ลิเวอร์พูล 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก หงส์แดง เปิดบ้านแบ่งแต้ม เรือใบ สุดมันส์
- จอห์น สโตนส์ ยิงให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำก่อนในครึ่งแรก แต่ ลิเวอร์พูล ตีเสมอในครึ่งหลังจากจุดโทษของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เสมอกันไป 1-1
- ผลการแข่งขันแบบนี้ทำให้ อาร์เซนอล จบสัปดาห์นี้ด้วยการรั้งจ่าฝูงมี 64 แต้มจาก 28 เกม
- ลิเวอร์พูล ตามาเป็นรองจ่าฝูงด้วยคะแนนเท่ากัน แต่ประตูได้เสียน้อยกว่า ส่วน แมนฯ ซิตี้ ตามมาติด ๆ ที่ 63 แต้ม
โดย Asree Samuyae
รายการ | พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 |
---|---|
วันแข่งขัน | วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2567 |
สนาม | แอนฟิลด์ |
ผลการแข่งขัน | ลิเวอร์พูล 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ |
บอลฝั่งละครึ่งที่สนุกสมกับเป็นทีมลุ้นแชมป์จริง ๆ จอห์น สโตนส์ ยิงให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำก่อนในครึ่งแรก แต่เริ่มครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีเสมอจากจุดโทษของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เสมอกันไป 1-1
ลิเวอร์พูล บุกกดแทบฝ่ายเดียวเลยในครึ่งหลัง แต่ไม่คมพอ ขณะที่ เฌเรมี่ โดกู ก็เกือบเป็นซูเปอร์ซับให้ แมนฯ ซิตี้ เมื่อยิงไปชนเสา สุดท้ายแบ่งแต้มกันสมานฉันท์
ผลการแข่งขันแบบนี้ทำให้ อาร์เซนอล รั้งจ่าฝูงของศึก พรีเมียร์ลีก มี 64 แต้มจาก 28 เกม เท่ากับ ลิเวอร์พูล แต่ประตูได้เสียดีกว่า ส่วน แมนฯ ซิตี้ ตามมาติด ๆ ที่ 63 แต้ม
การดวลกันหนสุดท้ายระหว่าง ลิเวอร์พูล vs แมนฯ ซิตี้ ในยุคคล็อปป์?
เยอร์เก้น คล็อปป์ ประกาศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าเขาจะอำลาตำแหน่งกุนซือของ ลิเวอร์พูล หลังฤดูกาลนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันคือหนึ่งในไฮไลท์ที่ถูกพูดถึงก่อนเกม
นี่คือเกมพรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นัดสุดท้ายที่ คล็อปป์ กุมบังเหียนให้ "หงส์แดง" แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้วทั้งสองยังมีโอกาสเจอกันในศึกเอฟเอ คัพ ในรอบลึก ๆ ก็ตาม
คล็อปป์ และ กวาร์ดิโอล่า เจอกันมากกว่าผู้จัดการทีมคู่อื่น ๆ ด้วยจำนวนทั้งหมด 29 ครั้ง
ที่น่าสนใจคือ คล็อปป์ ชนะได้มากถึง 11 ครั้ง ซึ่งมากสุดในบรรดากุนซือที่ดวลกับ กวาร์ดิโอล่า ในทางกลับกัน กวาร์ดิโอล่า เอาชนะ คล็อปป์ 10 ครั้ง ซึ่งมากสุดในบรรดากุนซือที่เจอเทรนเนอร์ชาวเยอรมันเช่นกัน
โอเพ่นเพลย์ว่าดีแล้ว ยังมีเซตพีซเป็นทีเด็ดอีก
จังหวะประตูขึ้นนำของ แมนฯ ซิตี้ ถูกพูดถึงและชื่นชมไม่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นทีมที่เล่นจังหวะโอเพ่นเพลย์ได้ดีแล้ว พวกเขาก็ยังมีลูกสูตรจากลูกตั้งเตะอีกด้วย
เควิน เดอ บรอยน์ เปิดเตะมุมเรียด ๆ ให้ จอห์น สโตนส์ ซัดเข้าไป โดยมี นาธาน อาเก้ คอยสกรีนบังทาง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
ภาพช้ามันยังแสดงให้เห็นจังหวะดีใจของ กวาร์ดิโอล่า ที่ชี้นิ้วไปยังซุ้มม้านั่ง โดยเชื่อว่าเป็น คาร์ลอส วิเซนส์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม และ แจ็ค วิลสัน ฝ่ายวิเคราะห์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการซ้อมลูกเซตพีซของทีม
มันแสดงให้เห็นว่า กวาร์ดิโอล่า คลั่งฟุตบอลมากขนาดไหน เพราะเขามักจะมีกลยุทธ์ใหม่ ๆ ให้เห็นอยู่เป็นประจำ
เดอ บรอยน์ ไม่พอใจโดนเปลี่ยนตัวออก?
เป็นหนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึง เพราะตัวสร้างสรรค์เกมอันตรายระดับโลกอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ กลับถูกเปลี่ยนตัวออกเพื่อหลีกทางให้ มาเตโอ โควาซิช ลงไปเล่นแทน
มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียมแสดงท่าทางไม่พอใจอย่างชัดเจน จนทำให้ กวาร์ดิโอล่า ต้องเข้าไปอธิบายเหตุผล ซึ่งเทรนเนอร์ชาวสแปนิชยืนยันว่าเขาไม่ได้โกรธอะไรลูกทีมรายนี้
"ผมดีใจที่ได้เห็นสิ่งนี้! ผมชอบนะถ้าเขาอารมณ์เสียแบบนั้น ตอนนี้เขาแฮปปี้แล้ว ผมรู้ว่าเราพลาดอะไรไป เราเก็บบอลไม่ได้" กวาร์ดิโอล่า กล่าว
"มันไม่เกี่ยวกับการเพรสซิ่งหรอก แต่ โควาซิช เก่งเรื่องนี้มาก เราแฮปปี้กับ เควิน มันไม่ใช่ปัญหาเลย เราโอเคดี"
เอแดร์ซอน รอดพ้นจากการโดนใบแดง
เอแดร์ซอน รอดพ้นจากจากการโดนไล่ออก หลังจากไปเตะ ดาร์วิน นูนเญซ แบบเต็ม ๆ จนเสียจุดโทษ
นาธาน อาเก้ จ่ายคืนหลังไม่ดีจนโดน นูนเญซ แย่งได้ก่อนถึง เอแดร์ซอน ที่ไม่มีทางเลือกมากนักนอกจากเตะสกัดล้มลง และเป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ซัดจุดโทษตีเสมอ
แม้จะมีการเรียกร้องให้ใบแดง เอแดร์ซอน แต่ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เลือกแจกเพียงใบเหลืองเท่านั้น เนื่องจากมองว่า นูนเญซ ไม่ได้มุ่งหน้าสู่ประตู
ตามกฎระบุว่าหากผู้เล่นพยายามแย่งบอลด้วยการเข้าสกัด จะมีการออกใบเหลืองเท่านั้น และการสกัดของ เอแดร์ซอน ก็ไม่ได้มีน้ำหนักพอจะเป็นใบแดงได้
ลิเวอร์พูล ไม่ได้จุดโทษช่วงท้ายเกม
ประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโซเชียลตอนนี้เมื่อ โอลิเวอร์ เมินให้จุดโทษแก่ ลิเวอร์พูล จากจังหวะที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ โดน เฌเรมี่ โดกู ยกเท้าสกัดโดนแถวหน้าอกของมิดฟิลด์ชาวอาร์เจนไตน์จนล้มลงในเขตโทษ
มีการตรวจสอบโดย VAR ก่อนที่การตัดสินใจในสนามของ โอลิเวอร์ จะได้รับการอนุมัติ และเกมก็จบลงในที่สุด
"เป็นจุดโทษที่ชัดเจน ในทุกตำแหน่งในสนาม ถือเป็นจังหวะฟาวล์และเป็นใบเหลืองด้วยซ้ำ" คล็อปป์ พูดถึงจังหวะดังกล่าว
ขณะที่ แกรี่ เนวิลล์ กูรูชื่อดังที่วิเคราะห์เกมนี้ บอกว่า "เขา (โดกู) โชคดีมาก ๆ เลยนะ"