แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 บาร์เซโลน่า (จุดโทษ: 1-4) : เก็บตกหลังเกม เรือใบสีฟ้า พลาดท่าพ่าย เจ้าบุญทุ่ม ปรีซีซั่น

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่ชนะใครตลอดการอุ่นเครื่อง 3 นัดที่ผ่านมา และล่าสุดทำได้เพียงเสมอกับ บาร์เซโลน่า 2-2 ในเวลา 90 นาที ก่อนแพ้จุดโทษด้วยสกอร์ 4-1

"เรือใบสีฟ้า" เป็นฝ่ายตามหลังทั้งสองครั้ง เปา บิคตอร์ ยิงให้ บาร์ซ่า ขึ้นนำนาทีที่ 24 แต่ นิโก้ โอไรลี่ย์ ซัดตีเสมอนาที 39 กระนั้นก่อนจบครึ่งแรกนาที 45+2 เป็น ปาโบล ตอร์เร่ ซัดให้ทีมของ ฮันซี่ ฟลิค นำอีกครั้ง

ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ฮึดสู้ได้ประตูตีเสมอสำเร็จจาก แจ็ค กรีลิช ยิงแสกหน้า อินญากี้ เปนญ่า เข้าไปสวยงาม ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่มต้องไปว่ากันในช่วงดวลจุดโทษ

ฝั่งของ บาร์ซ่า ได้ยิงก่อนและไม่พลาดแม้แต่คนเดียว ส่วน แมนซิตี้ ยิงพลาดไปสองคนคือ คาลวิน ฟิลลิปส์ และ เจค็อบ ไรท์ สุดท้ายแพ้ไป 4-1

แมนซิตี้ ยังมีแมตช์อุ่นเครื่องนัดสุดท้ายที่อเมริกา นั่นคือการเจอกับ เชลซี ก่อนไปเตะศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันที่ 10 สิงหาคมนี้

เกมนี้มีประเด็นให้พูดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการยืนตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คของ คาลวิน ฟิลลิปส์ ไปจนถึงผลงานอันน่าประทับใจของ นิโก้ โอไรลี่ย์ และต่อไปนี้คือสิ่งที่เรามองเห็นในเกมที่ แคมปิ้ง เวิลด์ สเตเดี้ยม เมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมา

ฟิลลิปส์ กับบทบาทเซ็นเตอร์แบ็ค

คาลวิน ฟิลลิปส์ โดนวิจารณ์อย่างหนักกับผลงานที่ไม่เป็นไปตามที่สโมสรคาดหวัง นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด

ด้วยการที่ทีมมี โรดรี้ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เมื่อได้รับโอกาส ดาวเตะวัย 28 ปี กลับไม่สามารถสร้างอิมแพ็คได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถึงไม่ค่อยให้โอกาส จนเขาโดนปล่อยให้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยืมไปใช้งานเมื่อช่วงครึ่งหลังของซีซั่นที่ผ่านมา

ผลงานที่ไม่เข้าเป้าทำให้ เวสต์แฮม เลือกที่จะไม่ใช้อ็อปชั่นซื้อขาด และส่ง ฟิลลิปส์ กลับ แมนซิตี้ ในซัมเมอร์นี้

แม้ว่าเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดที่ผ่านมา ฟิลลิปส์ อาจไม่ได้ทำผลงานโดดเด่นนักกับบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับ แต่เขาสร้างความประทับใจกับตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คเมื่อจับคู่กับ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล

ความผิดพลาดแทบไม่มี การเข้าสกัดแม่นยำ ยืนตำแหน่งได้เนียนตา บางที กวาร์ดิโอล่า อาจได้ไอเดียใหม่ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลหน้าก็เป็นได้

กวาร์ดิโอล ในตำแหน่งที่คุ้นเคย

ตอนแรกที่ แมนซิตี้ เซ็นสัญญากับ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล หลายคนก็เชื่อว่าเขาจะมาแย่งตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คจาก จอห์น สโตนส์ และ รูเบน ดิอาส ด้วยค่าอันมหาศาล

อย่างไรก็ตามดาวเตะชาวโครแอตกลับถูกโยกไปยืนแบ็คซ้ายยาวเลยตลอดทั้งฤดูกาล และกว่าจะจูนติดจนโชว์ฟอร์มได้สะเด่าก็ต้องเป็นช่วงครึ่งซีซั่นหลังแล้ว

กวาร์ดิโอล ไม่ใช่แบ็คซ้ายที่ยืนประจำเกมรับเท่านั้น เพราะเราได้เห็นว่า กวาร์ดิโอล่า สั่งให้เขาไปป้วนเปี้ยนในเขตโทษบ่อยครั้ง ซึ่งนำไปสู่การมีส่วนร่วมกับประตูมากมาย

การเล่นแบ็คซ้ายจนกลายเป็นตำแหน่งหลักของเขา ทำให้เมื่อครั้นต้องกลับไปยืนเซ็นเตอร์แบ็คที่เขาแจ้งเกิดมากลับกลายเป็นว่า กวาร์ดิโอล ยืนไม่เป็นธรรมชาตินัก แถมมีจังหวะหลุด ๆ ให้เห็นด้วย แต่เราคงหาข้อแก้ตัวให้เขาได้จากการที่เพิ่งอยู่ในช่วงปรีซีซั่นเท่านั้น

โอไรลี่ย์ หน่วยก้านใช้ได้

เกิดคำถามไม่น้อยกับชื่อของ นิโก้ โอไรลี่ย์ กองกลางเพียงวัย 19 ปี ว่าเขาเป็นใครถึงได้รับโอกาสออกสตาร์ทตัวจริงทั้ง 3 เกมที่ผ่านมา

มิดฟิลด์เจ้าของส่วนสูง 193 ซม. โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยจุดเด่นการสอดเข้าไปลุ้นทำประตูในเขตโทษ ซึ่งเขาแสดงให้เห็นตั้งแต่แมตช์แรกที่เจอ กลาสโกว์ เซลติก แล้ว

กับเกมที่เจอ เอซี มิลาน เขาก็มีโอกาสลุ้นทำประตูเช่นกัน ก่อนสุดท้ายมาสำเร็จผลในนัดล่าสุดที่เจอ บาร์เซโลน่า นี่เอง

โอไรลี่ย์ วิ่งหาช่องว่างไปรับบอลจาก กวาร์ดิโอล ก่อนยิงผ่าน เปนญ่า เข้าไป ชวนให้นึกถึงทักษะการสอดยิงประตูแบบเดียวกับ อิลคาย กุนโดกัน

น่าสนใจว่าซีซั่นหน้า กวาร์ดิโอล่า จะวางแผนยังไง เพราะแดนกลางของทีมแน่เอี๊ยด บางทีการปล่อยยืมให้เล่นในทีมชุดใหญ่อย่างสม่ำเสมอก็คงเป็นไอเดียที่ดี

แมนซิตี้ ยังไม่ชนะใครในปรีซีซั่น

แม้ว่าเป็นปรีซีซั่นแต่ กวาร์ดิโอล่า ก็คงไม่อยากให้ทีมแพ้หรือถึงขั้นไม่ชนะใครเลยมา 3 เกมแบบนี้หรอก ไม่งั้นเทรนเนอร์ชาวสแปนิชคงไม่ทุบซุ้มม้านั่งสำรองระบายอารมณ์กับผลงานลูกทีมหรอก

น่าเหลือเชื่อที่ "เรือใบสีฟ้า" ยังสะกดคำว่าชนะไม่ได้เลย เริ่มจากการแพ้ กลาสโกว์ เซลติก 4-3, แพ้ เอซี มิลาน 3-2 และเสมอกับ บาร์เซโลน่า 2-2 แต่แพ้จุดโทษด้วยสกอร์ 4-1

นัดหน้า แมนซิตี้ ยังมีเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายพบกับ เชลซี ก่อนจะกลับไปเตะที่อังกฤษเพื่อทำศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เพราะงั้นหากชนะ เชลซี ได้ คงสร้างความมั่นใจให้พวกเขาได้ไม่น้อยก่อนไปลุ้นโล่การกุศล

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม แมนฯ ซิตี้ ได้ที่นี่