เอฟซี โคเปนเฮเก้น 1-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ประเด็นหลังเกมแชมเปี้ยนส์ลีก เรือใบสีฟ้า คว้าชัยเลกแรกรอบ 16 ทีม
- เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ฟิล โฟเด้น ยิงให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกเอาชนะ เอฟซี โคเปนเฮเก้น 3-1
- "เรือใบสีฟ้า" กุมความได้เปรียบก่อนทั้งสองทีมจะลงเตะในเลกสองที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม วันที่ 6 มีนาคมนี้
โดย Asree Samuyae
รายการ | ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2023/24 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก |
---|---|
วันแข่งขัน | วันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 |
สนาม | พาร์เค่น สเตเดี้ยม |
ผลการแข่งขัน | เอฟซี โคเปนเฮเก้น 1-3 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ |
ประตูจาก เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ฟิล โฟเด้น ช่วยให้แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกเอาชนะ เอฟซี โคเปนเฮเก้น 3-1 ในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก
แมนฯ ซิตี้ ครองเกมได้โดยสิ้นเชิงและขึ้นนำก่อนจาก เดอ บรอยน์ ในเกมที่ แจ็ค กรีลิช ได้รับบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม
แม้ว่า แม็กนุส แมตต์สสัน ฉกโอกาสจากความผิดพลาดของ เอแดร์ซอน แล้วยิงตีเสมอให้ โคเปนเฮเก้น ได้ แต่สุดท้าย แบร์นาร์โด้ และ โฟเด้น ยิงสองลูกพา "เรือใบสีฟ้า" คว้าชัยได้ในท้ายที่สุด
เลกที่สองจะเล่นกันที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 6 มีนาคม ส่วนประเด็นในเลกแรกมีดังต่อไปนี้
แจ็ค กรีลิช ลงตัวจริงแต่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บ
นาน ๆ ทีจะได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง แต่ แจ็ค กรีลิช ดันโชคร้ายได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวตั้งแต่นาทีที่ 21
นับเป็นฤดูกาลที่ไม่น่าจดจำนักสำหรับแนวรุกทีมชาติอังกฤษ เนื่องจากเขาต้องดิ้นรนกับปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง แถมยังถูก เฌเรมี่ โดกู ที่เพิ่งย้ายมาช่วงซัมเมอร์แย่งตำแหน่งไปด้วย
กรีลิช เพิ่งได้ลงตัวจริงเป็นเกมที่ 19 จากทั้งหมดที่ลงสนามไปทั้งสิ้น 26 นัดรวมทุกรายการ และฝากผลงานอันน้อยนิดด้วยการทำไปเพียง 3 ประตูและ 2 แอสซิสต์เท่านั้น
น่าเป็นห่วงสำหรับดาวเตะวัย 28 ปี ว่าอาการเจ็บของเขาจะส่งผลมากน้อยแค่ไหน แม้คงไม่ถูกหมางเมินติดทีมชาติอังกฤษไปยูโร 2024 แต่หากยังเจ็บออด ๆ แอด ๆ แบบนี้ต่อไป เขาก็คงไม่ได้รับการันตีเช่นกัน
ขุมกำลังที่เกือบกลับมาเต็มสูบอีกครั้ง
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีขุมกำลังที่เกือบเต็มสูบก่อนเกมไปเยือน โคเปนเฮเก้น แต่กลับไม่มีชื่อของ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ปราการหลังชาวโครแอต
เทรนเนอร์ชาวสแปนิชเปิดเผยหลังจบเกมว่า กวาร์ดิโอล อาจต้องพักราว 2-3 สัปดาห์ จากอาการเจ็บที่ข้อเท้า
อย่างไรก็ตาม กวาร์ดิโอล่า ยืนยันด้วยว่า กรีลิช ที่เจ็บขาหนีบยังต้องลุ้นตามอาการกันต่อไป และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวช่วงท้ายเกมเจ็บข้อเท้าไม่ได้อะไรซีเรียส
กระนั้นเมื่อมองภาพรวมแล้วการได้ เควิน เดอ บรอยน์ และ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กลับมาต่างหากที่ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ดูเป็นทีมที่น่ากลัวและยกระดับกว่า 2 เดือนที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
เควิน เดอ บรอยน์ กลับมาด้วยสถิติอันน่าทึ่ง
นับเป็นข่าวดีกับการกลับมาของ เดอ บรอยน์ หลังเจ็บไปนานตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาล แต่อิมแพ็คของเขาปรากฎอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเกมที่เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน เมื่อมิดฟิลด์ชาวเบลเยียมถูกส่งลงเป็นตัวสำรอง
หลังทำ 1 ประตู 1 แอสซิสต์ใส่ โคเปนเฮเก้น ตอนนี้ เดอ บรอยน์ ทำไปแล้ว 2 ประตูและ 7 แอสซิสต์จากการลงสนาม 7 เกมนับตั้งแต่กลับมาจากอาการบาดเจ็บ โดยเกมนี้เขายิงขึ้นนำและแอสซิสต์ให้ ฟิล โฟเด้น ยิงตอกฝาโลง
ที่จริง เดอ บรอยน์ มีส่วนร่วมกับประตู 2-1 ของ แบร์นาร์โด้ เช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาทำไปแล้ว 15 ประตูในแชมเปี้ยนส์ลีกในสีเสื้อ "เรือใบสีฟ้า" และมันเกิดขึ้นในรอบน็อคเอาท์มากถึง 12 ประตูเลยทีเดียว
แมนฯ ซิตี้ ทำลายอีก 2 สถิติในแชมเปี้ยนส์ลีก
แมนฯ ซิตี้ เดินหน้าทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดทุบอีก 2 สถิติใหม่ในแชมเปี้ยนส์ลีก จากการบุกเอาชนะ โคเปนเฮเก้น 3-1
จำนวนประตูดังกล่าวทำให้ แมนฯ ซิตี้ กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของศึกแชมเปี้ยนส์ลีกที่ยิงได้อย่างน้อย 3 ประตูเป็นเกมที่ 7 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ แมนฯ ซิตี้ ยังกลายเป็นสโมสรแรกจากอังกฤษที่เก็บชัยชนะ 9 นัดติดต่อกันในถ้วยบิ๊กเอียร์อีกด้วย ซึ่งผลงานดังกล่าวต่อเนื่องจากการเอาชนะ เรอัล มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ เลกสอง เมื่อซีซั่นที่แล้ว