สเปอร์ส 0-1 อาร์เซนอล : ประเด็นหลังเกม พรีเมียร์ลีก “สงครามลอนดอนเหนือ” เกมรับนำชัยให้ทัพปืนใหญ่

• อาร์เซนอล เก็บชัยชนะเหนือ สเปอร์ส ได้สามเกมติดต่อกัน นับเป็นครั้งแรกที่ทำได้ตั้งแต่ปี 1988 เป็นต้นมา

• ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ลงเล่นเกมแรกให้กับ อาร์เซนอล และเป็นนักเตะคนแรกต่อจาก อิไซอาห์ แรนกิ้น ที่ลงสนามเกมแรกกับ อาร์เซนอล ในเกมพบกับ สเปอร์ส

Tottenham Hotspur FC v Arsenal FC - Premier League
Tottenham Hotspur FC v Arsenal FC - Premier League / Sebastian Frej/MB Media/GettyImages
facebooktwitterreddit

“สงครามลอนดอนเหนือ” ครั้งที่ 196 จบลงด้วยชัยชนะของ อาร์เซนอล ที่มาพร้อมเกมรับอันเหนียวแน่น และทีเด็ดในเรื่องของลูกตั้งเตะที่ส่งให้พวกเขาคว้าสามคะแนนเหนือ สเปอร์สในเกมนี้ และยังคงเป็นอีกหนึ่งทีมที่ยังไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้

การแข่งขัน : พรีเมียร์ลีก 2024/25
วันแข่งขัน : เสาร์ที่ 15 กันยายน 2024
สนามแข่งขัน : ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส สเตเดี้ยม
ผลการแข่งชัน : สเปอร์ส 0 - 1 อาร์เซนอล

Rodrigo Bentancur, Kai Havertz
Tottenham Hotspur FC v Arsenal FC - Premier League / Nigel French/Allstar/GettyImages

4-4-2 ของปืนใหญ่

อาร์เซนอล ไม่มีทางเลือกอะไรมากนักในการจัดทัพเมื่อพวกเขาเสียผู้เล่น 7 คนจากทั้งอาการบาดเจ็บและโดนแบน โดยเฉพาะในพื้นที่แดนกลางที่ขาดทั้ง มาร์ติน เออเดการ์ด, ดีแคลน ไรซ์ และ มิเคล เมริโน่ ส่งผลให้เกมนี้ พวกเขามี 11 ตัวจริงที่ไม่คุ้นตาพอสมควร

โธมัส ปาเตย์ และ จอร์จินโญ่ สองกองกลางประสบการณ์สูงลงมาเล่นในเกมรับร่วมกัน พร้อมกับส่ง เลอันโดร ทรอสซาร์ ในพื้นที่กลางตัวรุก เล่นร่วมกับ ไค ฮาแวตซ์ เท่ากับว่าพวกเขาไม่มีหน้าเป้าธรรมชาติลงสนาม โดยเลือกระบบการยืนตำแหน่งแบบ 4-4-2 ที่นับเป็นครั้งแรกที่เห็นการยืนตำแหน่งเช่นนี้ของอาร์เซนอล และใช้การสลับยืนสูงต่ำระหว่างเกมแทน

เป้าหมายคือการเน้นเกมรับให้แน่นหนาในพื้นที่แดนกลาง ขณะที่ผู้เล่นตัวรุกทุกคนต้องลงมาช่วยเกมรับทั้งหมด โดยเกมนี้ อาร์เซนอล แทบจะไม่ได้เล่นในระบบ Invert Fullback เลย ฟูลแบ็คซ้ายปักหลักในพื้นที่และดันเกมไปตามจังหวะ ส่วนแบ็คขวาอย่างเบน ไวท์ เกมนี้ รับหน้าที่เจอกับ ซน งานนี้สำคัญยิ่งกว่าเกมบุกแน่นอนอยู่แล้ว

David Raya
Tottenham Hotspur FC v Arsenal FC - Premier League / Catherine Ivill - AMA/GettyImages

เพรสซิ่งเต็มสูบของสเปอร์ส

อาร์เซนอล มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนแผนการยืนตำแหน่งการเล่นแต่ฝั่ง สเปอร์ส เจ้าบ้านยังคงลงเล่นในรูปแบบเดิม เน้นการเล่นเพรสซิ่งตั้งแต่แดนบนกับสามตัวรุก ซน – โซลันกี้ และ จอห์นสัน บดเข้าใส่ทัพปืนใหญ่ แถมมีกองกลางตัวรุกทั้ง แมดดิสัน และ คูลูเชฟสกี้ คอยสนับสนุน

เป้าหมายคือการครอบครองจังหวะเกมรุกเอาโมเมนตัมของเกมเพื่อการจัดการเกมบุกได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งสถิติของเกมนี้ก็บ่งบอกว่าพวกเขาทำสำเร็จกับการครองบอลมากกว่า 70 % และการผ่านบอลมากกว่ากันแบบครึ่งต่อครึ่ง

หากมองกันเพียงเฉพาะสถิติเพียงอย่างเดียว เกมนี้สเปอร์สทำได้ดีกว่าทุกอย่างยกเว้นจำนวนประตู เพราะรูปเกมไม่ได้สอดคล้องกับผลการแข่งขันที่ออกมา


การเก็บตกบอลสอง ตัดการขึ้นเกมของกองกลาง อาร์เซนอล และการแก้ไขปัญหาของ ปืนใหญ่

การเล่นเพรสซิ่งของ สเปอร์ส เพื่อการครอบครองเกมรุก จะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อจังหวะ “บอลสอง” เป็นของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าการตัดกองกลางทั้ง ปาร์เตย์ หรือว่า จอร์จินโญ่ ให้ได้บอลน้อยที่สุดเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทำ และก็ทำได้ดี เมื่อทั้งสองคนแทบไม่มีจังหวะให้เล่นง่ายเลยตลอด 90 นาที บอลของ อาร์เซนอล จะเน้นการเซ็ตบอลตั้งแต่แนวรับเพราะเจองานยากเมื่อคู่แข่งเพรสซิ่งไล่บอลแดนบน เมื่อบอลถึงกองกลางก็จะเจอบีบให้เล่นยาก สิ่งที่อาร์เซนอล ทำได้คือการวางข้ามกองกลาง อาศัยบอลยาวจากหลังไปหน้าเสียเป็นส่วนใหญ่ และไปลุ้นให้แนวรุกด้านบนเก็บบอลให้ได้ เพื่อสร้างจังหวะเกมรุก และมันก็ทำได้จริง เพราะมีนักเตะที่สามารถพักบอลได้อย่าง ไค ฮาแวตซ์ ที่พอจะทำให้ตัวรุกด้านบนพาบอลไปเล่นสวนกลับ และไม่ทำให้เกมรับปืนใหญ่ต้องเจอกดดันต่อเนื่องมากเกินไป

ทั้งนี้การที่ สเปอร์ส เล่นเกมรุกเต็มสูบก็กลายเป็นข้อดีของ อาร์เซนอล ในบางมุม เมื่อพวกเขามีกองกลางตัวรับสองคนอยู่ในทีม การเล่นเกมรับของพวกเขาก็ยิ่งดึงศักยภาพของทั้งสองคนนี้ออกมาแบบเต็มตัว ทดแทนการที่ไม่สามารถเล่นเกมรุกได้ไปโดยปริยาย


สเปอร์ส ไม่เฉียบคม อาร์เซนอล ไม่ได้เล่นแบบที่ต้องการ

ปัญหาเรื่องของความ “ไม่ลงตัว” ในวันนี้เกิดขึ้นกับทั้งสองทีม สเปอร์ส แม้จะครองเกมได้มากกว่าแต่จังหวะของพวกเขาก็ไม่ลงตัวนัก การสร้างโอกาส 15 ครั้งในเกมนี้ จบด้วยการเข้ากรอบ 5 ครั้ง แต่ถ้านับกันเป็นจังหวะจะแจ้งอันตราย อาจจะมีเพียงครั้งเดียวตลอดทั้งเกม แม้จะครองเกมได้เยอะ แต่พวกเขาก็เจาะอาร์เซนอลไม่ได้ง่ายนัก และตัวพวกเขาเองก็ไม่สมารถสร้างอันตรายได้ชัดเจนมากพอ ขณะที่ ปืนใหญ่ มีปัญหาจากการที่ขาดตัวหลักไปหลายคน ความเข้าใจระหว่างดูจะมีปัญหาโดยเฉพาะในเกมรุกค่อนข้างชัด และเจอเพรสซิ่งหนักหน่วงตลอดเกม

ดังนั้นทั้งสองทีมมีปัญหาที่คล้ายกันแต่ต่างกันในเรื่องของรายละเอียด ก่อนที่สุดท้ายเกมจะมาตัดสินด้วยลูกตั้งเตะอันนำมาซึ่งประตูโทนในเกมนี้ ซึ่งเป็นการยิงเข้ากรอบครั้งแรกและครั้งเดียวของ อาร์เซนอล ในครึ่งหลังเสียด้วย

Gabriel Magalhaes
Tottenham Hotspur FC v Arsenal FC - Premier League / Sebastian Frej/MB Media/GettyImages

เซตเพลย์เปิดแผล เกมรับนำชัย

กาเบรียล มากัญเยส กลายเป็นการเซ็นสัญญาที่ถูกตัวสำหรับ อาร์เซนอล เมื่อเขากลายเป็นนักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดใน 5 ลีก ในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง กับจำนวน 16 ประตูในทุกรายการนับจากย้ายมาเล่นกับ อาร์เซนอล และเกมนี้ชัยชนะก็มาจากการโหม่งประตูของเขาที่ตอนนี้ลูกตั้งเตะของปืนใหญ่ กลายเป็นอาวุธร้ายของทีมไปเรียบร้อยแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจากทีมที่เคยได้ลูกเตะมุมไม่ต่างจากลูกทุ่ม จะกลายมาเป็นทีมที่ยิงประตูจากลูกตั้งเตะได้มากที่สุดในลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

อย่างไรก็ตามชัยชนะของอาร์เซนอลในเกมนี้ นอกจากประตูโทนนี้แล้ว การเล่นเกมรับของพวกเขาสมควรได้รับเครดิต 100 % ทั้งจากการจัดทัพที่วางมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เกมรับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ตัวหลักบาดเจ็บเยอะ หรือจะมาจากการประเมินคู่แข่งและแทคติกก็ตามที เกมรับของอาร์เซนอลในวันนี้หมดจดและไม่ก่อความผิดพลาดตลอดเกมนี้ ในวันที่ทุกอย่างไม่ลงตัวอย่างที่เคย


อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม อาร์เซนอล ได้ที่นี่

feed