แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 เรอัล มาดริด: ประเด็นหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 4 ทีมสุดท้าย, ตัดเกรดนักเตะทั้งสองทีม

การแข่งขัน: ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2021/22 รอบ 4 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน: คืนวันอังคารที่ 26 เมษายน 2022
เวลาแข่งขัน: 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 เรอัล มาดริด
สนาม: เอติฮัด สเตเดี้ยม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเฉือนชนะ เรอัล มาดริด ไปได้ก่อนในเลกแรก 4-3 โดยเจ้าบ้านได้ประตูจาก เควิน เดอ บรอยน์ นาทีที่ 2 กาเบรียล เชซุส นาทีที่ 11 ฟิล โฟเด้น นาทีที่ 53 และ แบร์นาร์โด้ ซิลวา นาทีที่ 74 ส่วนทีมเยือนได้สามประตูจาก คาริม เบนเซมา นาทีที่ 33, 82 วินิซิอุส จูเนียร์ นาทีที่ 55 ทำให้ เรือใบสีฟ้า กุมความได้เปรียบอยู่หนึ่งประตูหลังจบเกมนัดแรก

เริ่มเกมได้เพียง 2 นาที แมนฯ ซิตี้ ออกนำก่อนจากจังหวะที่ มาห์เรซ เปิดบอลเข้ามาให้ เดอ บรอยน์ โฉบมาโขกเสียเสาเข้าไป

หลังจากนั้นนาทีที่ 11 เจ้าบ้านมาได้ประตูที่สองจากการเปิดของ เดอ บรอยน์ ทางกราบซ้าย มาให้ เชซุส จับบอลหนึ่งจังหวะก่อนหลับตัวมายิงจ่อ ๆ เข้าไป

นาทีที่ 25 มาห์เรซ ได้โอกาสหลุดเดี่ยวแต่กลับยิงหลุดเสาไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 29 โฟเด้น หลุดเข้ากรอบเขตโทษ แต่กลับยิงผ่านหน้าปากประตูออกไป

หนึ่งนาทีต่อมา อลาบา มีลุ้นขึ้นโขก บอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

นาทีที่ 33 เรอัล มาดริด ไล่มาเป็น 2-1 จากจังหวะเปิดของ เมนดี้ มาให้ เบนเซมา โฉบมายิงเบียดเสาเข้าประตูไป

หลังจากนั้น เรอัล มาดริด พยายามเปิดเกมบุกอย่างหนักแต่ยังทำอะไรเพิ่มไม่ได้

จนจบ 45 นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกนำ เรอัล มาดริด 2-1

เริ่มครึ่งเวลาหลังไปได้เพียง 2 นาที เจ้าถิ่นมีลุ้น 2 จังหวะซ้อนจากจังหวะหลุดเดี่ยวของ มาห์เรซ แต่กลับยิงไปชนเสา แม้ว่าบอลจะกระดอนมาเข้าทาง โฟเด้น แต่ก็ซ้ำไปติดบล็อคกองหลังทีมเยือนอย่างน่าเสียดาย

แต่แล้วนาทีที่ 53 เรือใบสีฟ้า มาได้ประตูที่สามจากจังหวะที่ แฟร์นันดินโญ หลุดมาทางกราบขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ โฟเด้น โหม่งจ่อ ๆ เข้าประตูไป

2 นาทีต่อจากนั้น ราชันชุดขาว ยิงไล่มาเป็น 3-2 จากจังหวะหลุดขึ้นมาของ วินิซิอุส ก่อนลากเดี่ยวเข้าไปยิงผ่าน เอแดร์ซอน เข้าไป

นาทีที่ 67 ลาปอร์ต เติมขึ้นมาได้จบในกรอบเขตโทษ แต่ยังไปตรงตัวของ กูร์ตัวส์

นาทีที่ 74 แมนฯ ซิตี้ มาได้ลูกที่ 4 จากจังหวะที่ แบร์นาร์โด้ เก็บตกบอลจากนอกกรอบเขตโทษก่อนจะหาช่องกดด้วยซ้ายบอลพุ่งแรงเสียบคานไปอย่างงดงาม

นาทีที่ 82 เรอัล มาดริด มาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลของ ลาปอร์ต และเป็น เบนเซมา ที่ยิงเข้าไปอย่างเยือกเย็นไล่มาเป็น 4-3



หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างยิงประตูเพิ่มไม่ได้ทำให้จบ 90 นาที แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ เรอัล มาดริด ไปได้ 4-3

คะแนนนักเตะทั้งสองทีม

แมนฯ ซิตี้ : เอแดร์ซอน (6), ลาปอร์ต (6), ดิอาส (6), สโตนส์ (5), ซินเชนโก้ (6), โรดรี้ (7), แบร์นาร์โด้ (8), เดอ บรอยน์ (8), มาห์เรซ (6), โฟเด้น (7), เชซุส (7)

ตัวสำรอง : แฟร์นันดินโญ (6), สเตอร์ลิง (5)

เรอัล มาดริด : กูร์ตัวส์ (6), อลาบา (6), มิลิเตา (5), คาร์บาฆาล (6), เมนดี้ (6), โครส (6), โมดริช (7), บัลบาเด้ (6), โรดริโก้ (6), วินิซิอุส (8), เบนเซมา (8)

ตัวสำรอง : นาโช (6), คามาวินก้า (6), เซบาญอส (6), อเซนซิโอ (5)

ประเด็นหลังเกม

ราชัน เขี้ยวลากดิน
แม้เกมนี้ชัดเจนว่า เรอัล มาดริด จะตกเป็นรองตั้งแต่เริ่ม แถมพวกเขายังถูกยิงนำไปก่อนถึง 2-0 ตั้งแต่ 11 นาทีแรก แต่กระนั้นลูกทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ก็ยังคงกัดฟันสู้อย่างไม่ท้อ ด้วยส่วนผสมอันลงตัวที่แม้แกนหลักจะเป็นสตาร์ผู้สูงวัยอย่าง โมดริช และ เบนเซมา แต่ก็ถูกเติมเต็มด้วยพลังหนุ่มอย่าง วินิซิอุส จนกลายเป็นเกมรุกที่เฉียบขาดชนิดกัดไม่ปล่อยแม้ว่าจะถูกยิงนำไปมากขนาดไหนก็ยังไล่ตามมาได้จนในที่สุดก็เหลือระยะห่างเพียงประตูเดียวเท่านั้นหลังจบเกมในเลกแรก

อย่างไรก็ตามด้าน แมนฯ ซิตี้ เชื่อได้เลยว่าสิ่งที่แฟน ๆ เรือใบสีฟ้า เสียดายมากที่สุดก็คือจังหวะหลุดเดียวของ ริยาด มาห์เรซ ถ้าหากลูกนั้นเป็นประตูหรือตันสินใจจ่ายให้เพื่อนที่โล่ง ๆ อยู่บางทีการนำห่างถึง 3-0 ตั้งแต่ช่วงต้นเกมอาจทำให้ทีมเยือนถอดใจและผลการแข่งขันคงออกมาขาดลอยมากกว่านี้ก็เป็นได้

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด