เชฟยู 2-2 เชลซี : เก็บตกหลังเกม พรีเมียร์ลีก นัด สิงห์น้ำเงิน หลังรั่วไม่เปลี่ยน สุดท้ายออกเจ๊า - FEATURE
• ที่สำคัญ ลูก 2-2 ยังเกิดขึ้นในช่วงทดเจ็บ 90+3 ก่อนจบเกมแค่อึดใจ
• เท่ากับ เชลซี มีปัญหาเกมรับหนักมาก เช่นเดียวกับผลงานเกมเยือนที่ติดลบ
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก 2023/24
วันแข่งขัน: วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2567
สนาม: บรามอลล์ เลน
ผลการแข่งขัน: เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-2 เชลซี
งานง่าย? ไม่มีหรอก...
ถัดจากการสาดแข้งรัวๆ หลังเบรคทีมชาติเดือนก่อน เชลซี เสมอ เบิร์นลี่ย์ 2-2 แล้วตามด้วยเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-3
เด็กๆ ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ได้พบกับ "ทีมบ๊วย" เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ผู้ซึ่ง...
- • 30 นัดมีแค่ 15 แต้ม
• แพ้ 20 จาก 30 เกม หรือก็คือแพ้ 66.67%
• 30 นัด เสีย 80 ประตู...ทำไปได้!
• 14 เกมหลังชนะนัดเดียวถ้วน
• แพ้ เชลซี มาแล้ว 0-2 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
แต่ช้าแต่... แต่ถ้าใครคิดว่านี่จะเป็นงานง่ายระดับหวานหมูของ เชลซี ก็คงต้องขอให้คิดใหม่
เพราะชัดเจนแล้วว่าการเจอทีมท้ายแถวอย่าง เบิร์นลี่ย์ เมื่อเร็วๆ นี้ เชลซี ก็ยังกำชัยไม่สำเร็จ
กับทัพดาบคู่ เชฟยู ที่หลังพิงฝา หน้าพร้อมลุย เมื่อบวกกับปัญหาเรื้อรังที่ เชลซี เป็นในตัวเอง ก็น่าหวาดเสียวตั้งแต่แรกว่านี่จะไม่ใช่เกมที่ง่ายดาย แตกต่างไปจากคิวก่อนนี้ (16 ธ.ค.) ที่ เชลซี เปิดบ้านเชือดใสๆ 2-0
โรเตชั่นบ้างก็มี
ที่เคยเห็นและเป็นมาตลอด เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ มักไม่ค่อยเปลี่ยนทีม 11 ตัวจริง หรือถ้าจะมีปรับก็อาจแค่ 2-3 ตำแหน่ง ด้วยภาพของทีมที่ 1) ค่อนข้างลงตัวแล้ว กับ 2) ขยับไม่ได้มาก เมื่อตัวเจ็บมีครึ่งค่อนทีม
แต่กับเกมนี้ ถึงเวลาที่กุนซืออาร์เจนไตน์ จะงัดเอาการโรเตชั่นทีมมาใช้บ้าง เมื่อนอกจากจำนวนตัวเจ็บจะเพิ่มขึ้นเป็น 9 ราย หลังจาก มาโล กุสโต้ เดี้ยงเพิ่มแล้วนั้น หลายๆ คนก็ควรได้พักบ้างหลังผ่านเกมกับ แมนยู เมื่อ 3 วันก่อน
11 ตัวจริงของวันนี้ จึงได้เห็น ติอาโก้ ซิลวา พี่ใหญ่วัย 39 กลับมาสู่แผงแบ็กโฟร์อีกครั้งหลังไม่ได้เล่นตั้งแต่เกมชนะ คริสตัล พาเลซ 3-1 (12 ก.พ.) จับคู่เซนเตอร์กับ เทรโวห์ ชาโลบาห์ พร้อมถ่าง อักเซล ดิซาซี่ ออกไปยืนแบ็กขวา
แนวรุกก็หย่อน โนนี่ มาดูเอเก้ ลงตัวจริงมาบ้างที่ตำแหน่งปีกขวา เท่ากับ โคล พาลเมอร์ ต้องขยับไปยืนทางซ้าย แล้วให้ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ เป็นกลางรุก สนับสนุนหน้าเป้า นิโคลัส แจ๊คสัน
ดาวรุ่งแห่งปี พีเอฟเอ
ที่จริง นี่ไม่ใช่เกมที่ โคล พาลเมอร์ จะเฉิดฉายระยิบระยับมากนัก ลดระดับจากเกมก่อนที่สังหารแฮตทริกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด
ซึ่งก็พอเข้าใจได้ หลังจากเจ้าหนูวัย 21 ต้องลงสนามแบบไม่พัก เกมนี้คือแมตช์ที่ 37 เข้าไปแล้วในซีซั่นนี้
ในทีมตราสิงห์ ที่มากกว่ามีแค่ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ 41, อักเซล ดิซาซี่ 40, มอยเซส ไคเซโด้ 39, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 38 และ เอ็นโซ เฟร์นานเดซ 38
แต่ถึงแม้จะไม่เปรี้ยงปร้าง ก่อนถูกถอดไปพัก 15 นาทีท้าย พาลเมอร์ ก็ยังจะสะสมเพิ่มได้อีก 1 แอสซิสต์ จากการจ่ายให้ โนนี่ มาดูเอเก้ ลากเข้าไปส่องงามๆ ประตูนำ 2-1 ในนาที 66
นั่นทำให้จนถึงตอนนี้ พาลเมอร์ จัดแล้ว 19 ประตูกับอีก 13 แอสซิสต์ หลังย้ายมาจาก แมนฯ ซิตี้ เมื่อซัมเมอร์
คำถามคือ เท่านี้ มากพอหรือยังกับรางวัลดาวรุ่งแห่งปี พีเอฟเอ...
ในอัตราตัวเต็ง ร้านพูลหลายเจ้ายังยกให้ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ เป็นตัวเก็ง
แต่หากวัดผลงานและความน่าตื่นตาตื่นใจ เราขอยกให้ พาลเมอร์ นี่แหละ ดาวรุ่งแห่งปี!
เกมรุกจับต้องได้
ด้วยความพลุ่งพล่านของ พาลเมอร์ ที่เป็นตัวชูโรง
รอบข้างของเขาอาจจะสลับกันดีบ้างแย่บ้าง ถือเป็นเรื่องธรรมดา
แต่จนถึงตอนนี้ ก็ควรถือว่า เกมรุกของทัพสิงห์ซีซั่นนี้--ที่ชัดเจนว่าขาดแคลน "หน้าเป้า" ตัวจบสกอร์ชั้นยอด ยังเข้าเกณฑ์ "สอบผ่าน" ได้อยู่
- โคล พาลเมอร์ : 19 ประตู 13 แอสซิสต์ (ทุกรายการ)
นิโคลัส แจ๊คสัน : 12 ประตู 4 แอสซิสต์
โนนี่ มาดูเอเก้ : 6 ประตู 1 แอสซิสต์
มิไคโล มูดริค : 6 ประตู 2 แอสซิสต์
เอ็นโซ เฟร์นานเดซ : 7 ประตู 3 แอสซิสต์
คอเนอร์ กัลลาเกอร์ : 5 ประตู 8 แอสซิสต์
จะมีที่ต่ำกว่าความคาดหวังไปหน่อย ก็ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่แม้จะมี 8 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ แต่มาจากโอกาสจบสกอร์แปดร้อยกว่าครั้งได้
และนั่นทำให้ เชลซี ยิงแล้ว 55 ประตูใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ สูงสุดเป็นอันดับ 7 ของลีก
- 1. อาร์เซน่อล -- 75
2. ลิเวอร์พูล -- 72
3. แมนฯ ซิตี้ -- 71
4. แอสตัน วิลล่า -- 66
5. นิวคาสเซิ่ล -- 65
6. สเปอร์ส -- 65
7. เชลซี -- 55
8. เวสต์แฮม -- 52
14. แมนยู -- 45
19. เอฟเวอร์ตัน -- 32
20. เชฟยู -- 30
เกมรับ...แผลเรื้อรัง
แต่ถ้าเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกเย้ยหยันว่าเป็นระดับสมัครเล่น
เกมรับของ เชลซี อืมมมมมมม ควรนิยามว่าอะไรดี?!?
แน่ล่ะว่าส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาคือเรื่องบาดเจ็บ โดยเฉพาะฟูลแบ็ก 2 ข้าง ตัวจริงอย่าง รีซ เจมส์ - เบน ชิลเวลล์ ลงพร้อมกันหนล่าสุดเมื่อไหร่ ใครตอบได้บ้าง หรือคู่เซนเตอร์แบ็ก คู่ไหนแน่ที่เป็นฐานหลักและไว้วางใจได้มากที่สุด
ข้อเท็จจริงที่เป็นคือ เชลซี โดนเจาะอย่างน้อย 2 ประตูต่อเกม มาถึง 5 นัดซ้อน และตลอด 7 จาก 9 เกมหลังสุด
เชลซี โดนเจาะแล้ว 52 ประตูจาก 30 เกม เฉลี่ยโดนนัดละ 1.7 ประตู
ซีซั่นก่อนที่ว่าแย่ๆ เข้าป้ายอันดับ 12 ยังเสียไปแค่ 47 ประตูเท่านั้นเอง
ทั้งหลังบ้านและเกมเยือน
เพราะ 1) คือเกมรับช้ำรั่ว เสียประตูง่าย หาทางแก้ไม่เจอ
และ 2) ปัญหายังอยู่ที่ "เกมเยือน" ซึ่งเสียแต้มมาตลอดทาง
ผลเสมอ เชฟยู วันนี้ ทำให้ทีมตราสิงห์เสมอเกมนอกบ้านมา 3 นัดติด : 1-1 แมนฯ ซิตี้, 2-2 เบรนท์ฟอร์ด และ 2-2 เชฟยู
ยังทำให้ 10 เกมหลังของการเล่นเกมเยือน เชลซี ชนะแค่ 2 เสมอ 3 ที่เหลือแพ้ถึง 5
ด้วยปัญหาทั้ง 2 ชัดเจนว่าคือตัวฉุดรั้งไม่ให้ เชลซี ก้าวไปได้ไกล และต้องฝากความหวัง ความพลิกล็อกไว้กับ เอฟเอ คัพ ที่ต้องเจอตัวเก็งอย่าง แมนฯ ซิตี้ (20 เม.ย.) เท่านั้น
ส่วน พรีเมียร์ลีก ปีหน้าว่ากันใหม่ ซีซั่นนี้จะจบอย่างไร... ปล่อยให้มันเป็นไป!