ฟูแล่ม 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เก็บตกประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก เรือใบสีฟ้า บุกเฉือนขึ้นนำจ่าฝูง
โดย Asree Samuyae
รายการ: ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2022/23
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2023
สนาม: คราเวน คอทเทจ
ผลการแข่งขัน: ฟูแล่ม 1-2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
แมนฯ ซิตี้ รอดพ้นอีกหนึ่งบททดสอบปูทางป้องกันแชมป์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รอดพ้นจากการทดสอบที่ยากลำบากในการป้องกันตำแหน่งแชมป์ หลังจากบุกเอาชนะ ฟูแล่ม ทีมที่ลุ้นพื้นที่ยุโรปด้วยสกอร์ 2-1 และแซงหน้า อาร์เซนอล กลับไปเป็นจ่าฝูงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน
หลังจากถล่ม อาร์เซนอล 4-1 เมื่อกลางสัปดาห์ ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า รู้ดีว่าชัยชนะที่ คราเวน คอทเทจ จะพาพวกเขาแซงหน้าทีมปืนใหญ่
เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ยิงจุดโทษขึ้นนำก่อน ซึ่งดูเผิน ๆ คิดว่า แมนฯ ซิตี้ น่าจะชนะได้สบาย ๆ จากการนำเร็ว แต่จากนั้น คาร์ลอส วินิซิอุส ก็มายิงตีเสมอได้
มันชวนให้นึกถึงเกมที่ แมนฯ ซิตี้ เสมอกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-1 ซึ่งเป็นเกมที่พวกเขาโดน อาร์เซนอล แซงขึ้นไปเป็นจ่าฝูงในเดือนกุมภาพันธ์
แต่เรือใบสีฟ้าไม่มีการสะดุดซ้ำอีก เมื่อได้ ฮูเลียน อัลวาเรซ ยิงไกลสุดสวยเป็นประตูชัย ช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยชนะในลีกเป็นนัดที่ 8 ติดต่อกันได้สำเร็จ
เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ทาบสถิติยิงเยอะสุดในลีกฤดูกาลเดียว
ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะเพื่อน ๆ รอบข้างเต็มไปด้วยคุณภาพก็มีส่วน แต่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็สุดยอดด้วยตัวของเขาเอง หลังจากล่าสุดเดินหน้าทำสถิติได้อย่างต่อเนื่อง
หัวหอกชาวนอร์เวย์ทาบสถิติของ อลัน เชียเรอร์ และ แอนดี้ โคล ยิงประตูได้มากที่สุดในลีกฤดูกาลเดียว ด้วยจำนวน 34 ประตู และด้วยเกมที่เหลืออีกตั้ง 6 นัด ทำให้เขามีโอกาสสูงมาก ๆ ที่จะทำลายสถิติดังกล่าว
ด้วยจำนวน 50 ประตู ยังทำให้ ฮาแลนด์ ทำลายสถิติผู้เล่นพรีเมียร์ลีกที่ทำประตูมากที่สุดรวมทุกรายการในฤดูกาลเดียวเช่นกัน โดยแซงหน้า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เคยทำไว้ในปี 2017/18 และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ในปี 2002/03 (44 ประตู)
เซาธ์แฮมป์ตัน, เอฟเวอร์ตัน, วูล์ฟส์, น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ เชลซี ล้วนทำประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้น้อยกว่า ฮาแลนด์
ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ ฮาแลนด์ มีสถิติยิงได้ 1 ประตูทุก ๆ 70.9 นาที และหากเขายังคงทำสถิติดังกล่าวได้ต่อไป เขาจะจบฤดูกาลด้วยจำนวน 42 ประตูในพรีเมียร์ลีก
ฮูเลียน อัลวาเรซ ควรได้เป็นตัวจริง
การพกดีกรีแชมป์โลก, เบียดชนะ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ และเป็นตัวจริงแทบตลอดให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า บ่งบอกว่าคุณไม่ใช่นักเตะที่ธรรมดาเลย แต่มันคงยากที่จะแย่งตำแหน่งในสโมสรได้เมื่อคุณมี เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ยืนขางหน้า
ฮูเลียน อัลวาเรซ แสดงให้เห็นตลอดว่าเขาเป็นนักเตะที่มีคุณภาพ และสร้างผลงานที่น่าประทับใจเมื่อถูกส่งลงสนาม แม้ส่วนใหญ่แล้วการลงเล่นของเขาเกิดขึ้นในฐานะตัวสำรองก็ตาม
เกมนี้ อัลวาเรซ ได้รับโอกาสลงตัวจริง หลังจาก เควิน เดอ บรอยน์ มีอาการบาดเจ็บ ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ได้ใช้หัวหอกชาวอาร์เจนไตน์เล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์จ๋าขนาดนั้น
หลายครั้งเราได้เห็น อัลวาเรซ ยืนเทียบเคียง ฮาแลนด์ ด้วยซ้ำ ความขยัน, ความทุ่มเท และการสร้างสรรค์โอกาส คืออีกจุดเด่นของเขา นอกเหนือจากการยิงประตู ชวนให้เรานึกถึง เซร์คิโอ อเกวโร่
อัลวาเรซ เป็นคนเรียกจุดโทษให้ ฮาแลนด์ ยิงขึ้นนำ ก่อนที่ตัวเองจะมาซัดประตูสุดสวย เป็นประตูชัยให้ แมนฯ ซิตี้ คว้า 3 แต้มสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าหลังจบเกมนี้ กวาร์ดิโอล่า คงต้องคิดใหม่เรื่องการส่งแข้งรายนี้อยู่ใน 11 ตัวจริง
การขาด เควิน เดอ บรอยน์ เกือบทำ แมนฯ ซิตี้ อดคว้า 3 แต้ม
แฟนบอลแมนฯ ซิตี้ อาจยินดีที่ ฮูเลียน อัลวาเรซ เติมเต็มช่องว่างของ เควิน เดอ บรอยน์ ได้อย่างยอดเยี่ยม และมีส่วนร่วมกับสองประตูในเกมเจอ ฟูแล่ม
แต่ถ้าหากมองดูจริง ๆ แล้ว เรือใบสีฟ้าไม่ได้ไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น หากเทียบกับตอนที่ เดอ บรอยน์ อยู่ในสนาม นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเจอเกมตื้อ ๆ หรือเกมรับที่เหนียวแน่นจากคู่แข่งแล้วการจ่ายบอลคิลเลอร์พาสของมิดฟิลด์ชาวเบลเยียมคืออาวุธเด็ดที่ช่วย แมนฯ ซิตี้ หลายต่อหลายครั้ง
แมนฯ ซิตี้ ไม่มีนักเตะที่สามารถจ่ายบอลได้มีคุณภาพใกล้เคียงกับ เดอ บรอยน์ เลย มิหนำซ้ำการขาดแข้งรายนี้ไป การเล่นของพวกเขาเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
การชนะ ฟูแล่ม อาจเป็นเรื่องยินดี แต่หากยังขาด เดอ บรอยน์ ต่อไปไม่ใช่ข่าวดีสำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แน่ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามีเกมสำคัญต้องเจอ เรอัล มาดริด ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่ง แมนฯ ซิตี้ ต่างหวังว่าจะคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ได้