ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (0) 0-1 (3) เชลซี: เก็บตกทุกประเด็นหลังเกม คาราบาว คัพ รอบ 4 ทีมสุดท้าย สิงห์บลู ลิ่วรอเข้าชิง

การแข่งขัน: ฟุตบอลคาราบาว คัพ 2021/22 รอบรองชนะเลิศ เลกที่ 2
วันแข่งขัน: คืนวันพุธที่ 12 มกราคม 2022
เวลาแข่งขัน: 02:45น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน: ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ (0) 0-1 (3) เชลซี
สนาม: ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม

เชลซี บุกเฉือนชนะ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 0-1 โดยมาได้ประตูโทนจาก อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ในนาทีที่ 18 ทำให้ผลรวมสองนัด สิงโตน้ำเงินคราม ไปรอชิงชนะเลิศด้วยสกอร์รวม 0-3

เริ่มครึ่งเวลาแรกต่างฝ่ายต่างเซ็ตเกมบุกเข้าใส่กัน และเป็นทีมเยือนที่มีลุ้นก่อนจาก ติโม แวร์เนอร์ ที่ฉวยโอกาสยกบอลข้ามศีรษะผู้รักษาประตูแต่บอลแรกข้ามคานออกไปในนาทีที่ 9

หลังจากนั้น 1 นาที ลูกากู เก็บบอลได้ในกรอบเขตโทษก่อนได้จบ แต่ยังไปติดเซฟของ กอลลินี

นาทีที่ 13 ลูคัส มูรา ลองส่องไกล แต่ยิงโดนไม่ดีบอลหลุดกรอบออกไป

แต่แล้วนาทีที่ 18 เชลซี บุกมานำก่อนจากจังหวะเตะมุม เมานท์ เปิดเข้ากลางบอลเลยมาเข้าทาง รือดิเกอร์ โขกเข้าประตูไป

นาทีที่ 23 โอดอย ได้ปั่นด้วยขวาจากนอกกรอบ ไปติดเซฟของ กอลลินี อีกครั้ง

นาทีที่ 31 ฮอจเบิร์ก ได้ลองส่องไกล บอลไปแฉลบ คริสเตนเซน หลุดเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

หนึ่งนาทีต่อมา เคน มีลุ้นชาร์จลูกเตะมุมจ่อ ๆ แต่บอลแรงทำให้เข้าไม่ถึงพลาดโอกาสตีเสมอไป

นาทีที่ 36 เอแมร์ซอน ได้ลุ้นจบในกรอบเขตโทษ แต่บอลยังไปตรงตัว เคปา รับสบาย

นาทีที่ 41 สเปอร์ส มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ฮอจเบิร์ก โดนทำฟาวล์ แต่สุดท้าย VAR เช็คว่าเป็นการปะทะนอกกรอบ

และจบ 45 นาทีแรก เชลซี ออกนำ 0-1

เริ่มครึ่งเวลาหลังยังคงเป็นทีมเยือนที่มีลุ้นก่อนจากจังหวะขึ้นโหม่งของ รือดิเกอร์ แต่บอลโด่งข้ามคานออกไป

นาทีที่ 55 ผู้ตัดสินเป่าจุดโทษให้กับเจ้าถิ่นอีกครั้งจากจังหวะที่ มูรา ล้มลงในกรอบ แต่หลังจากดู VAR ก็กลับคำตัดสินและให้เป็นบอลของ เชลซี

นาทีที่ 60 เอแมร์ซอน ได้โขกเต็ม ๆ แต่ เคปา ยังซุเปอร์เซฟเอาไว้ได้

นาทีที่ 64 เคน ยิงเข้าไปประตูไปแล้ว แต่สุดท้ายถูก VAR จับล้ำหน้าไปก่อน

นาทีที่ 69 ลูกากู ได้ลองวอลเล่ในกรอบเขตโทษ แต่บอลแรงเหินข้ามคานออกไป

ช่วงท้ายเกมเจ้าบ้านพยายามเปิดเกมบุกอย่างหนัก แต่ทางฝั่งผู้มาเยือนพยายามเก็บบอลและครองบอลเอาไว้ให้นานที่สุดจนทำให้หาโอกาสจบกันค่อนข้างยาก

กระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เซสเซยอง ตัวสำรองได้ยิงจ่อ ๆ แต่ยังไปติดเซฟจอง เคปา

ทำให้จบ 90 นาที เชลซี บุกมาย้ำชัย 0-1 รวมสองนัด สิงห์บลู เข้าชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 0-3

ตัดเกรดผู้เล่นทั้งสองทีม

เชลซี : เคปา (8), คริสเตนเซน (7), รือดิเกอร์ (7.5), อัซปิลิกวยต้า (7), ซารร์ (7), จอร์จินโญ (7.5), โควาชิช (7.5), โอดอย (7), เมานท์ (7), แวร์เนอร์ (7), ลูกากู (7)

ตัวสำรอง : ซิลวา (7), อลอนโซ (7), ซิเยค (6), ก็องเต้ (6), ลอฟตัส ชีค (6)

สเปอร์ส : กอลลินี (5), ซานเชซ (6), ทันกันก้า (5), เดวิส (6), โดเฮอร์ตี้ (4), เอแมร์ซอน (7), วิงค์ส (6), โล เซลโซ (6), ฮอจเบิร์ก (6), มูรา (6), เคน (7)

ตัวสำรอง : เซสเซยอง (5), กิล (5), สกิปป์ (6)

คีย์แมน - จอร์จินโญ / โควาชิช

วันนี้ต้องบอกว่ายังคงเป็น เชลซี ที่ทำได้ดีกว่าค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะเกมกลางสนามที่ดูไหลลื่นแบบสุด ๆ เพราะวันนี้ 2 มิดฟิลด์อย่าง จอร์จินโญ และ โควาชิช ทำหน้าที่เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนบอลจากหลังไปหน้าได้อย่างไร้ที่ติ นอกจากจะแกะเพลสซิงได้ดีด้วยการต่อบอลเท้าสู่เท้าได้อย่างแม่นยำ พวกเขายังไปกับบอลได้ดี จนทำให้บางช่วงเจ้าบ้านถึงกับหาบอลไม่เจอเลยไปพักใหญ่ทีเดียว แถมเกมรับในวันนี้ก็ดันขึ้นไปช่วยไล่บีบตั้งแต่แดนของ สเปอร์ส จนเจ้าถิ่นตั้งเกมแทบไม่ได้และช่วยให้ทีมเอาบอลกลับมาครองได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

ประเด็นหลังเกม

น่าเหนื่อยใจแทน แฮร์รี เคน
ตลอด 90 นาทีในเกมนี้ไม่ใช่ว่า สเปอร์ส สู้ไม่ได้ อันที่จริงพวกเขาก็สร้างโอกาสเข้าทำได้มากพอสมควร แถมยังมีจังหวะสวย ๆ หลายต่อหลายครั้ง แต่น่าแปลกตรงที่ที่จังหวะที่มีลุ้นใกล้เคียงจะได้ประตูนั้นจะต้องเป็น แฮร์รี เคน ที่ตำแหน่งเป็นหัวหอกตัวเป้าเป็นคนลงมาปั้นเกมในกับเพื่อนเสมอ ซึ่งต้องบอกว่าน่าเหนื่อยใจแทนดาวเตะรายนี้สุด ๆ ที่ต้องแบกทีมทำทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว เพราะกองกลางก็ปั้นเกมไม่ได้ ตัวรุกก็ไม่มีเพลย์เมคเกอร์ธรรมชาติแม้แต่คนเดียว แถมการขาด ซน เฮือง มิน ไปก็เหมือนขาดแขนไปข้างหนึ่งและนั่นทำให้ เคน ต้องรับภาระหนักในการพาทีมไปข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ VAR ยังไม่เป็นใจที่ริบคืนประตูของเขาไปแถมยังเรียกคืนอีก 2 จุดโทษ มิฉนั้นเจ้าตัวอาจทำแฮททริกในเกมนี้ไปแล้วก็เป็นได้ !

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด