สปาร์ต้า ปราก 1-5 ลิเวอร์พูล: ควันหลงหลังเกม ยูฟ่า ยูโรปาลีก หงส์แดง บุกยิงยับสบายตัวเลกแรก
รายการ | ยูฟ่า ยูโรปาลีก 2023/24 รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกแรก |
---|---|
วันแข่งขัน | คืนวันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2024 |
สนาม | อีเพต อารีนา |
ผลการแข่งขัน | สปาร์ต้า ปราก 1-5 ลิเวอร์พูล |
เกมตัดสินที่ความเฉียบคม
หากใครตื่นมาเห็นแค่สกอร์คงคิดว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล คงกินหมูแบบชิล ๆ แต่บอกเลยว่าไม่ใช่แบบนั้นเลยเพราะวันนี้โชคดีที่ ควีวีน เคลเลเฮอร์ ยังคงท็อปฟอร์มช่วยเซฟสวย ๆ ไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งต้นเกมทั้งสองทีมเปิดแลกกันอย่างสนุกผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างในเกมนี้คือ หงส์แดง สามารถฉวยโอกาสเอาไว้ได้อย่างเฉียบขาด ขณะที่ สปาร์ต้า ปราก ยิงนกตกปลาไปเองซึ่งหากพวกเขาคมกว่านี้อีกนิดเกมคงไม่ขาดลอยแบบนี้แน่นอน
ประตูที่ 1,000 ของ เยอร์เก้น คล็อปป์
ก่อนเกมจะเริ่ม เยอร์เก้น คล็อปป์ คุม ลิเวอร์พูล ยิงประตูไปแล้วทั้งสิ้น 998 ลูกรวมทุกรายการ ซึ่งประตูที่สองในเกมนี้ของ ดาร์วิน นูนเญซ ถือเป็นประตูที่ 1,000 อย่างเป็นทางการของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในการคุม หงส์แดง นับตั้งแต่เข้ามารับงานเมื่อปี 2015
ปรีไซโด้ ฉีกแนวรับ หงส์แดง
หนึ่งคนที่ผลงานโดดเด่นของ สปาร์ต้า ปราก ในเกมนี้คือ แอนเจโล ปรีไซโด้ วิงแบ็คขวาชาวเอกวาดอร์ที่มีทั้งความเร็ว ความสามารถเฉพาะตัวดี แถมยังยิงคมจ่ายบอลแม่น ซึ่งวันนี้เกมรับฝั่งซ้ายของ หงส์แดง ที่มีทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ จาเรลล์ ควอนซาห์ คุมอยู่นั้นโดนเล่นงานอย่างหนักและหลายครั้งเจ้าตัวสามารถฉีกหลุดไปสร้างโอกาสสวย ๆ ให้ทีมได้ แต่ก็อย่างที่บอกต้องขอบคุณ เคลเลเฮอร์ ที่เป็นกำลังสำคัญช่วยเซฟเกมรับ ลิเวอร์พูล เอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ลูก ซาลาห์ ล้ำตรงไหน ?
ประเด็นนี้ดูจะเบาบางไปเพราะ หงส์แดง เองเอาชนะขาดถึง 4 ประตู แต่ลองเกมตึง ๆ สูสี ๆ จังหวะนี้คงถูกพูดถึงกันระงมอย่างแน่นอน โดยลูกปัญหาเป็นจังหวะที่ โม ซาลาห์ รับบอลในกรอบเขตโทษและยิงเข้าไป แต่สุดท้าย VAR ดึงคืนและแจ้งว่าเป็นลูกล้ำหน้า ซึ่งดูจากภาพช้า ยังไงก็ไม่ล้ำ ! แถมหลังจากนั้นก็ไม่มีการตีเส้นให้ดูเลยจนจบเกมทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการตีเส้นให้เห็นตลอดในครึ่งแรก
3 เกม ชี้ชะตา 3 แชมป์ที่เหลือ
ช่วงสัปดาห์ต่อจากนี้ของ ลิเวอร์พูล ดูจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของ หงส์แดง ที่จะชี้ชะตาการลุ้นแชมป์ 3 รายการของพวกเขาเลยก็ว่าได้ เริ่มจากการเปิดบ้านต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคืนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ซึ่งทราบกันดีว่าผลแพ้ชนะเกมนี้มีจ่าฝูงเป็นเดิมพัน ต่อด้วยเกม ยูโรปาลีก กลางสัปดาห์ที่เหมือนจะงานเบายิงตุนมาแล้วด้วยระยะห่างถึง 4 ประตูก่อนที่สุดสัปดาห์ต่อไปจะเป็นเกม "แดงเดือด" ในศึก เอฟเอ คัพ ที่ดูเหมือนว่า คล็อปป์ เองก็หวังจะได้ชูถ้วยใบนี้เป็นการส่งท้ายเช่นเดียวกัน