แมนยู 0-1 คริสตัล พาเลซ : ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัด ปีศาจแดง โชว์ฟอร์มสุดบู่ พังคารังอีกรอบ - FEATURE
• แมนยู ของ เอริค เทน ฮาก เล่นได้แย่อย่างเห็นได้ชัดในวันนี้
• เท่ากับ พรีเมียร์ลีก 7 นัดผ่านไป แมนยู แพ้แล้วถึง 4 เกม
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2023/24
วันแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2566
สนาม: โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ผลการแข่งขัน: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 คริสตัล พาเลซ
3 แบ็กซ้าย...หายเกลี้ยง
"ให้มันได้อย่างนี้..." คงเป็นคำพูดหลุดปากของทั้งแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บางคน และอาจรวมถึงกุนซืออย่าง เอริค เทน ฮาก ด้วย เมื่อทั้งที่มีแบ็กซ้ายอยู่ในทีมถึง 3 คน แต่ ลุค ชอว์ กับ ไทเรลล์ มาลาเซีย บาดเจ็บ ตัวเลือกฉุกเฉินที่ดึงมาก่อนปิดตลาดอย่าง เซร์คิโอ เรกีลอน ก็ดันมีอาการป่วยไข้ติดพันจนไม่พร้อมลงสนาม
ผลคือเป็นอีกนัดที่ โซฟียาน อัมราบัต มิดฟิลด์ระดับ "ติดทีมยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก" ต้องออกสตาร์ทด้วยการเป็นแบ็กซ้ายจำเป็นอีกนัด
และแม้ไอเดียจะไม่เลว กับการวางให้เป็น Inverted Full-Back ที่จะขยับเข้าในเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางเสมอในระหว่างขึ้นเกมบุก แต่ก็ชัดเจนว่าหมากการเล่นลักษณะนี้ ไม่ใช่ของถนัดของ อัมราบัต แต่อย่างใด
เจ็บแบบซ้ำๆ จบแบบช้ำๆ
- ลุค ชอว์
ไทเรลล์ มาลาเซีย
เซร์คิโอ เรกีลอน
ลิซานโดร มาร์ติเนซ
อารอน วาน-บิสซาก้า
ค็อบบี้ ไมนู
อาหมัด ดิยัลโล่
เจดอน ซานโช่
อันโตนี่
แม้อาจการันตีไม่ได้ว่า หาก 9 คนนี้พร้อมเป็นตัวเลือก แมนยู จะเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ได้แน่ๆ
แต่ก็ชัดเจนว่า เทน ฮาก ต้องปวดหัวกับสภาพทีมที่เป็นปัญหา โดยเฉพาะการขาดแคลนตัวริมเส้น ทั้งแบ็กและปีก
ทีแรกมีรายงานว่า อันโตนี่ ที่กลับมาเข้าแคมป์แล้ว อาจพร้อมเป็นตัวเลือก แต่ด้วยการที่ร้างสนามมาสักพัก ก็ทำให้ยังไม่มีชื่อ และเมื่อทีมตกอยู่ในสถานการณ์เข้าตาจน เทน ฮาก ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องใช้ อองโตนี่ มาร์กซิยาล หรือ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค
การเข้าทำที่ไร้จินตนาการ
แม้ความพ่ายแพ้นี้ แมนยู อาจ "อ้างได้" อีกแล้วว่า พวกเขาควรได้จุดโทษจากจังหวะ โจเอล วอร์ด ทำแฮนด์บอลจังหวะบอลทูแฮนด์ ช่วงนาทีที่ 59 ซึ่งผู้ตัดสินให้แค่เตะมุม
แต่ประเด็นสำคัญยิ่งกว่าของความพ่ายแพ้นี้ อยู่ที่ "เกมรุก" ซึ่งไร้จินตนาการ ขาดคุณภาพที่ควรมีไปอย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อ คริสตัล พาเลซ ได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาที 25 แมนยู ยิ่งลำบากหนักเข้าไปใหญ่กับการต้องเผชิญกับ "เกมรับเต็มอัตรา" ที่ รอย ฮ็อดจ์สัน สั่งการให้ลูกทีมตั้งกำแพง 2-3 ชั้น และลงไปออในกรอบเขตโทษกันเต็มพื้นที่ตลอดเวลา
ผลคือ แมนยู สร้างโอกาสยิงตรงกรอบเกมนี้ได้แค่ 4 ครั้ง ขณะที่อีกสิบกว่าหนที่เหลือไม่ใช่จังหวะอันตรายอะไร
เมื่อบวกกับฟอร์มแย่ๆ ของ ฟาคุนโด้ เปยิสตรี้ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด แล้ว ก็หนักเลย...
แรชฟอร์ด แย่อย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป หรืออะไรที่ต่างจากซีซั่นก่อน เมื่อจากยอดดาวยิงตัวอันตราย ที่กดไปถึง 30 ประตูในทุกถ้วย และ 17 ประตูใน พรีเมียร์ลีก
มาเหลือแค่ 1 ลูกถ้วนๆ ในซีซั่นนี้
ตลอดเกมนี้ที่เห็น แรชฟอร์ด ตะบี้ตะบันเลี้ยง ครองบอลจนเล่นช้า จ่ายช้า จ่ายไม่ตรง พยายามจะฝ่ากองหลังด้วยตัวเองซึ่งล้มเหลวแทบทุกครั้ง และไม่มีการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมอย่างที่ควรจะเป็น
แรชฟอร์ด เล่นแย่, เปยิสตรี้ เด็กไป แถม ราสมุส ฮอยลุนด์ ก็ยังพึ่งพาไม่ได้เต็มที่--ในการย้ายมาปีแรกและอายุเพิ่ง 20
ดูเหมือนว่า ปัญหาของ แมนยู จะใหญ่กว่าที่คิดซะแล้ว
หมดแล้ว "จุดเด่น" อย่างเกมเหย้า
ท่ามกลางความกระเสาะกระแสะในฟอร์มนอกบ้านของซีซั่นก่อน อย่างน้อย เทน ฮาก ยังสามารถสร้าง "จุดเด่น" ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ อย่างผลงานเกมเหย้า ที่หลังจากแพ้ ไบรท์ตัน เกมเปิดสนามแล้ว ก็ไม่แพ้ใครอีกเลยตลอดทั้งซีซั่น
แต่ซีซั่นนี้ ไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว
เมื่อกลางเดือน เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แพ้ ไบรท์ตัน หมดท่า 1-3
ถัดมาวันนี้ กล้าๆ แพ้ทีมอย่าง คริสตัล พาเลซ 0-1
สิ่งสำคัญก็คือ ในขณะที่ผลงานเกมเหย้าออกมาแย่ ผลงานเกมเยือนก็ยังมีรอยตำหนิ จนเมื่อบวกเข้าด้วยกันแล้ว เท่ากับ แมนยู แพ้แล้วถึง 4 นัดจาก 7 เกมแรกของซีซั่นนี้
และเมื่อไม่มี "การันตีแต้มในบ้าน" อีกต่อไป
อะไรจะเกิดขึ้นกับ แมนยู และตัว เทน ฮาก เองเป็นลำดับถัดๆ ไปนั้น...คงบอกได้ว่า "น่ากังวล" ไม่ใช่น้อย