แมนฯ ซิตี้ 1-1 ลิเวอร์พูล : ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัดบิ๊กแมตช์ เจ๊ากันสมานฉันท์ - FEATURE
- เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ยิงให้ แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำก่อนในครึ่งแรก
- เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงตีเสมอให้ ลิเวอร์พูล ช่วงท้ายเกม
- แมนฯ ซิตี้ หล่นรองจ่าฝูง หลัง อาร์เซนอล เก็บชัยชนะได้ในวันเดียวกัน
โดย Asree Samuyae
รายการ | พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 |
---|---|
วันแข่งขัน | วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566 |
สนาม | เอติฮัด สเตเดี้ยม |
ผลการแข่งขัน | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ลิเวอร์พูล |
เทรนท์ มีส่วนทั้งประตูที่เสียและประตูตีเสมอ
นี่ไม่ใช่เกมที่ง่ายเลยสำหรับรองกัปตันทีมลิเวอร์พูล อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีฤดูกาลที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมในตำแหน่งแบ็คขวาแบบอินเวิร์ท ซึ่ง เยอร์เก้น คล็อปป์ จับไปเล่นเพื่อให้เขาเข้ามาหุบมาช่วยแดนกลาง
กระนั้นเขาเจอบททดสอบที่ยากลำบากเมื่อต้องรับมือกับ เฌเรมี่ โดกู ซึ่งตอนแรกฟูลแบ็คทีมชาติอังกฤษโดนคู่แข่งพาทัวร์เป็นว่าเล่นเลย ก่อนค่อย ๆ ปรับตัวและฝากผลงานที่น่าประทับใจด้วยการแย่งบอลจากฝ่ายตรงข้ามได้มากถึง 9 ครั้ง
แม้ว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มีส่วนกับประตูที่เสียไป เมื่อปล่อยให้ นาธาน อาเก้ เลี้ยงผ่านไปได้ง่าย ๆ ก่อนจ่ายให้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ทำประตู แต่เขาก็มาแก้ตัวด้วยการเติมขึ้นไปรับลูกจ่ายของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงผ่านมือ เอแดร์ซอน เป็นประตูตีเสมอได้สำเร็จ
"เป็นเรื่องดีเสมอที่ได้ฉลองประตูต่อหน้าแฟนบอล การได้เห็นสีหน้าของทุกคนเป็นเรื่องตลกจริง ๆ" อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กล่าวหลังทำประตูสำคัญให้ ลิเวอร์พูล
สถิติสุดเถื่อนของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์
ผลงาน 50 ประตู จากการลงเล่นเพียง 48 นัด เป็นสถิติที่น่าทึ่งสำหรับนักเตะคน ๆ เดียว ซึ่งทำให้เขาทำสถิติยิงได้ถึงจำนวนดังกล่าวได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
แอนดี้ โคล เคยเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ยอดเยี่ยม และเขาต้องใช้เวลา 65 เกม ก่อนจะยิงได้ถึง 50 ประตู ขณะที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย อีกหนึ่งอดีตหัวหอกฝีเท้าคมใช้เวลาไป 68 เกม
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำลายสถิติมากมาย แต่ลงเล่น 72 นัด กว่าจะยิงได้ถึง 50 ลูก อย่างไรก็ดีสำหรับ ฮาแลนด์ แล้ว เขายังลงสนามไม่ถึง 50 นัดด้วยซ้ำก็ยิงได้ถึงครึ่งร้อยแล้วในลีกสูงสุดอังกฤษ
กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ทำลายสถิติทุกที่ที่เขาไปอยู่ เพราะก่อนหน้านี้เขายิงได้ถึง 50 ประตูได้เร็วที่สุดในบุนเดสลีกา และยิงแตะ 30 ลูกได้เร็วสุดในแชมเปี้ยนส์ลีกอีกด้วย
ความสมดุลแผงมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล
"ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ถูกสร้างขึ้นมาให้วิ่งและโจมตีในกรอบเขตโทษอย่างรวดเร็ว" กวาร์ดิโอล่า กล่าวก่อนเกม
มันเป็นจุดที่ คล็อปป์ อยากให้ลูกทีมของเขาเป็น แต่ "หงส์แดง" ก็มุ่งมั่นที่จะครองบอลมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงแผงกองกลางในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมามีแต่จะพัฒนาต่อไปเท่านั้น
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิค โซบอสซ์ไล และ เคอร์ติส โจนส์ ได้รับโอกาสออกสตาร์ทร่วมกันในแผงกองกลาง ซึ่งในแง่ของความสมบูรณ์แบบแล้วมันยังห่างไกลจากกองกลางในอุดมคติของช่วงหลายปีที่ผ่านมา
คล็อปป์ รู้ดีว่าทีมของเขาไม่สามารถครองบอลสู้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ แต่ทั้งสามมีความสามารถในการเอาตัวรอดเมื่อตกอยู่ภายใต้ความกดดัน เพราะงั้นพวกเขามีความสำคัญอย่างมากในเกมนี้
เกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม แสดงให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมรับมือกับความกดดัน, รับบอลจากแนวลึกแดนตัวเอง แล้วมองหาโอกาสเพื่อโจมตีอย่างรวดเร็ว ก็ใช่ มันไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก แต่รวม ๆ กันแล้วมันดูลงตัว
โดยเฉพาะในรายของ แม็ค อัลลิสเตอร์ แม้ถูกจับเล่นมิดฟิลด์เบอร์ 6 เป็นส่วนใหญ่ตั้งแต่ย้ายมา แต่เกมนี้เขาฝากสถิติที่น่าประทับใจด้วยการดักสกัดบอล 2 ครั้ง, เข้าแท็คเกิ้ล 3 ครั้ง และจ่ายบอลแม่นยำถึง 93.2% ซึ่งมากสุดในทีมเลยทีเดียว
เฌเรมี่ โดกู ทำผลงานได้น่าประทับใจอีกครั้ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แจ็ค กรีลิช เป็นนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม เขาคือหนึ่งในนักเตะอุดมคติของเหล่าผู้จัดการทีม แต่ปีกเจ้าของค่าตัว 100 ล้านปอนด์ ต้องดิ้นสร้างอิมแพ็คให้กับ แมนฯ ซิตี้ และตอนนี้ตำแหน่งของเขาตกเป็นของ เฌเรมี่ โดกู เป็นที่เรียบยร้อย
โดกู สร้างความประทับใจตั้งแต่ย้ายมาจาก แรนส์ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นเรื่องความเร็วและทักษะอันแพรวพราว ทำให้เขาเป็นทั้งตัวรุกที่น่าจับตามอง
ไม่แปลกเลยที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะเอาไม่อยู่ในหลาย ๆ ครั้ง จน คล็อปป์ ต้องสั่งให้ โซบอสซ์ไล เข้าไปช่วยเกมรับด้วย
ทุกครั้งที่ โดกู ได้บอลเลี้ยงจากริมเส้น เราต่างมีความหวังว่าดาวเตะวัย 21 ปี จะสร้างโอกาสให้เพื่อได้แน่ และหลาย ๆ ครั้งก็เป็นเช่นนั้น เสียดายที่เกมนี้เขาไม่มีแอสซิสต์
ม้านั่งสำรองของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ม้านั่งสำรองเกมรับของ แมนฯ ซิตี้ แข็งแกร่งมาก ๆ นักเตะระดับ จอห์น สโตนส์ และ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ซึ่งมีค่าตัวรวมกันมากกว่า 140 ล้านปอนด์ มีชื่อเป็นเพียงตัวสำรอง
แต่ในแง่ของตัวรุกที่สามารถแก้เกมได้นั้นไม่มีให้เห็นเลย โดยมีเพียง ออสการ์ บ็อบบ์ ดาวรุ่งวัย 20 ปีเท่านั้นที่เป็นแนวรุก และเทียบไม่ได้กับฝั่งของ ลิเวอร์พูล ซึ่งมีทั้ง หลุยส์ ดิอาซ, โคกี้ กัคโป และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์
นั่นคือเหตุผลที่ กวาร์ดิโอล่า เลือกไม่เปลี่ยนนักเตะคนไหนลงไปแก้เกมเลย แน่นอนว่ามันอาจเป็นปัญหาสำหรับ "เรือใบสีฟ้า" ได้แน่ ถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดทั้งฤดูกาล