เวสต์แฮม 0-3 เชลซี : เก็บตกประเด็นหลังเกม สิงห์บลูส์ ฟอร์มแจ่มบุกอัด ขุนค้อน ทะยานขึ้นท็อปโฟร์

แจ็คสัน อย่างคม ! เหมาคนเดียว 2 ประตู

นิโคลาส แจ็คสัน ตอบทุกคำถามว่าทำไม เอ็นโซ่ มาเรสก้า ถึงเลือกเขาลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าก่อน คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ซึ่งแม้จะค้านสายตาแฟนบอลหลายคน แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ แจ็คสัน มีสถิติตัวเลขที่ดีมาก ๆ เมื่อเทียบกับศูนย์หน้าคนอื่นที่ทีม สิงห์บลูส์ เซ็นเข้ามาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ในเกมวันนี้ แจ็คสัน ใช้ความเร็วและความคล่องตัวซึ่งเป็นจุดเด่นของเขาเล่นงานแนวรับ เวสต์แฮม จนพังไม่เป็นท่า โดยทั้งสองประตูที่ดาวเตะชาว เซเนกัล ทำได้ก็มาจากความเร็วของ แจ็คสัน ที่สปีดหนีแนวรับที่หลุดสมาธิเข้าไปทำประตูอย่างง่ายดาย แต่ที่น่าประหลาดใจเล็กน้อยคือเขาจบสกอร์ได้คมกริบทุกจังหวะต่างจากแมตช์ก่อน ๆ

เมื่อพูดถึงตัวเลข เกมกับทีม ขุนค้อน เป็นนัดที่ 50 ของ แจ็คสัน ในสีเสื้อ เชลซี พอดิบพอดี รวมไปทั้งสิ้นเขายิงไป 21 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ในทุกรายการ ถือเป็นตัวเลขสถิติที่โกหกใครไม่ได้ว่า 32 ล้านปอนด์ที่ เชลซี จ่ายไปก็มีสิ่งตอบแทบกลับมาเป็นกอบเป็นกำ แถมในซีซันนี้มีเพียง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ และ หลุยส์ ดิอาซ เท่านั้นที่ยิงประตูมากกว่าเขาใน พรีเมียร์ลีก

ไกเซโด้ ท็อปฟอร์ม - ซานโช่ ออกสตาร์ทสวย

คนที่โดดเด่นที่สุดของ เชลซี นอกจาก แจ็คสัน ที่ยิงประตูได้ก็คือ มอยเซส ไกเซโด้ ที่รับจบแดนกลางตลอดทั้ง 90 นาทีได้อย่างหมดจดจนทำให้แฟนบอลถึงกับต้องขยี้ตาว่า เอ็นโกโล ก็องเต้ ย้ายกลับมาตอนไหน

ไกเซโด้ เริ่มปรับตัวเข้ากับแผนของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ได้ในช่วงเกมสองเกมที่ผ่านมา จนกระทั่งแมตช์นี้ ดาวเตะชาว เอกวาดอร์ เป็นตัวแบกในแดนกลางทั้งรุกและรับเขาจัดให้หมด แถมทำไปอีก 1 แอสซิสต์จากการจ่ายบอลคม ๆ ให้ แจ็คสัน หลุดเข้าไปยิง

สถิติของ ไกเซโด้ เกมเจอ เวสต์แฮม
ลงเล่น 90 นาที
ทำ 1 แอสซิสต์
เรียกฟาล์ว 2 ครั้ง
เข้าปะทะ 8 ครั้ง
ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 2 ครั้ง
สกัดบอล 1 ครั้ง
เคลียร์บอล 2 ครั้ง
บล็อคลูกยิง 2 ครั้ง
ผ่านบอลสำเร็จ 87%

ส่วน เจดอน ซานโช่ แม้รายละเอียดภายในเกมจะเงียบลงไปจากเกมกับ บอร์นมัธ แต่เจ้าตัวก็ยังสร้างสรรค์โอกาสทองให้เพื่อนได้มากถึง 2 ครั้งและเปลี่ยนหนึ่งในนั้นเป็น แอสซิสต์ ได้อีกด้วย หมายความว่าเขาใช้เวลาเพียง 90 นาทีจากทั้ง 2 เกมทำ 2 แอสซิสต์ให้ เชลซี ได้แล้ว

10 แต้มจาก 5 นัดแรก ถือว่าไม่แย่..

แม้ออกสตาร์ทซีซันได้ไม่สวยงามเท่าไรด้วยการเปิดบ้านแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คา สแตมฟอร์ด บริดจ์ รวมถึงเกมไปเยือน เซอร์เวตต์ ที่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนจนได้รับความพ่ายแพ้กลับบ้านมา แต่ เชลซี ในตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้ว

ชัยชนะใน ลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ทำให้พลพรรค สิงโตน้ำเงินคราม เก็บได้ 10 แต้มจากการลงเล่น 5 นัดใน พรีเมียร์ลีก ซีซันนี้ ทะยานขึ้นไปอยู่เป็นรองจ่าฝูงชั่วคราวก่อนที่ทีมอื่น ๆ จะทยอยเตะกันในเวลาต่อมา และถึงแม้จะเป็นแค่ตำแหน่งชั่วคราว แต่มันก็ทำให้แฟนบอล เชลซี ชื่นใจได้ไม่น้อยเพราะไม่บ่อยนักที่ทีมรักจะได้ขึ้นไปอยู่อันดับสูงขนาดนี้บนตารางคะแนน

คุณภาพโดยรวมของเกม เชลซี ยังมีสิ่งที่ต้องปรับแก้อีกหลายจุด โดยเฉพาะเกมรับที่ต้องขันน็อตกันให้แน่นเชียว แต่สิ่งที่เราได้เห็นเพิ่มเติมจากซีซันก่อนคือเมื่อ เชลซี มีทางเลือกคุณภาพบนม้านั่งสำรองเยอะขี้น พวกเขาสามารถเอาผลสกอร์ที่น่าพอใจกลับบ้านได้แม้รูปเกมจะไม่ได้ดูดีมีราคานัก

บททดสอบถัดไปคือช่วงที่ตารางการแข่งขันเริ่มอัดแน่นขึ้นไม่ว่าจะเป็นทั้ง ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ลีก และบอลถ้วยภายในประเทศ ที่นักเตะจะต้องลงกรำศึกกันทุกๆ 2-3 วัน เอ็นโซ่ มาเรสก้า จะทำอย่างไรให้ทีมเล่นได้อย่างมั่นคงเมื่อถึงคราวต้องโรเตชั่นนักเตะชุดสำรองลงมาบ้าง

คู่หู โคล-แจ็ค เข้าขากันสุด ๆ

ไม่รู้ว่ามากันยังไงสำหรับคู่หู โคล พาลเมอร์ และ นิโคลาส แจ็คสัน แต่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเล่นเข้าขากันได้ดีเหลือเกิน และเคมีที่ไปด้วยกันได้ของคู่นี้ก็อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไม เอ็นโซ่ มาเรสก้า เลือกใช้ แจ็คสัน ลงสนามก่อน เอ็นคุนคู

ในเกมวันนี้นอกจากที่ แจ็คสัน จะยิงได้ 2 ประตู เขายังทำได้อีก 1 แอสซิสต์ให้ โคล พาลเมอร์ อีกด้วย จนกลายเป็นคู่หูที่มีส่วนร่วมในประตูของกันและกันมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ฤดูกาล 2023/24 ที่ทั้งสองคนได้ลงเล่นด้วยกันเป็นซีซันแรก โดยจนถึงตอนนี้ทั้งสองคนแลกกันยิง-ส่งไปทั้งหมดแล้ว 10 ลูกด้วยกัน

สถิติการผสานงาน ยิง-จ่าย ของ พรีเมียร์ลีก(นับตั้งแต่ฤดูกาล 2023/24)
โคล พาลเมอร์ & นิโคลาส แจ็คสัน - 10 ประตู
เลออน ไบลี่ย์ & โอลลี่ วัตกิ้นส์ - 9 ประตู
แอนโธนี่ อีแลงก้า & คริส วู้ด - 7 ประตู
บูกาโย่ ซาก้า & ไค ฮาแวตซ์ - 7 ประตู
ดาร์วิน นูเญซ & โมฮาเหม็ด ซาลาห์ - 6 ประตู

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม เชลซี ได้ที่นี่