แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เอฟเวอร์ตัน : ประเด็นหลังเกมพรีเมียร์ลีก เรือใบสีฟ้า คว้า 3 แต้มตามเป้า

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก้าวขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของศึก พรีเมียร์ลีก ชั่วคราว หลังจากที่ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เหมาสองประตูในครึ่งหลังให้แชมป์เก่าเปิดบ้านเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0 แม้ว่าจะหล่นรองจ่าฝูงหลัง ลิเวอร์พูล คว้าชัยในภายหลังก็ตาม

ตอนนี้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่แพ้ใครในรังเหย้าของตัวเองมา 32 เกมติดต่อกันแล้ว หรือยาวนานถึง 15 เดือน

และต่อไปนี้คือประเด็นที่เรามองเห็นจากเกมล่าสุดที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม

เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ทำลายอีกหนึ่งสถิติ

ฮาแลนด์ แทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลย และแนวรับของเอฟเวอร์ตันก็จัดการหัวหอกชาวนอร์เวย์ได้อยู่หมัดในช่วงครึ่งแรก แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเขาต้องการแค่โอกาสครั้งเดียวเท่านั้นเพื่อเปลี่ยนให้มันเป็นประตู

เอฟเวอร์ตัน เคลียร์บอลในจังหวะเตะมุมได้ไม่ดีพอ และเมื่อบอลพุ่งเข้าทาง ฮาแลนด์ พวกเขาก็ทราบดีว่าผลที่ตามมานั้นเป็นยังไง

ศูนย์หน้าวัย 23 ปี ทำประตูแรกให้กับตัวเองนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็เอาชนะ จาร์ราด แบรนธ์เวต กองหลังเนื้อหอม ด้วยการฉีกกระชากซึ่ง ๆ หน้าเพื่อไปล่อเป้า จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไปอย่างโรคจิต

หลังยิงประตูได้ในเกมนี้ ฮาแลนด์ ทำลายสถิติเป็นคนแรกที่ยิง 50 ประตูจากการออกสตาร์ทตัวจริง 50 เกมในพรีเมียร์ลีก ไม่รู้ว่าสถิตินี้จะมีใครล้มล้างมันได้อีก

เฌเรมี่ โดกู ดีขึ้นเรื่อย ๆ จน แจ็ค กรีลิช ตกที่นั่งลำบาก

ในขณะที่ ฮาแลนด์ แทบจะสร้างความอันตรายไม่ได้เลยในครึ่งแรก เฌเรมี่ โดกู เป็นอาวุธสำคัญให้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เขาคือฝันร้ายของ เบน ก็อดฟรีย์ จนทำเอาแบ็คขวาของเอฟเวอร์ตันเสียอาการไม่น้อย ซึ่ง กวาร์ดิโอล่า คิดถูกที่ส่งเขาลงตัวจริงก่อนหน้า แจ็ค กรีลิช ซึ่งซีซั่นนี้ดาวเตะค่าตัว 100 ล้านปอนด์อยู่บนม้านั่งสำรองเป็นส่วนใหญ่

ความเร็วและความคล่องแคล่วของปีกชาวเบลเยียมคือสิ่งที่ เอฟเวอร์ตัน พยายามรับมือตลอดในครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังพวกเขาเจอร่างปลดล็อกของ ฮาแลนด์ ที่คอมโบกับ เควิน เดอ บรอยน์ จนต้านไว้ไม่อยู่

ตัวสำรองลงมาเปลี่ยนเกม

หลังจากไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในช่วง 10 นาทีแรกของครึ่งหลัง กวาร์ดิโอล่า ก็เลือกแก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัว

มาเธอุส นูเนส และ มานูเอล อคานจี ถูกเปลี่ยนตัวออกแล้วให้ เควิน เดอ บรอยน์ กับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ลงไปแทน โดยเฉพาะคนแรกที่สร้างความแตกต่างได้อย่างสิ้นเชิง

หลังจากการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ เอฟเวอร์ตัน ต้องถอยไปตั้งรับลึกกว่าเดิม ส่วน แมนฯ ซิตี้ ยกระดับเทมโป้ขึ้นไปอีกจนนำมาสู่ประตูขึ้นนำของ ฮาแลนด์

การลงไป แบร์นาร์โด้ ซิลวา ทำให้แดนกลางมีมิติที่เพิ่มขึ้น และเหมือนเป็นจิ๊กซอว์เติมเต็มให้เจ้าบ้าน ก่อนที่ เดอ บรอยน์ แอสซิสต์ให้ ฮาแลนด์ ทำประตูปิดกล่อง

การลุ้นแชมป์เข้มข้นขึ้น

แมนฯ ซิตี้ เคยอยู่จุดนี้มาก่อนกับการเป็นฝ่ายไล่จี้ทีมจ่าฝูง ก่อนที่พวกเขาจะแซงหน้า อาร์เซนอล ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ในครั้งนี้ แมนฯ ซิตี้ มีทั้ง อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล เป็นผู้ท้าชิงลุ้นถ้วยแชมป์ โดยที่ "หงส์แดง" นำจ่าฝูงก่อนเริ่มเกม แต่หลังจากเอาชนะได้ในเกมนี้พวกเขาก็ได้ลิ้มรสการนำจ่าฝูงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน

แม้ว่าทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ พลิกแซงนำจ่าฝูงได้จากการเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ ในเวลาต่อมา แต่ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ลงเล่นมากกว่า 1 เกม

นี่คงเป็นสัญญาณที่แชมป์เก่ากำลังบอกกับคู่แข่งของพวกเขา เพราะว่าหาก "เรือใบสีฟ้า" เก็บชัยชนะได้ทุกเกมที่เหลือ พวกเขาก็จะเป็นแชมป์ทันที ซึ่งลูกทีมของ กวาร์ดิโอล่า มักจะเครื่องร้อนช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นด้วยสิ