สเปน 2-1 เยอรมนี : เก็บตกหลังเกม ยูโร 2024 นัดเจ้าภาพไปไม่รอด กระทิงดุทะลุตัดเชือก - FEATURE
• สเปน ได้ไปต่อ ทิ้งความเจ็บช้ำและคราบน้ำตาให้กับเจ้าภาพ เยอรมนี
• และนี่คือหลายๆ สิ่งที่พอมองเห็นได้จากเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูโร 2024 แมตช์นี้
รายการ: ฟุตบอล ยูโร 2024 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน: วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567
สนาม: เอ็มเอชพี อารีน่า, สตุ๊ตการ์ท
ผลการแข่งขัน : 90 นาทีเสมอ 1-1, ต่อเวลาพิเศษ สเปน ชนะ เยอรมนี 2-1
ภูมิแพ้เจ้าภาพ
สำคัญกว่าผลการพบกันของทั้งสองฝั่ง (9-9-9, เสมอ 1-1 บอลโลกที่กาตาร์) คือการที่ สเปน มีสถิติการเจอกับ "เจ้าภาพ" ที่ย่ำแย่อย่างใจหาย
ทั้ง ยูโร ทั้ง ฟุตบอลโลก
ผลงานการเจอกับชาติเจ้าภาพ คือรอยตำหนิใหญ่ของทัพกระทิงดุ แบบที่ไม่เคยเลือนหาย
- ฟุตบอลโลก 1934 สเปน เสมอ อิตาลี แล้วแพ้นัดรีเพลย์ 0-1
ฟุตบอลโลก 1950 สเปน แพ้ บราซิล 1-6
ยูโร 1980 สเปน เสมอ อิตาลี 0-0
ยูโร 1984 แพ้ ฝรั่งเศส 0-2 (นัดชิง)
ยูโร 1988 แพ้ เยอรมนีตะวันตก 0-2
ยูโร 1996 เสมอ อังกฤษ 0-0, แพ้จุดโทษ 2-4
ฟุตบอลโลก 2002 เสมอ เกาหลีใต้ 0-0, แพ้จุดโทษ 3-5
ยูโร 2004 แพ้ โปรตุเกส 0-1
ฟุตบอลโลก 2018 เสมอ รัสเซีย 0-0, แพ้จุดโทษ 3-4
9 นัด 90 ปี ชนะเจ้าภาพไม่เป็น
แล้วก็ไม่มีวลีฝรั่งที่ว่า "เท็นไทม์ลัคกี้ - ครั้งที่ 10 โชคดี" อะไรซะด้วย...
เกมที่น่าอึดอัด
ไม่ได้ผิดไปจากที่คาด ทั้งไลน์อัพและรูปทรงที่เกมเป็นไป
จะมีผิดไปหน่อยก็แค่ เอ็มเร่ ชาน ได้เสียบลง 11 คนแรกแทน โรเบิร์ต อันดริช
ด้วยการที่ต่างฝ่ายต่างมีคุณภาพสูง ทันกัน และหลังบ้านก็แน่นหนาไม่ต่างกันนัก นั่นทำให้รูปเกมเป็นไปอย่างน่าอึดอัดสำหรับทั้งสองฝ่าย
แม้โอกาสจบจะพอมี แต่ก็มักเป็นการส่องไกล
ซึ่งไม่ได้ยากเกินกว่าที่ทั้ง มานูเอล นอยเออร์ และ อูไน ซิมอน จะปัดป้องพ้นไปได้
ครึ่งแรกออกทรงนี้ เชื่อได้ว่าหลายคนคงคิด "0-0 มาแน่"
และเกิดถ้ามีประตูขึ้นกับฝั่งหนึ่งฝั่งใด เกมก็มีสิทธิ์จบทันที
ถ้าไม่เสียก็ไม่แพ้
บางที ฟุตบอลก็ง่ายๆ แค่นี้ -- ถ้าไม่เสียก็ไม่แพ้
จากที่รูปทรงของเกมออกอึดอัดๆ โอกาสทองของสองฝั่งแทบไม่มีมา
ปัญหาก็คือ เมื่อครึ่งหลังเริ่มเล่นกันได้แวบเดียว เยอรมนี ก็... "โด๊นแหล่ว"
จังหวะขึ้นเกมทางขวา ลามีน ยามัล ไอ้หนูเด็กระเบิดวัย 17 ปาดเข้าใน ดานี่ โอลโม่ (ที่ลงแทน เปดรี้ เจ็บตั้งแต่ 7 นาทีแรก) โผเข้ากระแทกเปรี้ยงตัดหน้า โรเบิร์ต อันดริช (ที่เพิ่งลงมา) โดยที่ลูกได้ทั้งน้ำหนักและทิศทางให้ผ่านมือ นอยเออร์ พอดิบพอดี
เป็นประตูที่ 2 ของ โอลโม่ และแอสซิสต์ที่ 3 ของ ยามัล ใน ยูโร 2024
และยังเป็นอีกครั้งที่ เยอรมนี ต้องตกเป็นฝ่ายตามหลัง เหมือนในเกมเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 นัดปิดรอบแบ่งกลุ่ม
และเกือบๆ จะเหมือนในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ โยอาคิม อันเดอร์เซ่น ยิงเข้าให้ เดนมาร์ก แล้ว แต่โดนริบไปเพราะ VAR จับล้ำปลายเท้า โธมัส เดอลานีย์
อย่างที่ว่า เกมคู่คี่ลักษณะนี้ ถ้ามีประตูขึ้นกับฝั่งหนึ่งฝั่งใด เกมมีสิทธิ์จบทันที
ซึ่งด้วยความทื่อมะลื่อไม่รู้จบของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ก็ทำให้มองออกยากมากว่า เยอรมนี จะกลับมาได้ทันเวลา
เจอยักษ์ครั้งแรก
แต่ก่อนที่ชัยชนะจะตกเป็นของ สเปน ใน 90 นาที
ซูเปอร์ซับอย่าง ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ก็ตวัดยิงลูกโขกชงของ โยชัว คิมมิช เข้าเสาสอง เปลี่ยนสกอร์เป็น 1-1 ในนาที 89
แต่กระนั้น ก่อนที่เกมจะออกเสมอใน 120 นาที และต้องดวลจุดโทษตัดสิน
ซูเปอร์ฟักกลิ้งฮีโร่ซับแหมนอย่าง มิเกล เมริโน่ ก็โผขึ้นโขกลูกเปิดของ ดานี่ โอลโม่ จมตาข่ายนาที 119 ก่อนหมดช่วงต่อเวลาแค่อึดใจ!
อย่างที่เคยว่าไว้เป๊ะ...
ว่าการที่เจ้าภาพจะไปได้ไกลแค่ไหนในยูโรหนนี้ หนึ่งคือต้องดูกันไปในแต่ละวัน แต่ละเกม ว่าจะงัดฟอร์มดีๆ ออกมาได้หรือไม่อย่างไร และสองคือ คู่แข่งที่จะต้องเจอในรอบน็อกเอาต์ จะแข็งโป้กขนาดไหน
สเปน? อิตาลี? เนเธอร์แลนด์? โปรตุเกส? ฝรั่งเศส? อังกฤษ? ทีมเหล่านี้คือบททดสอบสำคัญสุดที่จะบอกได้ว่า เยอรมนี พร้อมขนาดไหนสำหรับการไปถึงแชมป์ยุโรปสมัย 4 และแชมป์ที่รอคอยมาตั้งแต่ 1996
ก็เรียบร้อย... ผ่านทีมเกรดรองๆ ลงไปอย่าง สกอตแลนด์, ฮังการี, สวิตเซอร์แลนด์ และ เดนมาร์ก มาได้อย่างราบรื่น
แต่เมื่อเจอของแข็งอย่าง สเปน เข้าครั้งเดียว ก็เป็นอันจบเห่ทันทีสำหรับ เยอรมนี
กองหน้าผ้าเย็น
หนึ่งในปัจจัยหลักสำคัญที่ทำให้ เยอรมนี ตกรอบแรก ฟุตบอลโลก 2022 เป็นเพราะการขาดแคลนกองหน้าตัวจบสกอร์ระดับคุณภาพ แม้ว่าที่สุดแล้ว ทั้ง ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ นิคลาส ฟุลล์ครุก จะยิงได้คนละ 2 ลูกที่กาตาร์ก็ตาม
จาก โยกี้ เลิฟ สู่ ฮันซี่ ฟลิค และกลายมาเป็น ยูเลียน นาเกิลส์มันน์
โทษที...ปัญหา "ไร้ดาวยิง" ของ เยอรมนี ก็ยังคงอยู่ ไม่ได้จางหายไปไหน
ท่วงท่า ลีลาการเล่นของ ไค ฮาแวร์ตซ์ อาจมีประโยชน์ก็จริง ประสานงานต่อเกม เชื่อมเกมรุกกับเพื่อน สร้างโอกาสให้เพื่อนได้ ก็จริง
แต่เมื่อเป็น "จังหวะจบของตัวเอง" แล้ว ก็จอดไม่ต้องแจว
เกมกับ เดนมาร์ก ถ้าไม่ได้จุดโทษ ฮาแวร์ตซ์ จะยิงได้กี่โมงจากโอกาสจบทั้งหมด 4 ครั้ง
ส่วนเกมนี้ ก็อีก 4-5 โอกาสที่หลุดลอย -- ถ้าไม่ยิงเบาหยองเข้ามือ อูไน ซิมอน ก็งัดโด่งข้ามคานไปเสีย
บางที ข้อผิดพลาดมากที่สุดของ นาเกิลส์มันน์ ในการคุมอินทรีเหล็ก คงอยู่ที่การตัดสินใจเกี่ยวกับ ฮาแวร์ตซ์ นี่เอง
ว่าอุตส่าห์ถอยไปยืน "แบ็กซ้าย" แล้วทั้งที ดันกลับขึ้นมาหน้าเป้าอีกทำไม?!?
ขอให้โชคดี โทนี่ โครส
แม้ปากจะบอกไว้ก่อนเตะว่า "เกมนี้ยังไม่ใช่นัดสุดท้าย" ในเส้นทางอาชีพของตัวเอง แต่ โทนี่ โครส ก็ต้องยอมรับในท้ายที่สุดว่า สเปน คู่ควรจะได้ไปต่อมากกว่า เยอรมนี
น่าทึ่งนิดหน่อยตรงที่ การเตะฟรีคิกครั้งสุดท้ายของเกม (ที่บอลลอยเข้ามือ อูไน ซิมอน) ก็มาจากปลายเท้าของ โครส นี่เอง
เพราะชีวิตก็แบบนี้... มันจะประสบความสำเร็จไปทุกอย่างก็คงไม่ได้
ปิดฉาก 465 นัดกับ เรอัล มาดริด ด้วยดับเบิ้ลแชมป์ และปิดฉาก 114 เกมกับ เยอรมนี ด้วยคราบน้ำตา
ถ้าไม่มีการหักเลี้ยว กลับใจกระทันหันหลังจากนี้ ก็ขอให้โชคดีกับทุกทางที่เลือกเดิน
ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง, หนึ่งในกองกลางที่ชาญฉลาดที่สุดของโลกลูกหนัง, โทนี่ โครส
เท่าที่จะพอมี
เยอรมนี สิ้นสุดการผจญภัยใน ยูโร 2024 ลงแต่เพียงเท่านี้ และแชมป์ยุโรปสมัย 4 ที่รอคอยมาตั้งแต่ปี 1996 ก็ยังต้องรอคอยกันต่อไปอีก 4 ปีเป็นอย่างน้อย
ส่วน สเปน ได้ไปต่อในรอบตัดเชือก ที่จะพบกับ ฝรั่งเศส (อังคาร 9 ก.ค.)
แต่ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ เตรียมต้องจัดทัพแบบ "เท่าที่จะพอมี" สำหรับเกมสุดสำคัญในรอบถัดไป นั่นเพราะ...
- โรแบ็ง เลอ นอร์กม็องด์ สะสมใบเหลืองครบโควตา ติดแบน 1 นัด
อัลบาโร่ โมราต้า สะสมใบเหลืองครบโควตา ติดแบน 1 นัด
ดานี่ การ์บาฆัล โดน 2 เหลืองรับ 1 แดง ติดแบน 1 นัด
และยังมี เปดรี้ ที่คงต้องพักยาว กลับมาเล่นทัวร์นาเมนต์นี้ไม่ได้อีก
อย่างน้อย 4 ตำแหน่งที่ สเปน จะต้องปรับในเกมหน้า
จับตาดูไปพร้อมกัน อังคารหน้านี้ ว่าการ "ไม่ฟูลทีม" ของ สเปน จะมีคำตอบอย่างไรรออยู่ปลายทาง
ระหว่าง "เข้าชิง" กับ "กลับบ้าน" ร่วงตัดเชือก ไม่มีชิงที่ 3 นะครับนะ...