นิวคาสเซิ่ล 1-1 เชลซี : สิงห์สะดุดเจ๊าสาลิกา ปรีซีซั่นทัวร์สหรัฐอเมริกา, ตัดเกรด และ ประเด็นหลังเกม
• เจองานหนักขึ้นมาอีกสเต็ป กับทีมตีตั๋ว แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
• ครึ่งแรก เชลซี พลาดเสียประตูอึดใจท้าย ส่วนครึ่งหลังไม่มียิงกันเพิ่ม
รายการ : ปรีซีซั่น พรีเมียร์ลีก ซัมเมอร์ ซีรี่ส์ 2023
วันแข่งขัน : พุธที่ 26 กรกฎาคม 2023
ผลการแข่งขัน : นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-1 เชลซี
สนาม : เมอร์เซเดส-เบนซ์ สเตเดี้ยม (แอตแลนต้า, จอร์เจีย)
คิวที่ 3 ในทริปทัวร์แดนลุงแซมของ เชลซี เป็นการลงดวลของแข็งสุดในรายการ "พรีเมียร์ลีก ซัมเมอร์ ซีรี่ส์ 2023" อย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เจ้าของอันดับ 4 พรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่ผ่านมา
ภายใต้ระบบ 4-2-3-1 คงเดิม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ยึด 11 ตัวจริงจากเกมชนะ ไบรท์ตัน 4-3 แค่ไม่กี่คน โดยมีการโรเตชั่นทีมเพื่อ "ทดลองใช้" หลายตำแหน่ง เช่นให้ เซซาเร่ คาซาเดอี จับคู่ มิดฟิลด์ตัวกลางกับ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ พร้อมได้ตัว รีซ เจมส์ หายเจ็บกลับมายืนแบ็กขวาตัวจริง แถมได้เป็นกัปตันทีมด้วย
ส่วนเกมรุก ถอย คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ลงมาเป็น 3 แผงรุกร่วมกับ ยาน มาตเซ่น และ มิไคโล มูดริค โดยที่ มาตเซ่น จากแบ็กซ้าย เกมนี้ถูกทดสอบด้วยการเป็นปีกขวา ในขณะที่หน้าเป้าส่ง นิโคลัส แจ๊คสัน เข้าทำ
ด้าน เอ๊ดดี้ ฮาว นายใหญ่สาลิกาดง จัดทัพชุดใหญ่ลงชน นำโดย ซานโดร โตนาลี่, อเล็กซานเดอร์ อิซัค, มิเกล อัลมิรอน, โชลินตอน, คีแรน ทริปเปียร์ และ มาร์ติน ดูบราฟก้า
อะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างเกม
ช่วงต้นยังคู่คี่สูสี บอลอยู่ในการครอบครองของ เชลซี มากกว่าเล็กน้อย แต่โอกาสลุ้นประตูไม่มีเลยตลอด 10 นาทีแรก บอลสุดท้ายที่ให้ นิโคลัส แจ๊คสัน โดนจับล้ำหน้าแล้ว 2 หน
แต่เมื่อแก้กับดักล้ำหน้าได้ก็กลายเป็นประตูนำ 1-0 ของ เชลซี ทันทีในนาทีที่ 12 ยาน มาตเซ่น แตะด้วยขวาแล้วหมุนตัวแทงด้วยซ้ายให้ นิโคลัส แจ๊คสัน ทะลุเดี่ยวไปกดสวนตัว ดูบราฟก้า เข้าไปอย่างเฉียบคม
จากนั้น นิวคาสเซิ่ล เอาบอลได้ตั้งเกมบุกใส่ได้เป็นส่วนมาก แต่ เชลซี ก็ยังจัดการเกมรับกันได้ดี ไม่ปล่อยให้ เคปา อาร์ริซาบาลาก้า ต้องออกแรง
นาที 28 มาตเซ่น หลุดถึงสุดเส้นหลังขวาแล้วเปิดย้อนกลับมา มิไคโล มูดริค พักลงให้ เซซาเร่ คาซาเดอี ตวัดฮาล์ฟวอลเลย์ส่งลูกเฉี่ยวเสาไปนิดเดียว
เอ๊ดดี้ ฮาว ต้องเปลี่ยนสำรองคนแรกในนาทีที่ 33 หลัง ฟาเบียน ชาร์ ล้มเจ็บไปเอง ต้องให้เด็กดาวรุ่งอายุ 19 อเล็กซ์ เมอร์ฟี่ ลงแทน จากนั้นนาที 41 นิวคาสเซิ่ล ได้ลุ้นเล็กๆ จากลูกโหม่งของ เมอร์ฟี่ ที่ไปตรงตัว เคปา และทดเจ็บ 45+3 มูดริค เลี้ยงตัดจากซ้ายเข้าในไปซัดเต็มเท้าขวา ลูกพุ่งแรงแต่ก็ไม่ตรงกรอบ
แต่ก่อนที่ครึ่งแรกจะจบลงไปโดยมีประตูเดียว นิวคาสเซิ่ล ก็ตามทวงคืน 1-1 ได้ตอน 45+4 แอนโธนี่ กอร์ดอน พาบอลขึ้นจากกลางสนามไปแทงออกขวาให้ มิเกล อัลมิรอน พาหนี กูกูเรย่า ไปส่องเข้าเสาไกลโดยที่ เคปา ปัดป้องไม่สำเร็จ
ต่อครึ่งหลัง โปเช็ตติโน่ เปลี่ยนแค่ 2 คน ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ลงแทน แจ๊คสัน กับ มูดริค ส่วน ฮาว เปลี่ยนประตูให้ นิค โป๊ป แทน ดูบราฟก้า
ถึงนาที 58 เอ็นคุนคู สบช่องกดด้วยซ้าย บอลพุ่งแรงเข้าหากลางประตู นิค โป๊ป ต้องออกแรงปัดทิ้ง ต่อมาอีก 5 นาที กัลลาเกอร์ ได้กดเน้นๆ จากหน้าเขต ก็ยังติดเซฟ โป๊ป อีกครั้ง
ช่วงท้าย เกมลดความเร็วลงเมื่อมีการเปลี่ยนตัวเพิ่มขึ้น โดยในช่วงทดเจ็บ เชลซี ชวดได้ประตูชัย เมื่อ เบน ชิลเวลล์ ได้โอกาสหวดเน้นๆ ระยะอันตราย ทว่า โป๊ป ก็ยังเซฟได้อย่างยอดเยี่ยม ส่งผลให้เกมสิ้นสุดลงที่ 1-1
คะแนนนักเตะ เชลซี
11 ตัวจริง (4-2-3-1) เคปา อาร์ริซาบาลาก้า 5, มาร์ก กูกูเรย่า 5, เทรโวห์ ชาโลบาห์ 6, บาเชียร์ ฮัมฟรีย์ส 7, รีซ เจมส์ 6, เซซาเร่ คาซาเดอี 6, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ 6, ยาน มาตเซ่น 7, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู 6, มิไคโล มูดริค 5, นิโคลัส แจ๊คสัน 8
สำรองที่ใช้ : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 5, คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ 7, มาโล กุสโต้ 7, เบน ชิลเวลล์ 6, อันเดรย์ ซานโตส 6, คาร์นี่ย์ ชุคเวเมก้า 5, ดีเอโก้ โมเรยร่า 6, เมสัน เบอร์สโตว์ 6
ดาวเด่นประจำเกม : นิโคลัส แจ๊คสัน (เชลซี)
ยิ่งเล่นก็ยิ่งโดดเด่น เกมนี้แม้จะอยู่ในสนามแค่ 45 นาทีแรก แต่ก็ปั่นป่วนเกมรับ นิวคาสเซิ่ล จนหัวหมุนและต้องออกแรงเยอะในการไล่ตามปิดเกม ในทุกครั้งที่ได้บอล
และเมื่อเผลอเปิดพื้นที่ให้ แจ๊คสัน ก็ทะลุเข้าไปปิดสกอร์แบบคมๆ จากโอกาสจะแจ้งเพียงหนเดียว ซึ่งนับเป็นประตูที่ 2 (กับอีก 3 แอสซิสต์) ของหอกเซเนกัลในการออกทัวร์กับต้นสังกัดใหม่
ฟอร์มดีในทุกเกมแบบนี้ ยิ่งน่ารักน่าลุ้นว่าปัญหาไร้หน้าเป้าของ เชลซี จะถึงคราวสิ้นสุดลงเสียที กับการมี "แอฟริกันเนย์มาร์" เจ้าของค่าตัว 32 ล้านปอนด์ ทำหน้าที่
สิ่งน่าจับตาเพิ่มเติม
• ทัวร์อเมริกายังเหลืออีก 2 นัด
ผ่านไปแล้ว 3 สำหรับทริปทัวร์แดนลุงแซมของ เชลซี เริ่มต้นชนะ เร็กซ์แฮม 5-0 ตามด้วยเบียด ไบรท์ตัน 4-3 และเสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1 เท่ากับเหลือคิวเตะอีก 2 นัดสุดท้าย เจอ ฟูแล่ม ที่แลนโดเวอร์, แมรี่แลนด์ 30 ก.ค. และไปเจอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ชิคาโก้, อิลลินอยส์ 2 ส.ค.
• แจ๊คสัน ดี แต่ เอ็นคุนคู เงียบไปหน่อย
ยิ่งเล่นก็ยิ่งเด่นสำหรับ นิโคลัส แจ๊คสัน อย่างที่ได้เอ่ยถึงไปแล้วด้านบน แต่อีกหนึ่งตัวความหวังอย่าง คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ที่วันนี้ถูกถอยไปยืนต่ำ เป็นกลางรุกในครึ่งแรก แล้วค่อยขยับขึ้นสูงในครึ่งหลัง ถือว่าวันนี้ไม่โดดเด่นเท่าไหร่ โดยเฉพาะครึ่งแรกที่การมีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างต่ำ เท่ากับเป็นการบ้านของ โปเช็ตติโน่ เลยว่าจะวาง เอ็นคุนคู ไว้ตรงไหนใน 11 คนแรก เมื่อหน้าเป้า แจ๊คสัน จองแล้ว
• 55 ล้านปอนด์ที่ยังน่าส่ายหัว
ที่จริง เชลซี ควรปิดครึ่งแรกด้วยการนำหน้า 1-0 ที่ก็อาจทำให้พวกเขากำชัยได้ต่อเนื่องเป็นเกมที่ 3 แต่ดันพลาดท่าเสียประตูเอาตอน 45+4 ที่ชัดเจนว่า มาร์ก กูกูเรย่า ดักจังหวะจ่ายของ แอนโธนี่ กอร์ดอน พลาด เข้าไม่ถึงลูกจนเสร็จ มิเกล อัลมิรอน ปิดสกอร์เข้าไป
แม้ในภาพรวม กูกูเรย่า จะดูแลเกมรับได้ดีพอใช้ แต่ก็เพราะความ "ไม่เนี้ยบ" ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้แหละ ที่เป็นตัวแบ่งเกรดและคลาสของนักเตะ
และนี่คือคอมเมนต์ของแฟนๆ ในโลกโซเชียล หลังเกิดประตู 1-1 : "กูกูเรย่า อีกแล้ว" / "ได้โปรดเถอะ ขาย กูกูเรย่า ออกไปเสียที" / "ปล่อยยืม กูกูเรย่า, พลีส" / "กูกูเรย่า คือตัวตลกแห่งแนวรับ"
• ไม่ควรขายใครออกแล้ว
ตามข่าวที่เป็นในช่วง 2-3 วันหลัง บอกว่า เชลซี พร้อมปล่อย คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ ถ้าได้ราคา 50 ล้านปอนด์ เช่นเดียวกับ เซซาเร่ คาซาเดอี กับ เทรโวห์ ชาโลบาห์ ที่เข้าข่ายย้ายออกเพิ่มเติม กระนั้น จากขุมกำลังที่ โปเช็ตติโน่ มีอยู่ตอนนี้ ทั้ง 3 ชื่อที่ว่ามาต่างก็ถือว่า "มีประโยชน์" อย่างน้อยคือเป็นตัวเลือกสลับเล่น ฉะนั้น ความเห็นของเราคือ เชลซี ไม่ควรขายใครออกอีกแล้ว (ยกเว้นพวกตกขบวน ลูกากู, ซีเย็ค, ฮัดสัน-โอดอย)
เพียงแต่ถ้าจะส่งยืมดาวรุ่ง--ที่มีอยู่เพียบในทีมชุดนี้ (ดีเอโก้ โมเรยร่า, อันเจโล่, อันเดรย์ ซานโตส ฯลฯ) ออกไปเสริมสร้างกระดูกที่อื่น ก็เป็นอีกเรื่อง
• พร้อมขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งหนึ่งที่น่าชมเชย โปเช็ตติโน่ คือเขายึดมั่นกับ 4-2-3-1 แบบไม่มีโลเล ไม่มีการปรับเปลี่ยน ไม่แม้กระทั่งจะเปลี่ยนระหว่างเกม ซึ่งทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจของบรรดานักเตะ มากกว่าจะสลับระบบไปมา ซึ่ง "ความเข้าใจต่อแท็กติก" นี่แหละ เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ต้องเน้น
และการที่สามนัดผ่านไปด้วยชัยชนะ 2 เสมอ 1 และมีแง่มุมดีๆ ให้หยิบจับ ก็แสดงให้เห็นว่า เชลซี เริ่มที่จะพร้อมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสำหรับภารกิจการพาทีม "กลับไปยืนที่เดิม" ของ โปเช็ตติโน่