ลิเวอร์พูล 4-2 สเปอร์ส : เก็บตกหลังเกม พรีเมียร์ลีก หงส์แดง เปิดบ้านสอย ไก่เดือยทอง

  • ลิเวอร์พูล เอาชนะ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ไปได้ 4-2 เกม พรีดมียร์ลีก คืนวันอาทิตย์
  • หงส์แดง กลับมาคว้า 3 คะแนนได้เป็นเกมแรกหลังจากสะดุดมาสองนัดติดต่อกัน
  • ไก่เดือยทอง แพ้รวด 4 เกมในลีกติดต่อกันเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี
FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-TOTTENHAM
FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-TOTTENHAM / DARREN STAPLES/GettyImages
facebooktwitterreddit

รายการ

พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2023/24

วันแข่งขัน

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2024

สนาม

แอนฟิลด์

ผลการแข่งขัน

ลิเวอร์พูล 4-2 สเปอร์ส


ลิเวอร์พูล คืนฟอร์ม

หลังจากผลงานน่าผิดหวังมาหลายเกมวันนี้ ลิเวอร์พูล กลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งกับผลงานการเล่นอย่างมีชีวิตชีวาไร้ความกดดันไหลลื่นไม่อึดอัดโดยเฉพาะเกมรุกที่วันนี้ดูจะเฉียบคมเป็นพิเศษ แม้จะยังมีพลาดบ้างแต่ก็ดีกว่านัดก่อน ๆ ที่ยิงนกตกปลาชนิดที่ยิงเข้ากรอบนับครั้งได้ แถมวันนี้พวกเขายังไล่ต้อนทีมอย่าง สเปอร์ส ไปก่อนถึง 4 ลูก แม้ช่วงท้ายจะมีแอบเสียวจากการโดนตีคืนมาสองลูก แต่ก็ยังดีพอจะคว้า 3 คะแนนไปได้ นี่จึงเห็นได้ชัดเลยว่าความกดดันจากการลุ้นแชมป์ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นอย่างแท้จริง เพราะเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรต้องลุ้นและเล่นเพื่อแฟนบอลเพื่อสโมสร ทุกอย่างจึงออกมาดีเป็นธรรมชาติเหมือนดังเกมนัดนี้

Liverpool FC v Tottenham Hotspur - Premier League
Liverpool FC v Tottenham Hotspur - Premier League / Stu Forster/GettyImages

สเปอร์ส วางแผนผิดพลาด

เกมนี้ อันจ์ โปสเตโคกลู จัดการปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นจากเกมก่อนที่พ่ายต่อ เชลซี มายืนแบบ 4-3-3 เอากองหน้าตัวเป้าออกแล้วใส่กองกลางเพิ่มขึ้นมาอีกคนโดยหวังว่าจะเล่นได้รัดกุมมากยิ่งขึ้น แถมยังพักตัวหลัก ๆ อย่าง ริชาร์ลิซอน และ เจมส์ แมดดิสัน ไว้บนม้านั่งอีกด้วย นั่นจึงทำให้เกมรุกของพวกเขาเงียบกริบไร้ความน่ากลัวอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะในครึ่งแรก แถมเกมรับยังสับสน ต่อบอลเชื่อมเกมจากแดนตัวเองไม่ได้เลย เอแมร์ซอน รอยัล ก็กลายเป็นบ่อให้ ลิเวอร์พูล รุมเจาะเข้าทำ กระทั่งสุดท้ายพวกเขาก็ต้องยอมปรับมาเล่น 4-2-3-1 ตามแบบที่ถนัดซึ่งก็เป็นที่มาของ 2 ประตูในช่วงครึ่งหลัง แถมยังกดดันแนวรับของ ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างดีสร้างโอกาสสวย ๆ ได้หลายครั้ง ซึ่งไม่แน่ว่าหากพวกเขาไม่อินดี้แล้วยังยึดมั่นแนวการเล่นแบบเดิม บางทีเกมอาจไม่จบลงแบบนี้

Ange Postecoglou
Liverpool FC v Tottenham Hotspur - Premier League / Stu Forster/GettyImages

คล็อปป์ เปลี่ยนตัวทำหวาดเสียว

เกมนี้หลังจาก ลิเวอร์พูล นำขาด 4-0 ตั้งแต่นาทีที่ 60 เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็จัดการเปลี่ยนตัวหลักออกและส่งตัวสำรองอย่าง โจ โกเมซ สเตฟาน ไบจ์เซติช ไรอัน กราเวนเบิร์ช และ ดาร์วิน นูนเญซ ลงสนาม ซึ่งหลายคนคงคิดว่าคงไม่เป็นอะไรเพราะเกมก็ขาดไปแล้ว แถมพวกนี้ก็เป็นตัวหลักที่ถูกเรียกใช้งานอยู่ประจำ แต่ที่ไหนได้ สเปอร์ส ที่หลังชนฝาพวกเขายังไม่ถอดใจและเปิดเกมบุกเข้าใส่อย่างหนัก การส่งตัวหลักอย่าง เจมส์ แมดดิสัน และ ริชาร์ลิซอน ลงสนามมารวมถึงการสลับตำแหน่งในเกมรุกโยก ซน กลับมายืนริมเส้นสลับฝั่งกับ เบรนเนน จอห์นสัน ทำให้ท้ายเกม สเปอร์ส แทบจะพับสนามบุกใส่แล้วก็สามารถตีคืนได้ถึง 2 ลูกในเวลาไม่นาน แน่นอนนั่นทำให้เกมที่ดูสบาย ๆ กลับตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังดีที่เวลามันเหลือไม่มากพอกับจำนวนประตูที่ที่ ไก่เดือยทอง ต้องพยายามทำให้ได้ ซึ่งหากเล่นต่ออีก 10 หรือ 20 นาทีไม่แน่ หงส์แดง อาจถึงขั้นไม่ชนะเกมนี้ก็เป็นได้

Jurgen Klopp
West Ham United v Liverpool FC - Premier League / Visionhaus/GettyImages

ซาลาห์ ยังจำเป็นอยู่ไหม ?

ก่อนเกมนี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับอนาคตของ โม ซาลาห์ จากการที่ในเกมนัดก่อนเจ้าตัวถูกดรอปเป็นตัวสำรองและแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนแถมยังมีปากเสียงกับ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วงที่กำลังจะถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม ซึ่งหลายคนก็ต่างจับตาดูว่าในเกมนี้ผลงานของเขาจะเป็นอย่างไร ภาษากายของเขากับเพื่อนร่วมทีมยังดีเหมือนเดิมหรือไม่ แล้วก็อย่างที่ทราบกันว่าเกมนี้สตาร์ชาวอิยิปต์กลับมาคืนฟอร์มเก่งได้อีกครั้งทั้งการสร้างสรรค์เกมรวมถึงจังหวะจบสกอร์ที่เริ่มกลับมาเฉียบคม แต่ทีสำคัญคือสีหน้าที่ยิ้มแย้มและภาษากายที่พอจะเดาได้ว่าเขาน่าจะยังคงมีความสุขกับสโมสร ฉนั้นหากจะกลับมาที่คำถามว่า หงส์แดง ยังจำเป็นต้องมี ซาลาห์ อยู่หรือไม่ หากเป็นช่วงเดือนก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะมองว่าการขายไปน่าดีกว่าเสียฟรีฤดูกาลหน้า แต่หลังจากฟอร์มวันนี้บางคนอาจมองเปลี่ยนไป บางทีความเก๋าประสบการณ์ของเขาน่าจะยังมีดีมากพอจะช่วยทีมในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านกับผู้จัดการทีมคนใหม่ในฤดูกาลหน้า

Mohamed Salah, Virgil van Dijk
Liverpool FC v Tottenham Hotspur - Premier League / Stu Forster/GettyImages