดยไม่ต้องคิดถึง 2 แบ็กกระดูกยุงอย่าง ลุค ชอว์ กับ เบน ชิลเวลล์ ให้เสียเวลา
และนอกเหนือไปจาก 2 คนนี้ ก็ควรถือว่านักเตะอังกฤษ สอบผ่านแทบทั้งหมด สำหรับ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2 เกมแรกที่ผ่านไปนี้
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเสียดายของบางแข้งสิงโต เช่น คอเนอร์ กัลลาเกอร์, ติโน่ ลิฟราเมนโต้ และ 2 ประตูสำรอง นิค โป๊ป กับ ดีน เฮนเดอร์สัน ที่ตลอด 2 เกม ไม่ถูกใช้งานเลยแม้แต่นาทีเดียว
ไม่ควร (แค่) 2-0
อย่างที่ว่าไว้ในเกมก่อน ที่กะซวก ไอร์แลนด์ 2-0 ถึงที่ ว่า อังกฤษ เตรียมกลับมาขยี้ ฟินแลนด์ ได้เลยกับการเปิด เวมบลีย์ ลงดวลในวันนี้
เพราะมาตรฐานของ 2 ฝั่งแตกต่างกันมาก และ อังกฤษ ก็ไม่ควรมาคลุกฝุ่นใน ลีกบี นี่ตั้งแต่แรก -- แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่ควรกล้าๆ ทำทีมตกชั้นลงมาแต่อย่างใด
ครึ่งแรก ฟินแลนด์ ยังพอมีโอกาสตั้งเกมสวนเข้าหาอยู่บ้าง และมีจังหวะยิง 2 ครั้ง แม้ไม่ตรงกรอบแต่ก็พอลุ้นๆ เสียวๆ อยู่นิดหน่อย
แต่ครึ่งหลัง ไม่ว่าจะเงยหน้ามองจอกี่ครั้ง ก็เจอการเซ็ตเกมของ อังกฤษ แบบพับสนามเข้าใส่
สุดท้าย นี่คือเกมที่ อังกฤษ เดินหน้าได้อย่างสบายใจ มีเปอร์เซ็นต์ครองบอลสูงถึง 79% และสร้างโอกาสจบได้ถึง 22 ครั้ง
ถ้าไม่ได้การเซฟแล้วเซฟอีก (โดยเฉพาะตอนยัง 0-0) ของ ลูคัส ฮราเด็คกี้ จอมหนึบจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ช่วย ฟินแลนด์ เอาไว้ สกอร์จะถ่างขึ้นมากกว่า 2-0 ไปไกลแน่นอน
ฉลอง 100 นัด
นอกจากการสวมปลอกแขนกัปตันทีม นำขบวนสิงโตคำรามลงสนามนัดนี้แล้ว ยังถือเป็นวาระพิเศษ การเล่นทีมชาติชุดใหญ่ครบ 100 นัดของ แฮร์รี่ เคน ด้วย
และต้องถือเป็นเกมที่ "น่าจดจำ" ของดาวยิงวัย 31 ไปในที่สุด
อย่างที่ว่า นี่คือเกมที่ ลูคัส ฮราเด็คกี้ เฉิดฉายสมกับการเป็นตัวเก่งจากทีมแชมป์ บุนเดสลีกา
แฮร์รี่ เคน มีโอกาสใส่เต็มข้อล่อเต็มแข้งอยู่ 2-3 หน ทั้งในครึ่งแรกและต้นครึ่งหลัง แต่ถูกขวางไว้โดย ฮราเด็คกี้ ทั้งหมด
จนกระทั่งนาที 57 ถึงได้สร้างจังหวะชงเองกินเอง ล็อกหนีกองหลังแล้วส่องเต็มแรงแสกหน้า ฮราเด็คกี้ กระแทกคานบนเข้าประตู เปิดสกอร์นำ 1-0
และนาที 76 โนนี่ มาดูเอเก้ เคาะสั้นๆ ให้ เคน ตวัดยิงไม่จับส่งลูกพุ่งผ่านมือ ฮราเด็คกี้ เข้าไปไม่เหลือเป็น 2-0
นี่คือประตูที่ 67 และ 68 แล้วของ เคน ในการรับใช้ชาติ 100 นัด
ลำพังตอนนี้ เคน ก็ยืนแท่นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทัพ ทรี ไลออนส์ อยู่แล้ว และนับวันก็จะมีแต่เพิ่มสถิติมากขึ้นและมากขึ้น
มองจากสายตา ณ ตอนนี้ เคน ยังอยู่โยงเล่นทีมชาติได้อีก 3-4 ปีเป็นอย่างน้อย เพราะฉะนั้น จากค่าเฉลี่ยยิงปี (ปฏิทิน) ละประมาณ 7-8 ลูก (พีคสุดคือ 16 ประตูในปี 2021) เท่ากับจนกว่าจะเลิกเล่น คงได้มีเพิ่มอีก 25 ประตูอย่างต่ำๆ
ดีไม่ดี จะทะลุ 100 ลูกเอาได้ ใครจะรู้
9-12-15-18
ย้ำคำเดิมจากครั้งก่อน ว่า อังกฤษ จะคว้าแชมป์กลุ่ม เลื่อนชั้นกลับสู่ ลีกเอ แน่นอน เมื่อเพื่อนร่วมกลุ่มใน ลีกบี ซีซั่นนี้ของพวกเขา ก็มีแต่ทีมเกรดบี ตามการจำแนกลีก
6 แต้มเข้ามือไปแล้ว และเดี๋ยวจะมาเพิ่มอีกเป็นลำดับ 9 - 12 - 15 และ 18
คิวเตะเดือนหน้า (10, 13 ต.ค.) เหย้า กรีซ / เยือน ฟินแลนด์
ปิดท้ายปลายปี (14, 17 พ.ย.) เยือน กรีซ / เหย้า ไอร์แลนด์
เรื่องชนะรวด ไม่ยากเกินจะทำไหว และไม่ควรถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจหากเกิดขึ้นจริง
รอดูกันกลางเดือนหน้า ว่าแต้มที่ 9 กับ 12 จะมาจริงหรือไม่อย่างไร