เรอัล มาดริด (6) 1-0 (2) ลิเวอร์พูล: เก็บตกหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หงส์แดง พ่ายซ้ำตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
รายการ: | ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2022/23 รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 |
---|---|
วันแข่งขัน: | คืนวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2023 |
สนาม: | ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว |
ผลการแข่งขัน: | เรอัล มาดริด (6) 1-0 (2) ลิเวอร์พูล |
ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง...
ต้องยอมรับว่าหลายคนก็คงจะคาดและทำใจเอาไว้อยู่แล้วว่า ลิเวอร์พูล คงไปไม่ได้ไกลไปกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ และมันก็เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่าแฟน ๆ หงส์แดง บางคนจะแอบ ๆ หวังให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นเหมือนที่เคยทำได้กับ เอซี มิลาน หรือ บาร์เซโลนา แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้ ที่พวกเขาดูจะเร่งเครื่องไม่ขึ้นแต่ก็เห็นได้ชัดถึงความพยายามไม่ถอดใจ รูปเกมแม้จะเป็นรองแต่ก็สู้ได้สมน้ำสมเนื้อ กระทั่งประตูชัยที่แอบมีโชคของ เบนเซมา ดับฝันพวกเขาให้ต้องยอมรับความเป็นจริงในที่สุด
กลางเป็นรองชัดเจน
เกมนี้ เยอร์เก้น คล็อปป์ ตัดสินใจส่งตัวรุกลงสนามพร้อมกันเป็น 11 ตัวจริงถึง 4 รายทั้ง โม ซาลาห์ โคกี้ กัคโป ดาร์วิน นูนเญซ และ ดิโอโก้ โจต้า เพื่อเพิ่มโอกาสในเกมรุก แต่นั้นหมายถึงพวกเขาต้องลดผู้เล่นในแดนกลางลงไป 1 คนเหลือแค่ ฟาบินโญ และ เจมส์ มิลเนอร์ แม้วันนี้รองกัปตันจะพยายามวิ่งพล่านไล่บอลสุดกำลัง แต่ลำพัง 2 ต่อ 3 เมื่อเทียบกับกลางคู่แข่งมันก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้วในการยึดพื้นที่กลางสนาม แถม 3 คนที่ว่าคือระดับเวิลด์คลาสส์ทั้ง ลูก้า โมดริช เอดูอาร์โด้ คามาวินก้า โทนี โครส อีกทั้งยังมี เฟเด บัลเบเด้ ถอยลงมายืนต่ำช่วยไล่บอลอีกคน นั่นจึงเป็นเหตุให้ทั้ง ฟาบินโญ และ มิลเนอร์ ต่อให้ท็อปฟอร์มแค่ไหนก็ไล่ไม่จน และทำให้การขึ้นเกมของ มาดริด ดูไหลลื่นเนียนตามากกว่าไปตามระเบียบ
วินิซิอุส แบกเกมรุกราชัน
เกมนี้ตัวความหวังของ ราชันชุดขาว อีกหนึ่งรายที่ผลงานโดดเด่นก็คงหนีไม่พ้น วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกชาวบราซิลวัย 22 ปี ที่ก็ยังคงเล่นงาน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ อย่างหนักอีกเช่นเคย ซึ่งดูเหมือนว่า คาร์โล อันเชล็อตติ เองจะสั่งให้บอลไปขึ้นทางซ้ายเป็นหลักที่ที่สตาร์เลือดแซมบ้ารายนี้ประจำการอยู่ แน่นอนจุดเด่นอยู่ที่ความเร็วขั้นสุดบวกกับเทคนิคการครองบอลอันยอดเยี่ยม ยังดีที่วันนี้ อิบราฮิมา โคนาเต้ คอยตามล้างตามเช็ดให้มิฉนั้นคงปั่นป่วนมากกว่านี้ แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ยังทำได้ 1 แอสซิสต์จากการเขี่ยต่อให้ เบนเซมา ยิงจ่อ ๆ เป็นประตูชัยในที่สุด แน่นอนด้วยผลงานแบบนี้คงไม่แปลกนักที่เขาจะถูกจับมาเทียบชั้นเป็น 3 สตาร์หัวแถวยุคใหม่ร่วมกับ คิเลียน เอ็มบัปเป้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ในปัจจุบัน
ปีหน้าว่ากันใหม่ (ถ้าได้มา)
ชัยชนะของ เรอัล มาดริด ในเกมนี้ทำให้พวกเขายังมีสถิติอันยอดเยี่ยมในรายการนี้ด้วยการสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ถึง 11 จาก 13 ปีหลังเลยทีเดียว ส่วน ลิเวอร์พูล หากนับเฉพาะในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ นี้จะเป็นการตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายหนที่สองนับจากครั้งล่าสุดที่แพ้ แอตเลติโก้ มาดริด เมื่อปี 2020 แน่นอนเมื่อผลมันออกมาเช่นนี้ก็คงต้องปลอบใจกันไปว่า "ไม่ได้ไม่เป็นไร ปีหน้าว่ากันใหม่" แต่ เอ๊ะ... ปีหน้า หงส์แดง จะได้มาจริงหรือ ? เพราะด้วยผลงานในลีกที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้แถมการลุ้นพื้นที่ท็อป 4 ก็ดูจะดุเดือดมากเป็นพิเศษไม่แน่คำว่า "ปีหน้าว่ากันใหม่" อาจจะไม่เกิดขึ้นจริงกับ ลิเวอร์พูล ซีซั่นหน้าก็เป็นได้...
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด