เอฟซี ปอร์โต้ 1-0 อาร์เซนอล : ประเด็นหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปืนใหญ่ โดนดับซ่านาทีบาป

รายการแข่งขัน : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-2024
วันแข่งขัน : 22 กุมภาพันธ์ 2024
สนามแข่งขัน : ดราเกา สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน : เอฟซี ปอร์โต้ 1-0 อาร์เซนอล

อาร์เซนอล สุดเซ็งกับความพ่ายแพ้ในเกมที่โอกาสจะแจ้งแทบจะไม่มีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก่อนจะเกิดประตูชัยในนาทีบาปช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ส่ง เอฟซี ปอร์โต้ เฉือนชัยทีมเยือน 1-0 พร้อมถือครองความได้เปรียบก่อนกลับมาเจอกันอีกครั้งในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า

นี่คือ “แชมเปี้ยนส์ ลีก”

เกมนี้เป็นเกมที่เต็มไปด้วยความระแวดระวังจากทั้งสองฝั่ง เจ้าบ้านมาด้วยแท็คติกการเล่นที่ศึกษาอาร์เซนอลมาเป็นอย่างดี การปิดตัวริมเส้น, การเซตเกมรับรอรับมือกับลูกตั้งเตะของทีมปืนใหญ่ ที่สำคัญคือเกมรับในภาพรวมทั้งสองทีมทำให้เกมรุกของทั้งสองทีมดูเงียบอย่างมาก กับโอกาสจบสกอร์สองทีมรวมกัน 15 ครั้ง เข้ากรอบรวมกันเพียง 2 ครั้ง อย่างไรก็ตามจากจังหวะไม่ละเอียดในช่วงท้ายเกมของอาร์เซนอล กลายเป็นการเสียประตูในช่วง “นาทีบาป” กับช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมการแข่งขัน และทำให้ ปอร์โต้ ชิงความได้เปรียบไปก่อนในเลกแรกทันที

ความฟิต – เพรสซิ่ง และการ “ปิดปีก” ของเจ้าบ้าน

เอฟซี ปอร์โต้ ของ แซร์โจ้ คอนไซเซา เลือกแผนการเล่นที่ต้องใช้ทั้งพละกำลัง และวินัยอย่างมาก กับการเล่นเพรสซิ่งสูงตั้งแต่แดนบน สลับกับการปักหลักไล่ล่าตั้งแต่เส้นแบ่งแดนกลางสนาม ตราบใดที่พวกเขายังทำได้ตามหน้าที่ เคลื่อนที่เพรสซิ่งเป็นกลุ่ม พวกเขาก็ทำให้อาร์เซนอลเจอกับงานยาก  และเมื่อหลุดพวกเขาไป เกมรับของปอร์โต้ก็ยังรออยู่อีกชั้นหนึ่ง

ปัญหาคือเรื่องของความเหนื่อยล้าของผู้เล่น ทำให้การเล่นแบบนี้เริ่มเสียความรัดกุม และสมาธิไปตามเวลาที่น้อยลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งส่งผลทำให้ครึ่งหลัง อาร์เซนอล สามารถเล่นเกมรุกได้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันนัก เมื่อเกมรับของทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะเจ้าบ้านที่ได้คลีนชีตในเกมนี้ด้วยการที่อาร์เซนอลยิงไม่เข้ากรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียวบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของแท็คติกการเล่นของเจ้าบ้านอย่างชัดเจน และพวกเขาได้รางวัลตอบแทนจากประสิทธิภาพเหล่านั้นด้วยประตูชัย

หากเกมนี้จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ปอร์โต้ อาจจะไม่ถึงกับผิดหวังมากนักกับรูปเกมที่พวกเขาก็ไม่ได้ว่าเหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่ชัยชนะจะสร้างกำลังใจให้กับพวกเขาก่อนบุกเยือนลอนดอนในเกมเลกสอง ขณะที่อาร์เซนอลแน่นอนการเสียประตูท้ายเกมลักษณะนี้เป็นสิ่งที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง และเน้นย้ำว่าอะไรก็เกิดขึ้นหากยังไม่จบเกมการแข่งขัน

การเล่นเตะมุมเป็นอีกจุดที่เห็นชัดเจนว่าเจ้าถิ่นศึกษาอาร์เซนอลมาเป็นอย่างดี การเล่นเตะมุมที่มีสถิติทำประตูดีที่สุดในพรีเมียร์ ลีก ของอาร์เซนอล วันนี้เล่นไม่ออกเมื่อเจอการประกบแบบชิดตัวกันตลอดเวลาในพื้นที่เขตโทษ ซึ่งหลายครั้งชุลมุนกันจนกรรมการต้องมาแยก อาร์เซนอลได้เตะมุมมากถึง 10 ครั้งในเกมนี้ แต่โอกาสโหม่งประตูมีเพียงครั้งเดียวในช่วงท้ายเกมของ กาเบรียล ที่หลุดกรอบไป

การครองบอลไม่ได้บ่งบอกถึงรูปเกม

อาร์เซนอล เป็นทีมที่รักในการขึงเกมรุก ครองบอลไว้กับตัวและสร้างโอกาสเข้าทำ และเกมนี้พวกเขาก็จบเกมด้วยการครองบอลมากกว่า (65 : 35 %) ผ่านบอลมากกว่าชัดเจน แต่รูปเกมจริง ๆ หากได้รับชมจะเห็นได้เลยว่า มันไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาหวัง พวกเขาเคลื่อนที่เยอะมาก แต่เกมไม่ได้คืบไปข้างหน้า บอลถูกผ่านไปมาในแนวระนาบเดียวกัน และย้อนกลับเสียมากกว่าไปข้างหน้า ในทางกลับกัน ปอร์โต้ ครองบอลน้อยกว่า แต่สวนกลับแล้วได้ลุ้นกว่า ตัวรุกริมเส้น ฟรานซิสโก้ คอนไซเซา และ กาเลโน่ ผู้ยิงประตูชัย โดดเด่นมากในเกมนี้ กับการทำงานหนักไล่บอลในแนวดิ่ง และเป็นหอกสำคัญในการเล่นเกมสวนกลับของทีม

ตรงข้ามกับอาวุธหลักของอาร์เซนอลอย่างสองตัวริมเส้น 45 นาทีแรกแทบไม่ได้ทำอะไรถนัดเลย แต่พอครึ่งหลัง มาร์ติเนลลี่ มีบทบาทมากยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่มากพอจะสร้างโอกาสที่ดีมากพอให้กับทีม ขณะที่ บูคาโย่ ซาก้า ค่อนข้างบทบาทน้อยมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของเขา เช่นเดียวกับ มาร์ติน เออเดการ์ด เป็นอีกคนที่ถูกบีบพื้นที่ให้ได้เล่นน้อยมาก และจำต้องถอยลงมาล้วงบอลลึกกว่าเดิม ยิ่งไกลประตูเท่าไร ความอันตรายก็ยิ่งลดลง เช่นเดียวกับ ทรอตซาร์ หรือ ฮาแวตซ์ ที่บอลดี ๆ แทบไม่ได้ถึงพวกเขาเลยในตำแหน่งแนวรุกด้านบนสุด