ลิเวอร์พูล 3-0 เซาแธมป์ตัน: เก็บตกหลังเกม เอฟเอ คัพ หงส์แดง ส่งเด็กอัด นักบุญ ผ่านเข้ารอบ

เซาแธมป์ตัน มาดีเกินคาด

เกมนี้หากใครดูสกอร์กับรูปเกมในช่วงแรกต้องบอกเลยว่าต่างกันอย่างสิ้นเชิงเพราะเกมนี้ทีมเยือนกลับเป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่อย่างหนักในครึ่งเวลาแรกด้วยสไตล์การเล่นที่เน้นต่อบอลเท้าสู่เท้าจากหน้าประตูซึ่งใช้ไม่กี่จังหวะก็สามารถทะลุแดนกลางไปถึงแดนหน้าได้อย่างรวดเร็ว โดยต้องชมผู้เล่นแดนกลางของพวกเขาที่สามารถเอาตัวรอดจากการไล่บีบสูงได้ดีจนเอาชนะกลางของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างอยู่หมัด แต่... เสียอย่างเดียวที่วันนี้พวกเขาจบไม่ลงจากโอกาสที่มีมิฉนั้นเกมคงจะสนุกสูสีกว่านี้เป็นแน่

ลิเวอร์พูล กับดาวรุ่งที่รอวันฉายแสง

เกมนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ รักษาสัญญาที่บอกว่าจะใช้ดาวรุ่งลงสนาม ซึ่งเกมนี้พวกเขาใช้นักเตะที่ดันขึ้นมาจากทีมชุดเยาวชนถึง 9 คนรวมตัวสำรอง โดยในช่วงแรกอาจจะยังจูนกันไม่ติดจนโดนทีมเยือนบุกเข้าใส่อย่างหนัก แต่พอเริ่มตั้งตัวได้บวกกับประตูแรกที่มีโชคช่วงท้ายครึ่งแรกทำให้พวกเขาเล่นได้ผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติมากขึ้น หากดูจากผลงานวันนี้หลายคนก็มีแววจะไปต่อได้โดยเฉพาะกองหน้าอย่าง เจย์เดน แดนนส์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแต่กดสองประตูให้ทีมได้ในเกมวันนี้

คล็อปป์ แก้เกมตรงจุด

เกมนี้ครึ่งแรกกับครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วนเลยก็ว่าได้เพราะช่วงแรกเหล่าดาวรุ่งของ ลิเวอร์พูล เครื่องดูจะยังไม่ร้อนแถมยังโดนทีมเยือนบุกเข้าใส่อย่างหนัก แต่ก็มีจุดเปลี่ยนอยู่ที่ประตูแรกท้ายครึ่งแรกที่ได้มาจากโชคช่วยกับการยิงไปแฉลบเปลี่ยนทางเข้าประตูของ ลูวิส คูมาส ทำให้พวกเขาคลายความกดดันไปได้พอสมควร อีกทั้งครึ่งหลัง คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง อิบราฮิมา โคนาเต้ ลงมาแทน ฟาน ไดจ์ค และโยกมายืนฝั่งขวาสลับกับ ควอนซาห์ เพื่อจับตาย อามาดีน ซูเลมานา ที่ครึ่งแรกผลงานแพรวพราวพอสมควรซึ่งก็ทำได้อย่างอยู่หมัด แถมการลงมาของ อเล็กซิส แมค อัลลิสเตอร์ และ เจย์เดน แดนนส์ ก็เพิ่มมิติในเกมรุกได้อย่างชัดเจนก่อนจะคุมเกมได้เบ็ดเสร็จและบวกเพิ่มได้อีกสองลูกในครึ่งหลัง

สถิติใหม่ดาวรุ่ง หงส์แดง

เกมนี้ คล็อปป์ ตัดสินใจส่ง เทรย์ เอนโยนี ดาวรุ่งวัย 16 ปีลงสนามมาในครึ่งหลังซึ่งนั่นทำให้เจ้าตัวทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่น เอฟเอ คัพ ในประวัติศาสตร์สโมสรด้วยวัยเพียง 16 ปีกับ 243 วัน ซึ่งน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 สำหรับนักเตะที่อายุน้อยสุดที่ประเดิมทีมชุดใหญ่ให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นรองเพียง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ (16 ปีกับ 174 วัน) และ เจโรม ซินแคลร์ (16 ปีกับ 6 วัน) เท่านั้น

แดงเดือด รออยู่

ชัยชนะในเกมนี้ส่งให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ ในปีนี้ได้สำเร็จ ซึ่งคู่แข่งในรอบถัดไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคูปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งจะเอาชนะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ มาได้และดวงสมพงษ์จับมาเจอกันพอดิบพอดี โดยโปรแกรมการแข่งขันจะลงเล่นที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 16 มีนาคมที่จะถึงนี้เวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย